หนุ่มอ้างถูกฝังชิปในหัว ขู่ถ้าไม่ออกข่าวจะผูกคอตาย ผู้ใหญ่บ้านบอกเสพยาจนสมองเพี้ยน
หนุ่มวัย 39 ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ โทรร้องสื่อถูกฝังชิปในหัวเพื่อควบคุมให้ทำในสิ่งที่ต้องการหวังผลประโยชน์ ร้องเรียนหลายหน่วยงานแต่เรื่องเงียบหายกลับหาว่าบ้า ขู่หากไม่มาทำข่าวภายใน 5 วันจะผูกคอตาย ผู้ใหญ่บ้านเผยมีประวัติเสพยาบ้าจนหลอน สมองไม่ปกติ เคยเข้ารักษาอาการทางจิต บางครั้งโมโหร้ายจนญาติชาวบ้านไม่มีใครอยากยุ่ง
(18 ม.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายเอนก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ว่า ถูกผู้ไม่หวังดีฝังชิปในหัว เพื่อควบคุมให้ทำในสิ่งที่ต้องการ เพื่อหวังต่อทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่น พอไปแจ้งความ และร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน เรื่องกลับเงียบหายไม่ได้รับการช่วยเหลือ แถมยังหาว่าบ้าส่งตัวไปรักษาที่ รพ.จิตเวช นายอเนก ยังบอกด้วยว่าหากไม่มาทำข่าวภายใน 5 วันจะผูกคอตาย
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังบ้านนายเอนก ตามที่โทรมาร้องเรียน ก็พบนายเอนก อาศัยอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว บริเวณรอบตัวบ้านมีหญ้าขึ้นค่อนข้างรก จากนั้นนายเอนก ก็นำเอกสารการลงบันทึกประจำวันที่โรงพัก และเอกสารการร้องเรียนกับหน่วยงานต่างๆ มาให้ดู พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2555 ได้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีฝังชิปในหัวตนเอง เพื่อควบคุมให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ เชื่อว่าน่าจะหวังเอาทรัพย์สิน หรือประโยชน์จากตนเอง จึงได้นำเรื่องไปแจ้งตำรวจ และร้องเรียนกับหน่วยงานราชการต่างๆ แต่เรื่องก็เงียบหายไม่มีใครดำเนินการอะไรให้ จึงอยากให้นักข่าวมาช่วยตรวจสอบว่าตนเองถูกฝังชิปในหัวแล้วปล่อยคลื่นสัญญาณเพื่อควบคุมให้ทำตามจริงหรือไม่ แต่หากผู้สื่อข่าวไม่มาทำข่าวตามที่ร้องเรียน ภายใน 5 วันตนก็จะผูกคอตาย
ซึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าเรื่องที่นายเอนก พูดเรื่องหรือไม่แต่เมื่อเขาโทรไปร้องเรียน และขู่ว่าหากไม่มาทำข่าวภายใน 5 วันจะผูกคอตาย ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปทำข่าวเพื่อไม่ให้นายเอนก ก่อเหตุตามที่ขู่เอาไว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามนางวีณา บวรชาติ ผู้ใหญ่บ้าน ก็บอกว่า นายเอนกมีพฤติกรรมที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานาน เคยนำตัวไปบำบัด พอออกมาก็ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก และเคย ติดคุกในข้อหายาเสพติดด้วย แต่ด้วยการเสพยาทำให้เขามีอาการเปลี่ยนไป เขามักจะทะเลาะกับคนข้างบ้านไปทั่ว เพราะกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มกระบวนการฝังชิปในสมอง ซึ่งมันไม่เป็นความจริง และตนทราบว่าเขาเคยนำตัวไปบำบัดรักษาอาการทางจิต ที่โรงพยาบาลจิตเวช แต่เขาก็ปล่อยออกมาให้อยู่บ้าน เพราะตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาลจิตเวช เขามีอาการปกติ พอมีอาการปกติเขาก็กลับมา
แต่สิ่งที่ตนเป็นห่วง คือกลัวเขาจะทำร้ายลูกบ้าน ตอนนี้เวลาที่มีเรื่องก็บอกให้ ลูกบ้านเฝ้าระวังการก่อน ทางตำรวจมาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ตนก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอาตัวไปรักษาเพราะปัจจุบันเขาอยู่ตัวคนเดียว มีพี่สาวที่มาดูแลบ้าง ส่วนแม่ตนให้ไปอยู่ที่อื่น เพราะถ้าอยู่ด้วยเขาก็จะทำร้ายแม่ เคยขู่เอาเงินและขู่เอาโฉนดที่ดินไปขาย จนไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วย
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ