วงการแท็กซี่ป่วน! แหล่งข่าวแฉถูกบีบให้จอง "รถพลังไฟฟ้า" ทั้งที่ยังไม่รู้ยี่ห้อ-รุ่น
วงการสหกรณ์แท็กซี่ป่วนหนัก! แหล่งข่าวเผย กรมส่งเสริมสหกรณ์ บีบสหกรณ์แท็กซี่ "จองรถแท็กซี่ไฟฟ้า" อย่างน้อยแห่งละ 20 คัน ระบุรัฐพร้อมอุดหนุน 60% ต่อคัน หรือไม่เกิน 6 แสนบาท หวังเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อ้างต้องการนำข้อมูลเสนอรัฐของบ ขณะที่สหกรณ์แท็กซี่ต่างก็ "มึน" กับโครงการ เพราะไม่มีรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับยี่ห้อรถ หรือสเปกรถ
สำนักข่าว The Bangkok Insight รายงานข่าวในแวดวงแท็กซี่ไว้อย่างน่าสนใจว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ กำลังจัดทำ "โครงการรถแท็กซี่อัจฉริยะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน" ขึ้นมา โดยระบุว่า จากปัญหาภัยพิบัติและปัญหาทางสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าและบริการจากผู้ผลิตที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันผู้บริโภคมักเข้าถึงสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ เห็นความสำคัญของการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของสหกรณ์แท็กซี่ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น มีต้นทุนที่ต่ำลง มีรายได้ที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีเงินเหลือเพื่อออมเพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างความเข้มแข็งจากฐานรากของระบบเศรษฐกิจ จึงได้จัดทำ "โครงการรถแท็กซี่อัจฉริยะ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน"
บีบสหกรณ์แท็กซี่จองรถแท็กซี่ไฟฟ้าอย่างต่ำ 20 คันต่อแห่ง
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยังให้เหตุผลว่า มุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดต้นทุนค่าพลังงาน และเป็นปัจจัยกระตุ้นการใช้บริการรถแท็กซี่สหกรณ์ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงคมนาคม ทั้งยังสนับสนุนการสร้างแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างช่องทางการเข้าถึงการให้บริการของสหกรณ์แท็กซี่ให้ทัดเทียมเทคโนโลยีของผู้ให้บริการรายอื่นๆ
จากโครงการดังกล่าว แหล่งข่าวจากสหกรณ์แท็กซี่ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เรียกกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทยเข้าพบ เพื่อชี้แจงถึงความสำคัญของการสนับสนุนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้โครงการรถแท็กซี่อัจฉริยะฯ โดยเสนอขอให้สหกรณ์แท็กซี่แต่ละค่ายเข้าร่วมโครงการ พร้อมกับเสนอให้สหกรณ์แท็กซี่แต่ละแห่งมีการจองจำนวนรถแท็กซี่ไฟฟ้าไว้ โดยขอร้องให้แต่ละสหกรณ์ช่วยจองรถแท็กซี่ไฟฟ้าไปสหกรณ์ละ 20 คัน เป็นอย่างต่ำ
"เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์บอกด้วยว่า ถ้าสหกรณ์แท็กซี่สหกรณ์ไหนจองรถแท็กซี่ไฟฟ้าไปจะได้รับการอุดหนุนงบจากรัฐบาล 60% ต่อคัน หรือคันละไม่เกิน 600,000 บาท ของราคาเต็มของรถไฟฟ้า แต่ที่ทุกคนงงมากๆ ตอนนี้ก็เพราะไม่รู้ว่ารถแท็กซี่ไฟฟ้าที่จะให้จองซื้อจริงๆ แล้วราคาเต็มเท่าไหร่ ยี่ห้ออะไร ขนาดเป็นอย่างไร ในรายละเอียดส่วนนี้ไม่ได้รับการชี้แจง ถามไปก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ ทำให้ทุกคนงงว่าเกิดอะไรขึ้น หน่วยงานรัฐทำโครงการขึ้นมาทั้งทีน่าจะมีรายละเอียดมากกว่านี้ ทุกครั้งที่คุยกันมีแต่ขอให้สหกรณ์แท็กซี่แต่ละแห่งช่วยมีหนังสือตอบรับการเข้าร่วมโครงการด้วย" แหล่งข่าว ระบุ
สหกรณ์แท็กซี่ โวยบังคับตอบรับทั้งที่ไม่มีรายละเอียดพอ
แหล่งข่าว กล่าวเพิ่มเติมว่า สหกรณ์แท็กซี่แต่ละแห่งที่ถูกเรียกไปหารือแล้ว 2-3 ครั้ง ทุกครั้งที่ไปหารือพยายามถามถึงรายละเอียดของโครงการ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร มีเพียงขอให้เร่งรัดทำหนังสือตอบรับเข้าร่วมโครงการอย่างเดียว โดยอ้างว่าเพื่อจะได้ทำโครงการเสนอไปยังรัฐบาลและของบประมาณต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภายใต้โครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ระบุว่า เพื่อสนับสนุนการยกระดับคุณภาพการให้บริการของสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ โดยสนับสนุนการให้ความรู้ที่เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเสริมสร้างมาตรฐานในการให้บริการอันเป็นการสร้างความประทับใจและสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการเกิดการยอมรับ กลับมาใช้บริการซ้ำ และชักชวนให้เกิดการใช้บริการเพิ่มมากขึ้นต่อไป พร้อมกับระบุด้วยว่า สหกรณ์แท็กซี่เป็นสหกรณ์ที่สำคัญด้านหนึ่งในสหกรณ์บริการ โดยสหกรณ์แท็กซี่ ที่มีสถานะ Active มีจำนวน 59 แห่ง มีสมาชิกจำนวน 50,974 คน มีรถแท็กซี่จำนวน 19,555 คัน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำดัชนีชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) เชิงปริมาณ ซึ่งระบุว่า
- สหกรณ์แท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้น 3%
- สมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 10%
- สมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีเงินออมเพิ่มขึ้น 3%
โครงการดังกล่าาว มีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ปีงบประมาณ 2566 โดยกำหนดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณ วงเงินที่ดำเนินการ 17,746,500 บาท แบ่งเป็น งบดำเนินงาน 5,746,500 บาท และงบเงินอุดหนุน 12,000,000 บาท
ทั้งนี้ แหล่งข่าว กล่าวอีกด้วยว่า ในสถานการณ์เช่นนี้มาบีบบังคับที่จะให้สหกรณ์แท็กซี่จองซื้อรถแท็กซี่ไฟฟ้า เท่ากับเป็นการเพิ่มภาระ ขณะที่การใช้บริการของประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 ก็ลดลง ยิ่งสร้างภาระต่อวงการสหกรณ์แท็กซี่ ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น การบริการต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่เข้าใจดี แต่อยู่ๆ จะให้ปรับเปลี่ยนในภาวะอย่างนี้เป็นการเพิ่มภาระ จึงอยากให้รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจช่วยพิจารณาความเหมาะสมของเรื่องนี้ด้วย