แม่ลูกคืนสร้อยทองแล้ว ยันบริสุทธิ์ใจ เก็บได้ยังไม่คืนเพราะกลัวไม่ถึงมือเจ้าของ
สาวหล่อพร้อมแม่นำสร้อยทองมาคืนแล้ว หลังเก็บได้ในร้านสะดวกซื้อ เผยไม่ฝากไว้ที่ร้านเพราะไม่ไว้ใจ กลัวสร้อยไม่ถึงเจ้าของตัวจริง
กรณี น.ส.ณัฐวิภา อายุ 24 ปี ชาวอุดรธานี นำคลิปวิดีโอสาวหล่อและผู้หญิงมีอายุ เก็บสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง ของ ด.ช.ทอย หลานชายวัย 2 ขวบ ที่ทำหล่นในร้านโลตัส มินิ ตลาดโพศรี เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2565 และรู้ว่าหายเมื่อกลับไปถึงบ้าน เมื่อไปสอบถามพนักงานได้เปิดภาพวงจรปิดให้ดู พบว่าสาวหล่อและหญิงสูงวัยเก็บสร้อยคอทองคำไป จึงได้ไปแจ้งตำรวจ และนำคลิปไปโพสต์ลงในเพจข่าวดังเมืองอุดรธานี พร้อมข้อความ หากนำสร้อยทองมาคืนจะไม่ติดใจเอาความดำเนินคดี ซึ่งสาวหล่อได้โทรศัพท์ติดต่อมาแจ้งความประสงค์จะนำสร้อยคอทองคำมาคืน ในช่วงค่ำวันเดียวกัน
ต่อมาเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน นางวาสนา อายุ 62 ปี และ น.ส. ยมลพร อายุ 35 ปี 2 แม่ลูกที่เป็นคนเก็บสร้อยคอทองคำได้ เดินทางมาที่ สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมญาติพี่น้อง ตามนัดหมาย เพื่อคืนสร้อยคอทองคำให้กับเจ้าของ โดยทั้งสองเล่าว่า วันเกิดเหตุเข้าไปเลือกซื้อครีมทาผิวและยาสระผม จังหวะนั้น น.ส.ยมลพร ได้เหลือบไปเห็นสร้อยทองตกอยู่ที่พื้นที่ จึงได้บอกนางวาสนา ผู้เป็นแม่ว่าเก็บทอง ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นของคู่สามีฝรั่งและคนไทยคู่หนึ่งที่เข้ามาซื้อของก่อนหน้าพวกตน ได้วิ่งตามไปเรียกแต่ก็ไม่ทัน
หลังจากนั้นปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร จึงหยิบทองขึ้นมาโชว์ที่กล้องวงจรปิด แต่ที่ไม่นำไปแจ้งที่พนักงาน เพราะเกรงว่าทองจะไม่คืนถึงมือเจ้าของที่แท้จริง พวกตนไม่ไว้ใจใคร และระหว่างนั้นต้องเดินทางกลับบ้านกะทันหันเพราะลูกชายอีกคนป่วยต้องรีบกลับไปดู หากจะนำทองไปแจ้งความก็จะเสียเวลากลับไม่ทันไปดูลูกชาย จึงคิดว่าจะเก็บไว้ก่อน หากมีคนโพสต์ติดตามถามหาก็จะนำมาคืน จนกระทั่งตื่นเช้ามาเห็นโพสต์ดังกล่าวในโลกออนไลน์ จึงรีบติดต่อไปยังเจ้าของเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. แต่เจ้าของทองบอกว่ายังไม่ได้นอน ขอพักผ่อนก่อน จึงนัดกันอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ เพื่อคืนทองและแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทั้งที่พวกตนมีธุระต้องไปทำที่ จ.เลย ก็ต้องถูกเลื่อนออกไปก่อน
“ยืนยันว่าพวกตนไม่มีเจตนาที่จะเก็บทองไว้เลยแม้แต่น้อย คิดอยู่เสมอว่าหากเป็นของตนเองก็คงจะลำบากไม่น้อย หากเป็นคนเฒ่าคนแก่ หากเป็นคนขัดสนเงินทอง ต้องการใช้เงินก็คงจะลำบากไม่น้อย ยิ่งช่วงโควิด – 19 ระบาดก็คงลำบากไม่แพ้กัน ครอบครัวพวกตนมีอาชีพค้าขาย เข้าใจดีว่าเงินทองนั้นจำเป็น อยากจะคืนให้เจ้าของที่แท้จริง หากไปฝากไว้ที่พนักงานก็กลัวว่าจะมีคนมาแอบอ้างมาเอาทองไป ตอนนี้สร้อยคอทองคำได้ถึงมือเจ้าของแล้วก็รู้สึกโล่งใจ พร้อมยินยอมทำตามข้อกฎหมายตามขั้นตอนไม่ขัดข้อง เพื่อยืนยันว่าไม่เจตนาอยากของของใคร แต่ก็รู้สึกเสียใจที่มีคอมเมนท์ไปในทางที่ไม่ดี ทำให้พวกตนเสียหาย จนเพื่อนบางคนที่เห็นภาพก็ถามความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ตนก็บอกไปตามความจริง แต่ก็รู้อับอายและเสียไปถึงหน้าที่การงาน ขอคิดดูก่อนว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคอมเมนต์ด้านลบหรือไม่”
จากนั้นได้มอบสร้อยคอทองคำคืน น.ส.ณัฐวิภา และ น.ส.จินห์จุฑา และน้องทอย ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งเจ้าของสร้อยคอทองคำไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใดเพราะได้สิ่งของคืนทั้งหมดแล้ว ต่อไปก็จะระมัดระวังสิ่งของมีค่าให้มากกว่านี้ ส่วนสร้อยคอทองคำของน้องทอย คงจะถอดและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย ไม่เอาออกมาให้น้องสวมใส่อีก หากหายไปอีกเกรงว่าจะไม่ได้คืนเหมือนเหตุการณ์ครั้งนี้ และอยากฝากเหตุการณ์ครั้งนี้ถึงทุกๆ คนไว้เป็นอุทาหรณ์ หากดูแลของมีค่าไม่ดี อาจจะสูญหายแต่อาจจะไม่โชคดีได้คืนเหมือนพวกตน