เปิดภาพสุดอึ้ง โรงงานไส้กรอกมรณะ เด็กกินแล้วเกือบตาย ตักสารกันเสียใส่ไม่ยั้ง
บุกโรงงานไส้กรอกมรณะ เด็กกินแล้วเกือบตาย พบไม่มี อย. ใช้แรงงานตักสารกันเสียใส่แบบกะเกณฑ์คร่าวๆ ไม่ได้มีการชั่ง
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับการประสานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรณีพบผู้บริโภคซึ่งเป็น
เด็กหลายรายเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากการรับประทานไส้กรอกและเกิดภาวะ Methemoglobinemia (เมธฮีโมโกลบินนีเมีย) ที่สารไปจับในเม็ดเลือดแทนออกซิเจนทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนนั้น จึงประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ สระบุรี เพชรบุรี และตรัง สืบทราบแหล่งจำหน่ายและขยายผลทำการสืบสวนจนทราบแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว
(2 ก.พ. 65) นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่ากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ร่วมกับ อย. ร่วมกับกองระบาดวิทยาและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่มีผู้ป่วย พบว่าน่าจะมีแหล่งผลิตที่จังหวัดชลบุรี ดังนั้น อย. ร่วมกับ ปคบ. และ สสจ.ชลบุรี จึงได้ลงพื้นที่โรงงานเป้าหมายที่อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พบนางสาวรักทวี แสดงตนเป็นเจ้าของกิจการ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ได้ขออนุญาตขึ้นทะเบียนผลิตผลิตภัณฑ์ แต่ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น หมูยอ เป็นต้น โดยวันนี้ที่เข้าไปไม่พบว่ามีการผลิต แต่พบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเสร็จแล้วอยู่ในถังแช่แข็งเพื่อรอจำหน่าย ทางเจ้าหน้าที่สอบถามเพิ่มเติม เจ้าของโรงงานรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไส้กรอกตามที่เป็นข่าวจริง แต่หลังเป็นข่าวก็ได้เลิกผลิตแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ผลิต พบฉลากผลิตภัณฑ์ไส้กรอก และวัตถุดิบหลายรายการ โดยฉลากดังกล่าวไม่ได้แจ้งเลขสารบบอาหาร ถือเป็นฉลากไม่ถูกต้อง ส่วนสถานที่ผลิตก็ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน GMP ได้คะแนนการประเมินเพียง 16.6% เท่านั้น มีข้อบกพร่องหลายเรื่อง
กรณีมีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร เนื่องจากพบปริมาณไนไตรท์เกินมาตรฐาน พบว่า มีการใช้แรงงานคนตักสารไนไตรท์ที่ใช้เป็นส่วนผสมของวัตถุกันเสีย โดยการกะเกณฑ์คร่าวๆ ไม่ได้มีการชั่ง ตวงหรือวัดตามมาตรฐาน แต่ตักใส่ๆ ทำให้ปริมาณไนไตรท์เกินค่าความปลอดภัย
ขณะนี้สั่งปิดโรงงาน และอายัดผลิตภัณฑ์อาหารไว้ทั้งหมดและจากการสอบถามเพิ่มเติม พบว่ามีการส่งผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านี้ไปที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะกระจายไปยังทั่วประเทศต่อ แต่ไม่ได้มีการซัดทอดว่ามีแหล่งผลิตที่อื่นอีก แต่ก็ได้ผลิตมานานแล้ว
ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิต 11 แรงม้า พนักงาน 8 คน ซึ่งไม่เข้าข่ายโรงงานตามกฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม และไม่เข้าข่ายการขอขึ้นทะเบียนอาหารของ อย. เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งความผิด 3 ประเด็นคือ 1. เรื่องสถานที่ผลิตไม่ผ่าน GMP ปรับ 1 หมื่นบาท 2. การใช้ฉลากไม่ถูกต้อง ไม่มี อย.ปรับ 3 หมื่นบาท และ 3. เก็บสินค้าส่งตรวจแล็บเพื่อตรวจหาสารเคมีปนเปื้อน ทั้งไนไตรท์ เบนโซอิกแอซิด และสีผสมอาหาร หากพบว่ามีค่าเกินมาตรฐานก็จะมีความผิดเรื่องอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม ได้ให้สสจ.แต่ละจังหวัดไปตรวจสอบทั่วประเทศก่อนหน้านี้แล้ว ก็พบอีกหลายแห่ง และดำเนินการสืบหาแหล่งผลิต สำหรับประชาชนการสังเกตรูปลักษณ์อาจจะเห็นความผิดปกติยาก จึงขอให้ดูฉลากผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่มักเขียนระบุว่าเป็นไส้กรอกอะไร มีรูปพรีเซ็นเตอร์ แต่ไม่มีตรา หรือเลขสารบบ อย. จึงขอให้สังเกต เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ อาหาร หรือพบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค ขอให้ร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. โทร. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงงานผลิตไส้กรอกดังกล่าว พบโรงงานดังกล่าวปิดเงียบยังมีคนอยู่แต่ประตูเหล็กปิดไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลกับทางผู้สื่อข่าว
จากการสอบถาม น.ส.ประกาย อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า โรงงานนี้ได้มาเช่าตรงนี้ประมาณ 3-4 เดือน แล้วก็มีมาทำลูกชิ้นทำไส้กรอก มีคนงานประมาณ 10 คน และเคยนำไส้กรอกมาให้ตนลองทอดให้ลูก แต่มันมีสีแดงผิดปกติ คาดว่าจะใส่สีมากกลัวเป็นอันตรายและลองไปนึ่งดูก็เป็นสีแดงเช่นเดียวกันจึงโยนทิ้งไม่ได้ให้ลูกกินเพราะกลัวอันตราย แต่ตนก็ไม่เคยเข้าไปดูการผลิตหรือไปดูว่าเขาทำอะไร รู้เพียงแต่ว่าเขาทำไส้กรอกกับลูกชิ้นแค่นี้
ทางด้าน นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้ตรวจสอบโรงงานดังกล่าวแล้วพบว่าไม่ได้มีการจดทะเบียนขออนุญาตก่อตั้งจึงมีความผิดอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างอยู่ในขบวนการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ