โอบามา หารือกับแกนนำธุรกิจแก้ปัญหาว่างงาน

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ จะประชุมกับแกนนำภาคธุรกิจที่ทำเนียบขาวหารือวิธีส่งเสริมการจ้างงานหลังจาก อัตราว่างงานเดือนตุลาคมแตะร้อยละ 10.2 สูงที่สุดในรอบ 26 ปี แต่มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นเพียงการสร้างภาพประชาสัมพันธ์

ผู้บริหารบริษัทที่จะเข้าร่วมประชุมเวลา 13.30 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 01.30 น.วันศุกร์ตามเวลาในไทย ได้แก่ กูเกิล เอทีแอนด์ที เกสต์ไดแอกโนสติกส์ เฟดเอ็กซ์ และคอมคาสท์ นางคริสตินา โรเมอร์ ประธานคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวเขียนในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรี ทเจอร์นัลฉบับวันอังคารว่า จำเป็นต้องส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนในช่วงที่ภาคธุรกิจไม่กล้าจ้างงานและไม่ กล้าเพิ่มผลผลิต

คะแนนนิยมประธานาธิบดีโอบามา สวนทางกับอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้แก่พรรคเดโมแครตวิตก เพราะจะมีการเลือกตั้งรัฐสภากลางสมัยในปีหน้า ขณะที่พรรครีพับลิกันวิจารณ์ว่า นโยบายฟื้นเศรษฐกิจของเขาไร้ผล หากพรรคเดโมแครตพ่ายการเลือกตั้งกลางสมัยจะทำให้นโยบายด้านกฎหมายของเขา ประสบปัญหา ประธานาธิบดีโอบามา ย้ำว่า วิธีแก้ปัญหาว่างงานต้องใช้งบประมาณน้อย ตัดความเป็นไปได้ที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 หลังจากมาตรการชุดแรกมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25.97 ล้านล้านบาท) ที่เขาลงนามไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์จนถึงขณะนี้ใช้จ่ายไปเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น หากรัฐบาลเพิ่มการใช้จ่าย ตลาดเงินตลาดทุนอาจมีปฏิกิริยาเชิงลบเพราะเท่ากับเพิ่มภาระให้ยอดขาดดุลงบ ประมาณที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 46.2 ล้านล้านบาท) และอาจส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

แต่นักเศรษฐศาสตร์ เช่น นายโจเซฟ สติกลิทซ์ เจ้าของรางวัลโนเบลเห็นว่า ปัญหาขาดดุลงบประมาณไม่อันตรายมากเท่ากับผลทางสังคมที่เกิดจากภาวะว่างงาน สูงเรื้อรัง และเห็นว่าการลงทุนด้านการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญต่อ สังคมมากกว่าปัญหาที่จะเกิดจากการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น ด้านนายดีน แบงก์ จากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและนโยบายแนะให้รัฐบาลสร้างงานภาครัฐ ช่วยรัฐบาลท้องถิ่นเลี่ยงการปลดข้าราชการและให้รางวัลบริษัทที่ไม่ลดพนักงาน แต่นายเจมส์ เชิร์ค จากมูลนิธิเฮอริเทจค้านว่า วิธีนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหาว่างงาน เพราะต้นเหตุเกิดจากบริษัทไม่จ้างงานใหม่มากกว่าปลดพนักงานออก