กู้ภัย 2 มูลนิธิดังตีกัน ไล่ยิงสนั่นเกษตร-นวมินทร์ เขม่นกันหลังช่วยคนเจ็บอาทิตย์ก่อน

กู้ภัย 2 มูลนิธิดังตีกัน ไล่ยิงสนั่นเกษตร-นวมินทร์ เขม่นกันหลังช่วยคนเจ็บอาทิตย์ก่อน

กู้ภัย 2 มูลนิธิดังตีกัน ไล่ยิงสนั่นเกษตร-นวมินทร์ เขม่นกันหลังช่วยคนเจ็บอาทิตย์ก่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กู้ภัย 2 มูลนิธิดังตีกัน ไล่ตามยิงสนั่นเกษตร-นวมินทร์ ตำรวจกำหนด 4 ข้อปฏิบัติเพื่อจัดระเบียบและลดความขัดแย้ง "ไทด์ เอกพัน" รับปากจะพามือยิงมอบตัว

สืบเนื่องจากกรณีอาสาสมัคร 2 มูลนิธิชื่อดัง ก่อเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อยและยิงปืนใส่กันในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง ต่อเนื่องพื้นที่ สน.โคกคราม เมื่อกลางดึกของวันที่ 14 มกราคม

โดย เวลา 01.00 น. นายเกียรติศักดิ์ มานุชานนท์ อายุ 42 ปี อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู จุดบางกรวย ในสภาพปากแตก เลือดกำเดาไหล เข้าแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง ว่าขณะเข้าจุดอยู่บริเวณแยกพงษ์เพชร มีอาสามูลนิธิเพชรเกษม เข้ามาถามในทำนองว่า สตาร์ทรถออกตัวดังผิดปกติมีปัญหาอะไรหรือไม่ ตนได้บอกไปว่า รถเครื่องยนต์ไม่ดีเวลาสตาร์ทเร่งเหยียบเครื่องมีอาการกระตุกเลยต้องเหยียบคันเร่งแรงๆ หลังจากนั้นกลุ่มอาสาของฝ่ายเพชรเกษมได้ปลีกตัวออกไป กลับมาอีกครั้งพร้อมพวกราว 20-30 คน คราวนี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้ามารุมชกต่อยตนเพียงคนเดียวทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ทั้งนี้ตนไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับมูลนิธิดังกล่าวมาก่อนแต่อย่างใด

ด้าน อาสาสมัครจากมูลนิธิเพชรเกษมก็ได้เข้าแจ้งความหลังเกิดเหตุเช่นกันว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกับฝ่ายมูลนิธิร่วมกตัญญู และมีเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความไว้เพื่อสอบสวนหาสาเหตุต่อไป แต่หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายแจ้งความกันเสร็จไม่นาน เวลา 01.30 น. ตำรวจ สน.โคกคราม ได้รับแจ้งเหตุมีการยิงปืนที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนเกษตร-นวมินทร์ ฝั่งขาออก บริเวณเสาตอม่อที่ 71-72 ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. เกลื่อนถนน โดยกลุ่มที่ก่อเหตุยิงนั้นได้หลบหนีไปแล้ว พบผู้บาดเจ็บถูกอาวุธปืนยิงเฉี่ยวขาดบริเวณหน้าแข้งซ้าย 1 ทราบชื่อต่อมาว่า นายพิสิฐชัย อายุ 42 ปี เป็นคณะกรรมการมูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพ นายพิสิฐชัยเล่าว่า ตนนัดนัดสมาชิก 20 คน มาประชุมเรื่องจะต่อบัตรสมาชิก และได้ทราบว่ามีเกิดการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างมูลนิธิเพชรเกษมกับร่วมกตัญญูที่บริเวณแยกพงษ์เพชร

โดยฝ่ายของมูลนิธิเพชรเกษมได้เข้าไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ว่า ฝั่งคู่กรณีใช้ปืนยิง ตนเข้าใจว่าเรื่องน่าจะจบแล้ว แต่ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังประชุมนั่งหาเรื่องกันอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อภายใน ปั๊มปตท. เกิดมีกลุ่มอาสาของมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมรถนับ 10 คัน มาจอดที่ริมถนนก่อนจะเปิดฉากใช้อาวุธปืนยิงใส่ ทำให้กลุ่มตนต้องวิ่งหนีแตกกระเจิงเพื่อเอาชีวิตรอด ตนวิ่งหลบไปยังฝั่งตรงข้าม ทำให้ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่หน้าแข้งซ้าย เป็นแผลเล็กน้อย โดยฝ่ายคู่กรณีนั้นใช้อาวุธปืนยิงเข้ามา นับกระสุนได้ประมาณ 30 นัด นานราว 3-5 นาที ก่อนจะขับรถหนีไป 

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.ที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ รอง ผบก.น.2 และผกก.ทุกสถานีตำรวจในสังกัด บก.น.2 ร่วมทั้งตัวแทนของมูลนิธิทั้ง 2 ฝ่าย ที่ก่อเหตุ ประกอบด้วย นายเอกพัน หรือไทด์ บรรลือฤทธิ์  หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และ นายบัญชา หรือหรั่ง ศรีนิลพันธ์ ผู้จัดการมูลนิธิเพชรเกษม สาขากรุงเทพ เพื่อสร้างมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีกในพื้นที่ บก.น.2

พล.ต.ต.อรรถพล กล่าวว่า จากการหารือ ได้มีแนวทางเพื่อป้องกัน 4 ข้อ ดังนี้ 1. ให้ทั้งสองฝ่ายประชุมทำความเข้าใจกับสมาชิก เพื่อยุติความรุนแรง หากยังเกิดเหตุรุนแรงซ้ำ ทาง บก.น.2 จะทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2. ให้ทั้งสองฝ่าย นำตัวผู้ก่อเหตุมามอบตัวภายในช่วงเย็นวันนี้ โดยที่ สน.ทุ่งสองห้อง จะเป็นฝ่ายมูลนิธิเพชรเกษม และที่ สน.โคกคราม จะเป็นฝ่ายมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งขณะนี้สืบสวนทราบตัวแล้ว หากไม่เข้ามอบตัว จะทำการออกหมายจับ 3. ทำหนังสือเพื่อตรวจสอบมูลนิธิทุกมูลนิธิที่ปฏิบัติหน้าที่ ว่าได้รับอนุญาตจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบว่ายังไม่ได้รับอนุญาต จะดำเนินการตามกฎหมาย และ 4. มาตราการในการตรวจค้นอาวุธ โดยจะขอความร่วมมือทุกมูลนิธิ หากต้องการปฏิบัติหน้าที่ ต้องเข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อตรวจค้นว่าไม่มีการพกพาอาวุธทุกชนิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการเช่นนี้ขึ้นอีก โดยได้สั่งการมาตรการตรวจค้นดังกล่าวกับ ผกก.ทุกสน.ในเขตพื้นที่ บก.น.2 และอาจนำไปปรับใช้ในพื้นที่เขตอื่นๆ

พล.ต.ต.อรรถพล กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้ต้องหาทั้งสองฝ่ายนั้นเคยร่วมงานและมีประเด็นโกรธเคืองกันมาก่อน รวมถึงอาจมีเหตุขัดข้องเฉพาะหน้าร่วมด้วย ทั้งนี้ยังไม่ขอพูดถึงว่าเกิดจากประเด็นส่วนตัว หรือประเด็นพื้นที่การปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้ไม่พบการรายงานว่ามีการใช้อาวุธปืนในพื้นที่อื่นนอกจากพื้นที่ สน.โคกคราม ในส่วนของคดี พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง จะเป็นข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วน สน.โคกคราม คาดว่าจะเป็นข้อหาพยายามฆ่า เนื่องจากมีการใช้อาวุธปืน ส่วนจำนวนผู้ก่อเหตุนั้นขอให้เป็นเรื่องในสำนวนคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ทั้งนี้จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย หากพบว่าผู้ก่อเหตุมีคดีติดตัว ก็จะดำเนินคดีทุกกรณี

ด้าน นายเอกพัน กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวแนวทางที่ดีมาก เนื่องจากตนเองได้ติดต่อกับหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการตอบรับ แนวทางที่ได้รับจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ตนเองรู้สึกเสียใจ โดยตนเองตระหนักตลอดเวลาว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ควรตอบโต้กลับ เพียงแค่ถ่ายคลิปเพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งความ โดยเคยแจ้งความมาแล้ว 4 ครั้ง หลังจากนี้จะพาตัวผู้ก่อเหตุมามอบตัวที่ สน.โคกคราม และขอให้เหตุการณ์ความขัดแย้งจบลงในวันนี้ ซึ่งตนจะขอพูดถึงรายละเอียดกับผู้ก่อเหตุเป็นอย่างแรก เนื่องจากตนเองไม่ทราบถึงรายละเอียดในเชิงลึกว่าเป็นอย่างไร

ด้าน นายบัญชา กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นมาจากเหตุไปรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหน้าวัดเสมียนนารีเมื่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นมีมูลนิธิร่วมกตัญญูมาช่วยเหลือต่อนำส่งโรงพยาบาล และอาสามีการขับรถตามกันจนมีเหตุเผชิญหน้ากัน จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุขึ้นอีกครั้งที่แยกพงษ์เพชรซึ่งเป็นจุดจอดรถของมูลนิธิเพชรเกษม จนที่เหตุชกต่อยกัน และลุกลามไปถึงหน้าปั๊ม ปตท. ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน ส่วนการขอใบอนุญาตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และศูนย์เอราวัณ ขณะนี้ได้ยื่นเอกสารไปทั้งหมดแล้ว พร้อมยืนยันว่ามูลนิธิมีความพร้อมทั้งเครื่องมือและบุคลากร

แต่หากหน่วยงานที่จะอนุญาตพบว่ามีจุดไหนบกพร่องก็ควรที่จะแจ้งมาเพื่อที่จะได้แก้ไข แต่ในระหว่างนี้ก็จำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปก่อน เนื่องจากเป็นอาสามูลนิธิที่มีความต้องการช่วยเหลือคน ส่วนการออกปฏิบัติงานวันเดียวกับมูลนิธิร่วมกตัญญู ไม่มีประเด็นอื่นนอกจากความชำนาญในพื้นที่ เพราะอาสาส่วนใหญ่ก็ออกมาจากมูลนิธิร่วมกตัญญู และยอมรับว่าบางส่วนก็ถูกไล่ออกมา และย้ายมาอยู่ที่มูลนิธิเพชรเกษม ส่วนจะมีบุคคลใดมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนหรือไม่ เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล

ทั้งนี้ภายหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือแนวทางแล้ว นายเอกพันและนายบัญชาได้จับมือเพื่อแสดงถึงการยอมรับข้อตกลงร่วมกันที่ตำรวจได้เสนอไว้

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook