เหตุเพราะไว้ใจ ป้าวัย 57 เข่าแทบทรุด กลับมาดูบ้านถูกรื้อเหลือแต่เสาปูน

เหตุเพราะไว้ใจ ป้าวัย 57 เข่าแทบทรุด กลับมาดูบ้านถูกรื้อเหลือแต่เสาปูน

เหตุเพราะไว้ใจ ป้าวัย 57 เข่าแทบทรุด กลับมาดูบ้านถูกรื้อเหลือแต่เสาปูน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหตุเพราะไว้ใจ ป้าวัย 57 เข่าแทบทรุด กลับมาดูบ้านถูกรื้อเหลือแต่เสาปูน ลั่นไม่มีสัจจะในหมู่ญาติพี่น้อง

วันนี้ (29 ม.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางอุทัย อายุ 57 ปี ชาวบ้านที่บ้านผักตบ ต.ผักตบ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ถูกรื้อบ้านที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงในที่ดินที่ซื้อจากลุงกับป้าแท้ๆ อยากจะขอความเป็นธรรมและเห็นใจด้วย ต่อมานางอุทัยจึงพาผู้สื่อข่าวไปดูบ้านหลังเกิดเหตุ โดยพบว่า บ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนสายบ้านผักตบ-บ้านหนองบัว อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เมื่อไปถึงพบว่าในพื้นที่ดิน 2 งาน 17 ตารางวา พบบ้านถูกรื้อแต่เสาปูนจำนวน 18 ต้น และมีกองสังกะสีอยู่ข้างรั้วและฝ้าเพดานกองอยู่หน้าบ้านโดยป้าอุทัยและลูกสาวที่เดินทางดูบ้านได้แต่เศร้าใจไม่คิดว่าลุงและป้าแท้ๆ จะทำกันได้ถึงเพียงนี้และไม่อนุญาติให้เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย

นางอุทัย เจ้าของบ้านที่ถูกรื้อ เปิดเผยว่า ตนเองแต่งงานกับนายบุญเลิศ สิงห์สาธร จนมีลูกด้วยกัน 3 คนแล้วสามีก็พาซื้อที่ดินจำนวน 2 งาน 17 ตารางวาจากลุงเปี๊ยกและป้าพรหม ซึ่งป้าพรหมเป็นพี่สาวแท้ๆ ของสามี โดยตกลงซื้อขายที่ดินกันในราคา 20,000 บาท เมื่อปี 2544 แต่ไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายไว้ เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งป้าพรหมเป็นพี่สาวแท้ๆ ของสามีตนเองและคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรตามมา พอซื้อที่ไว้แล้วสามีซึ่งแต่ก่อนเคยไปทำงานเมืองนอกแต่ขาดทุน จึงพาไปเข็นข้าวโพดขายในกรุงเทพฯทั้งครอบครัวโดยเอาลูกไปอยู่ด้วย

ระหว่างนั้นเราก็ส่งเงินมาให้ลุงกับป้าทีละนิดทีละหน่อยเพื่อสร้างบ้านให้ในผืนดินที่ซื้อเอาไว้ข้างๆ บ้านของลุงเปี๊ยกกับป้าพรหม รวมแล้วหมดประมาณ 200,000 กว่าบาท แต่พอมากลางปี 2556 นายบุญเลิศสามีได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว พวกตนเองก็เอาศพมาจัดงานที่บ้านหลังนี้ จากนั้นตนเองและลูกๆ ก็พากันไปทำงานที่กรุงเทพฯต่อ กลางเดือนพ.ค.64 ปีที่แล้วกลับมางานศพย่าก็มานอนที่บ้านและบ้านยังไม่ถูกรื้อ แต่ล่าสุดกลับมาบ้านวันที่ 25 ม.ค.65 ที่ผ่านมาเห็นบ้านถูกรื้อเหลือแต่เสาจนเข่าแทบทรุด สอบถามป้าพรหมบอกว่าเป็นคนรื้อเอง ตนเองจึงถามว่ารื้อทำไมในเมื่อที่ตรงนี้ซื้อแล้ว พี่สาวสามีก็บอกว่าที่ดินตรงนี้ไม่ได้ซื้อแล้วเพราะไม่มีสัญญาซื้อขายอะไรมายืนยัน

นางอุทัย เผยทั้งน้ำตาอีกว่า เสียใจมากที่พี่สาวของสามีมาทำแบบนี้มารื้อบ้านที่ครอบครัวตนเองส่งเงินมาให้สร้างแล้วมารื้อ ตั้งใจว่าอายุครบ 60 ปีจะเกษียนเลิกขายข้าวโพดมาอยู่บ้านตามประสาผู้สูงอายุกับลูกๆ แต่ลุงและป้าดันมารื้อบ้านทิ้งและไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลยและบอกว่าเรื่องการซื้อขายไม่มีแล้ว และป้าพรหมบอกอีกว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นโฉนดและมีชื่อของลุงเปี้ยกซึ่งเป็นสามีและบอกว่าไม่ให้ใครทั้งนั้น เหตุเพราะความไว้ใจญาติพี่น้องแท้ๆ ลุงกับป้าไม่น่ามาทำแบบนี้ ตอนนี้ไม่มีแม้ที่อยู่ตนและลูกต้องไปอาศัยพี่สาวอยู่ที่อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร อยากถามป้าว่า ไม่ต้องห่วงน้องสะใภ้คนนี้แต่ทำไมไม่คิดถึงหลานๆ ทั้ง 3 คนเลยหรือเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของป้า ทำไมป้าใจร้ายแบบนี้ ตอนนี้ตนเองได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่สภ.หนองหาน ป้าอุทัยพูดไปร้องไห้ไป อยากขอความเป็นธรรมด้วย

ขณะที่ “น้องหญิง” น.ส.สุดารัตน์ ลูกสาว เปิดเผยว่า เสียใจมากที่ลุงและป้ามารื้อบ้านพวกหนูทิ้งโดยไม่บอกกล่าว บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว พ่อและแม่เก็บเงินแล้วมาซื้อในที่ดินของป้าแท้ๆ และก็ส่งเงินมาให้ลุงเปี้ยกเป็นคนสร้างบ้านให้เพราะลุงเปี้ยกเป็นช่าง และก็ว่างๆ แวะมาดู ตอนงานศพงานพ่อป้าก็บอกหลานๆ ว่าให้อยู่นี่หละ พูดต่อหน้าศพพ่อเอ็งให้พวกเอ็งอยู่นี่ แต่มาล่าสุดป้ากับเปลี่ยนใจบอกไม่ให้พวกเอ็งอยู่ให้ไปหาที่อยู่ที่ใหม่ได้เลย หนูอยากขอความเป็นธรรมและอยากปรึกษาทนายว่าพวกหนูต้องทำอย่างไรดี สัจจะไม่มีในหมู่ญาติพี่น้องจริงๆ 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวติดต่อขอสัมภาษณ์ลุงเปี๊ยกเจ้าของที่ดินแต่ไม่อนุญาตให้สัมภาษณ์แต่เปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ผมรอทนายพรุ่งนี้และทนายบอกมาไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาโดยเด็ดขาด โดยลุงเปี้ยกบอกว่าที่ดังกล่าวเป็นที่ตนเอง เป็นโฉนดในชื่อของตนเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า พอจะอะลุ่มอล่วยให้ลูกหลานได้ไหม ลุงเปี้ยกบอกว่า คงไม่ได้เพราะที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินตนเอง ส่วนเรื่องซื้อที่ดินจำนวน 20,000 บาทตนเองไม่รู้เรื่อง ตนเองและภรรยาเห็นว่าน้องเมียไม่มีที่อยู่ตนเองจึงให้มาอยู่ก็เท่านั้น ส่วนการรื้อบ้านหลังนี้ผมรื้อเองเพราะปลวกกินและกลัวเป็นอันตรายต่อลูกๆ หลานๆ ที่มาเล่นบ้าน ให้เอาที่ดินตรงนี้ให้ภรรยานายบุญเลิศ ซึ่งเป็นน้องเมียคงเป็นไปไม่ได้ 7-8 ปีเขาไม่เคยมาดูแลบ้านหลังนี้เลย ลุงเปี้ยกกล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่มีคลิปเสียงระหว่างนางอุทัยน้องหญิงเข้าไปพูดคุยกับป้าพรหมพี่สาวของนายบุญเลิศ ว่า แก้วมันร้าวแล้วคงเอากลับคืนไม่ได้แล้ว ที่ดินตรงนี้เป็นของตาเปี้ยกสามีตนเองตนเองคงช่วยไม่ได้ และคงไม่ให้ใครแล้ว แต่อยากได้เสาปูนก็เอาไปได้  หากว่าได้ซื้อขายที่ดินจริง 20,000 บาทให้หาเอกสารซื้อขายมาดูเลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook