แม่อโหสิ ลูกเขยยิงลูกสาว-ยิงตัวตาย เผยลางร้ายอีการ้อง พระทักจะมีคนตาย 2 ศพ
จากกรณี นายพานทอง อายุ 34 ปี สามี ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. จ่อยิง นางสาวอารยา อายุ 26 ปี ภรรยา เสียชีวิตก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงขมับตัวเองตายตาม เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมาบริเวณใต้ถุนบ้านเลขที่ 30 ม.13 บ้านดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี สาเหตุจากการหึงหวงกลัวภรรยาปันใจไปรักชายอื่นตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 30 ม.13 บ.ดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นที่จัดงานศพ นายพานทอง แสนลำ อายุ 34 ปี ที่มีญาติพี่น้องและชาวบ้านเดินทางมาร่วมงานศพด้วยความเศร้าสลดใจ มีการกางเต้นท์ และทำกับข้าวเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานด้วย โดยมีนางดารา อายุ 58 ปี แม่ผู้ตายนั่งอยู่หน้าโลงศพลูกชาย และจุดธูปแล้วเคาะโลงศพบอกลูกไม่ต้องเป็นห่วงแม่ และห่วงอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าแม่จะอยู่คนเดียว แต่ก็มีญาติพี่น้องหลานๆ คอยดูแลอยู่ และให้ไปสู่สุขติภพภูมิที่ดี
นางดารา แม่ฝ่ายชายเปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ ตนและญาติพี่น้องเตรียมจัดงานศพลูกชาย จนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งคืน และตอนเช้าวันนี้ตนได้ทำขัน 5 ขึ้นไปไว้บนหิ้งพระบนชั้นสองของบ้าน เพื่อขอขมาบอกกล่าวดวงวิญญาณปู่ย่าตายาย และเจ้าที่เจ้าทาง ให้รับรู้อโหสิกรรมแก่ลูกชาย และบอกวิญญาณลุกชายไม่ต้องเป็นห่วง และให้ไปดี เพราะหมดเวรหมดกรรมในชาตินี้แล้ว ซึ่งขณะตนเองกำลังอธิฐานหน้าหิ้งพระเกิดสั่นสะเทือนจนพระเครื่องตกลงมาพื้น 1 องค์ ตนเชื่อว่าเป็นวิญญาณของลูกชายที่ยังเป็นห่วงแม่ที่อยู่ตามลำพังที่บ้าน หลังจากลูกสาวเดินทางไปทำงานที่เกาหลี ส่วนเหตุสลดที่เกิดขึ้นตนไม่โทษใคร โทษลูกชายของตัวเองที่รักและหึงภรรยามากเกินไป และที่ผ่านมาพ่อแม่และญาติของลูกสะใภ้เป็นคนดีมาก และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน ซ้ำยังรักใคร่ปองดองกันดีมาโดยตลอด และวันนี้ช่วงบ่ายจะเคลื่อนศพลูกชายไปฌาปนกิจศพที่วัดป่าวิเวกเวฬุวัน
ขณะเดียวกันที่บ้านเลขที่ 1 ม.13 บ.ดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวอารยา ผิวแดง หรือเวย์ อายุ 26 ปี ภรรยา มีการจัดงานศพเช่นเดียวกัน โดยมีชาวบ้านและญาติพี่น้องมาร่วมงานศพ ช่วยกันกางเต้นท์ และทำอาหารไว้ต้อนรับแขกที่มาร่วมงานตั้งแต่เช้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้อง โดยมีนางหนูไกร ผิวแดง อายุ 64 ปี แม่ของนางสาวอารยา นั่งต้อนรับแขกที่มาจุดธูปหน้าโลงศพลูกสาวอยู่ภายในบ้าน และจุดธูปบอกกล่าวลูกสาวให้ไปดีมาดี เกิดชาติหน้าก็ขอให้ลูกสาวรูปร่างหน้าตาสวยเหมือนในชาตินี้ และหากชาติหน้ามีก็จริงขอให้เกิดมาเป็นลูกสาวคนเล็กของแม่อีก
นางหนูไกร เปิดเผยว่า หลังจากเหตุการณ์สลดเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนก็นอนไม่หลับ นั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพลูกสาว และไม่เห็นดวงวิญญาณของลูกสาวมาทำอะไรให้เห็น ทุกอย่างปกติ แต่จะมีสิ่งผิดปกติก็คือเช้าวันนี้ไม่มีฝูงอีกามาร้องให้ได้ยินแม้แต่ตัวเดียว หลังจากร้องติดต่อกันมา 3-4 วัน ก่อนเกิดเหตุกับลุกสาวของตน และเมื่อราว 1-2 สัปดาห์ ที่ผ่านมามีอีกาบินร้องรอบหมู่บ้าน ก็มีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตติดต่อกัน 3-4 ศพ และทำการฌาปนกิจศพไปจนครบทุกศพแล้ว แต่ฝูงอีกาก็ยังบินมาร้องอีก พระหลวงพ่อที่วัดได้บอกว่า ในหมู่บ้านคงมีคนตายอีก 2 ศพ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นศพลูกสาวและลูกเขยของตนเอง และไม่คิดว่าจะเป็นการตายจากกันไปแบบนี้เลย
อยากฝากเป็นอุทาหรณ์ในเรื่องความหึงหวง และการใช้อารมณ์นั้นมันไม่ดี เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวและลุกเขยของตน ส่วนทางญาติทั้งสองฝ่ายก็ไม่คิดติดใจหรือแค้นใจกัน และไม่ขอโทษใครเพราะทั้งสองคนก็ได้จากไปแล้ว และขอให้ดวงวิญญาณทั้งสองคนอโหสิกรรมให้กัน รวมทั้งญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายด้วย โดยศพลูกสาวจะฌาปนกิจศพที่วัดป่าวิเวกเวฬุวัน ในช่วงบ่ายวันพุธ เนื่องจากวันนี้ที่วัดติดงานเผาศพลูกเขย พรุ่งนี้ก็ตรงกับวันอังคาร ซึ่งเป็นวันแข็ง คนอีสานเขาถือกัน