เปิดคะแนนวิเคราะห์ "สุรชาติ" คว้าชัยสนามเขต 9 หรือเพราะถือเคล็ดไม่เหยียบสภา
สุรชาติ ชนะเพราะถือเคล็ด?! ไม่เหยียบสภา ถ้าไม่ได้เป็น ส.ส.
ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขตหลักสี่-จตุจักร อย่างไม่เป็นทางการ นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส. กทม. เขตหลักสี่ ปี 2554 คว้าชัยได้คะแนนนำห่างคู่แข่ง ท่ามกลางปรากฏการณ์การช่วยหาเสียงจากเพื่อนพ้องการเมือง ทั้งจากทีม พรรคเพื่อไทย ที่เป็นต้นสังกัด, พรรคไทยสร้างไทย, หรือแม้กระทั่ง คณะก้าวหน้า อาจจะเป็นข้อพิสูจน์หนึ่งที่ทำให้เห็นแนวทางการทำงานและหาเสียงของนายสุรชาติที่ทำมาโดยตลอดคือ การเมืองสะอาด และพยายามไม่นำตัวเองไปสู่ความขัดแย้ง และนโยบายที่ชัดเจนจับต้องได้สำหรับคนในพื้นที่คือ ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็น 15-20 บาทตลอดสาย ก็อาจจะเป็นข้อหนึ่งที่โดนใจชาว กทม. รอบนอกที่ต้องเข้าเมืองไปทำงานทุกวันก็เป็นได้
แต่สิ่งหนึ่งที่คนใกล้ตัวสุรชาติ จะรู้กันนั่นก็คือ สุรชาติไม่เคยรับตำแหน่งกรรมาธิการ หรือเข้าไปเหยียบรัฐสภาเลย หากไม่ได้เป็น ส.ส. ทั้งก่อนการเลือกตั้งปี 2554 และหลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่พ่ายแพ้ให้กับนายสิระ เจนจาคะ ซึ่งสุรชาติได้ชี้แจงเรื่องนี้บนเวทีปราศรัยโค้งสุดท้ายที่สวนสาธารณะเคหะทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมาว่า สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ใฝ่ฝันสำหรับตนตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยไปเหยียบสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่ครั้งเดียว จะไปเหยียบก็ในฐานะผู้แทนราษฎรเท่านั้น และตนไปเหยียบสภาในฐานะผู้แทนราษฎรในปี 2554
“ในการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา หลังจากพ่ายแพ้ทางการเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยให้กำลังใจผมเยอะมาก และบอกว่าไม่ต้องเสียใจ ขอให้ไปช่วยงานที่พรรคและมีตำแหน่งอีกมากมายในสภา ผมกราบผู้ใหญ่ทุกคน ผมยินดีเพื่อพรรค แต่ขอเงื่อนไขเดียวจะไม่ไปเหยียบสภาผู้แทนราษฎรไม่ว่ากรณีใดๆ แต่จะไปเหยียบในฐานะผู้แทนราษฎรเท่านั้น”
ในทางกลับกัน สุรชาติ ใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ทำงานการเมืองตั้งแต่ปี 2557 และหลังการเลือกตั้ง 2562 ในการลงพื้นที่ดูแลพี่น้องเขตหลักสี่ ช่วยเหลือประชาชน ทั้งเรื่องทั่วไปอย่างเช่น ฉีดยุง ทำหมันแมวหมา หรือแม้แต่ในช่วงโควิด คือ การแจกหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และช่วยเหลือผู้ป่วย
ขณะเดียวกัน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า และอดีต ส.ส. เขตจตุจักร ปี 2550 และ 2554 แม้จะไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ยังคงได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งในเขตจตุจักร พื้นที่เก่า ซึ่งนายอรรถวิชช์ แถลงข่าวแสดงความยินดีกับนายสุรชาติ และขอบคุณผลคะแนนที่เลือกตน พร้อมยืนยันว่านี่คือสัญญาณที่ดีว่าการเมืองคุณภาพ และปฏิบัตินิยม แนวทางใหม่ที่ตนพยายามสื่อสารผ่านการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นที่ยอมรับของคน กทม. และพรรคกล้าพร้อมที่จะเป็นตัวหลักในการเลือกตั้งทั่วไปในสมัยหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการทดลองและพิสูจน์ให้เห็นว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง และพรรคพร้อมแล้ว อย่างไรก็ตามนายอรรถวิชช์ ตั้งข้อสังเกตว่าการมาเลือกตั้งของคนในเขตจตุจักร เพียงแค่ 30% ซึ่งน้อยกว่าเขตหลักสี่มาก
พรรคก้าวไกล ที่ส่ง "เพชร" กรุณพล เทียนสุวรรณ นักแสดง เป็นผู้สมัคร แถลงยอมรับผลการเลือกตั้ง พร้อมกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค พร้อมย้ำว่าตอนนี้พรรคเดินมาถูกทางแล้ว แต่ยังมีหลายอย่างที่ต้องแก้ไข อย่างไรก็ตามนายพิธามองว่าแนวทางของพรรคยังเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ เพราะคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจะเห็นว่าแม้คนจะออกมาใช้สิทธิน้อยกว่า แต่ยังได้คะแนนมากกว่าตอนที่เป็น พรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่กองทัพจากเดิมที่เคยได้ 26% เป็น 35% พร้อมกันนี้นายพิธายังย้ำว่าจะสานต่อนโยบายปฏิรูปกองทัพเพื่อโหวตเตอร์ของพรรคต่อไป และยืนยันว่า “ก้าวไกลไม่ได้เป็นศัตรูกับกองทัพ”
ด้านพรรคพลังประชารัฐ ที่ส่ง นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ภรรยานายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส. เจ้าของพื้นที่ ลงสมัครกลับได้คะแนนอยู่ในอันดับ 4 แต่ยังไม่ขอสรุปว่าการขายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าเมื่อก่อนแล้วหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากภาพรวมคือการแพ้การเลือกตั้งซ่อมแบบโดมิโนมาตั้งแต่ สงขลา ชุมพร และล่าสุดคือ กทม. อาจสะท้อนถึงความไม่เป็นปึกแผ่นภายในพรรคหรือไม่ ขณะเดียวกันก็อาจจะส่งผลต่อการวางยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรค พปชร. ภายในแกนนำใหม่ทั้งใน กทม. ที่เปลี่ยนจากนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และเลขาธิการพรรคจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
ผู้เขียน : อรรถชัย หาดอ้าน
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ