"สุรชาติ" เดินสายขอบคุณชาวหลักสี่-จตุจักร หลังชนะเลือกตั้งซ่อมแบบถล่มทลาย
"สุรชาติ" เดินสายขอบคุณชาวหลักสี่-จตุจักร หลังชนะเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 ยืนยันเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง ทำการเมืองสร้างสรรค์ ไม่อคติ
วันนี้ (31 ม.ค.) นายสุรชาติ เทียนทอง ว่าที่ ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.โฆษกพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค รวมทั้งสมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.และทีมงาน เดินทางมาที่วัดหลักสี่ เพื่อสักการะพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเคยบวชเรียนที่วัดแห่งนี้ พร้อมขอบคุณประชาชนบริเวณหน้าวัดหลักสี่ด้วย
นายสุรชาติ กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มากกว่าคำว่าชัยชนะ เป็นชัยชนะที่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในการรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนเช่นทุกวันทั้งชีวิต และเหมือนที่ทำมา 17 ปี โดยงานที่อยากทำมากที่สุดคือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาชีวิตประชาชน
แม้จะมีเวลาทำงานในหน้าที่ผู้แทนราษฎรประมาณ 1 ปี แต่ยังคงยืนยันว่าจะเดินทางลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนด้วยตัวเองด้วยวิธีเดินเท้าไปตามบ้านและชุมชนเหมือนเดิม เพื่อรับเรื่องร้องเรียนปัญหา เก็บเกี่ยวปัญหาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่นำไปพัฒนานโยบายของเพื่อไทยเพื่อให้สามารถตอบสนองพี่น้องประชาชนได้ เพื่อเตรียมการรองรับการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า
ทั้งนี้ เมื่อ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้วพร้อมเข้าสภาทำงานทันทีเพื่อทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เป็นการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากอคติและผู้แทนราษฎรของคนทุกคน ไม่ทำร้ายใคร แต่จะเป็นกระจกสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนไปให้ถึงรัฐบาล เพื่อปรับปรุงแก้ไข และหวังว่ารัฐบาลจะฟังเสียงของพี่น้องประชาชนมากขึ้น ทำให้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนให้มากขึ้น
ส่วนเรื่องร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งนั้น นายสุรชาติ กล่าวว่า ต้องใช้เวลาในการศึกษาในรายละเอียด เพื่อยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ในนามของพรรคเพื่อไทยและคณะจะลงพื้นที่วันนี้จะขึ้นรถแห่เพื่อขอบคุณพี่น้องประชาชนเพื่อรักษาอำนาจประชาธิปไตยของทุกคน ในเขตหลักสี่ และจตุจักร รวม 5 แขวง (3 แขวงของเขตจตุจักรและ 2 แขวงของเขตหลักสี่) ยอมรับว่าตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์จะน้อย อยู่ที่ 52.68% ของจำนวนประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือ 88,124 คน
โดยนายสุรชาติได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่ 29,416 คน เป็นไปตามที่บอกไปกับพี่น้องประชาชนที่ตอบโจทย์นั้น คือการเลือกคนทำงานจริงไม่ทิ้งพื้นที่ ทำงานด้วยหัวใจ เพื่อศักดิ์ศรีของชาวจตุจักร หลักสี่ สังเกตได้จากเขตหลักสี่ โดยมี 2 แขวงที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ชนะขาด มากกว่า 50%
ส่วนเขตจตุจักร ฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 10-20% ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน แพ้เพียงหลักร้อยคะแนนเท่านั้น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ประชาชนต้องการแสดงออกว่า ความล้มเหลวของรัฐบาล และต้องการแสดงออกว่าการมีชีวิตที่มีความหวัง มีอนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนอันดับ 2 จะถือเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ในทางการเมือง ทุกพรรคการเมืองถือเป็นคู่แข่ง แต่ไม่ใช่ศัตรูกัน ขึ้นอยู่กับพรรคใดทำหน้าที่ตอบสนองประชาชนมากน้อยเพียงใด
การมีพรรคใดเกิดขึ้นมาจะกระทบหรือไม่ อยู่ที่เราทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างไรมากกว่า และต้องทำประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน สร้างสรรค์สิ่งที่ดีในระบบรัฐสภาภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้นได้จริง
นายแพทย์ชลน่าน ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังการเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 ระบุว่า "ผมดีใจมากครับที่เห็นพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้ง นี่คือประชาธิปไตยครับ the enemy of enemy is my friend" ในเรื่องนี้ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น
หากทุกพรรคมีอุดมคติ อุดมการณ์ มีแนวในการทำงานร่วมกัน และหากคิดว่าแนวทางไปด้วยกันไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง หากจะคิดแนวทางใหม่แล้วนำมาปรับใช้ก็ย่อมทำได้ แต่ไม่ได้หมายความพรรคเพื่อไทยและร้อยเอกธรรมนัส จะร่วมงานกัน แต่ขอขอบคุณที่มองว่าเพื่อไทยเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชน
ยืนยันพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ หากใครมาร่วมงานกับพรรคต้องไม่ร่วมมือกับเผด็จการ พรรคเพื่อไทยจะดูวิธีการทำงานของแต่ละคนด้วย ว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ กระทบกับพรรคอย่างไร ซึ่งทั้งหมดเป็นการพิจารณาว่าพรรคจะร่วมงานกับใคร
นายแพทย์ชลน่าน ยังได้ฝากไปถึงพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังเป็นการลงโทษจากประชาชน เพราะในช่วงของการรณรงค์หาเสียงพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการคืนศักดิ์ศรีให้พี่น้องชาวหลักสี่-จตุจักร
และผลการเลือกตั้งก็ออกมาสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ไม่มีแนวทาง ประชาธิปไตย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเล็ก หากพรรคพลังประชารัฐปรับตัวไม่ถูกต้อง ยังคงดื้อดึงต่อไป อาจจะกลายเป็นพรรคที่มี ส.ส.ต่ำกว่า 50 คนในอนาคตได้
นอกจากนี้ นายแพทย์ชลน่าน ยังได้ฝากถึงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า รู้ว่าพลเอก ประยุทธ์ ติดตามการเลือกตั้งและมีทีมงานประเมินผล หากการประเมินการเลือกตั้งไม่บิดเบี้ยว ไม่บิดเบือน
การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนบอกว่า พลเอก ประยุทธ์ ไม่สามารถนำพาพี่น้องออกจากวิกฤตได้ ซ้ำยังจะนำพาวิกฤตมาเพิ่ม ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือคืนอำนาจให้ประชาชน ขอฝากพลเอก ประยุทธ์ พิจารณาการยุบสภาไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการคืนอำนาจประชาชน
“หากพลเอก ประยุทธ์ยุบสภา ผมจะไปกราบขอบคุณท่านเป็นคนแรก อย่างน้อยท่านก็รักประชาชน รักลูกหลาน หรือหากไม่ยุบสภา แต่ท่านบอกว่าจะไม่อยู่เกิน 8 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ซึ่งไม่ใช่การเสียหน้า ท่านควรได้หน้าด้วยซ้ำไป ควรคิดเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่อำนาจ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง ไม่ต้องอาย
ถ้าเป็นฟากฝั่งของประชาธิปไตยจะพูดว่า นี่คืออาณัติสัญญาณของฝั่งประชาธิปไตย วิถีของประชาธิปไตยพูดอย่างนี้ แต่คงเอาบรรทัดฐานนี้ไปใช้กับฝ่ายยึดอำนาจได้ยาก ฝากท่านคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ที่ผ่านมา 7 ปีท่านน่าจะได้เรียนรู้ ยุบสภาจะเป็นการลงจากอำนาจสวยที่สุด ฝากท่านด้วยครับ” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ