ข่าวดีในรอบ 15 ปี! สหรัฐไฟเขียวนำเข้า "ส้มโอ" ทุกสายพันธุ์ คาดล็อตแรก ส.ค.นี้
ข่าวดีในรอบ 15 ปี! สหรัฐฯ ไฟเขียวนำเข้า "ส้มโอไทย" แบบไม่จำกัดพันธุ์ เผยเงื่อนไขส้มโอต้องผ่านการฉายรังสี 400 เกรย์ แหล่งผลิตและโรงคัดบรรจุต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP และ GMP พร้อมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตรวจสอบผลไม้ฉายรังสีก่อนส่งออก
เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรได้รับแจ้งข่าวดีจากหน่วยงานบริการตรวจสอบสุขอนามัยพืชและสัตว์ (APHIS) ประจำประเทศไทยว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้นำเข้าส้มโอผลสดจากประเทศไทยภายใต้เงื่อนไขการนำเข้าที่กำหนดแล้ว และผู้ประสงค์จะส่งออกส้มโอผลสดไปสหรัฐอเมริกาต้องลงทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร เพื่อเข้าร่วม “โครงการตรวจสอบผลไม้ฉายรังสีก่อนการส่งออก” ซึ่งนับเป็นข่าวดีที่รอคอยมานานถึง 15 ปี หลังจากที่กรมวิชาการเกษตรได้เสนอขอเปิดตลาดส้มโอเมื่อปี 2549 พร้อมกับผลไม้อีกหลายชนิด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้รับอนุญาตจากสหรัฐอเมริกาให้นำเข้าผลไม้ได้เพียง 7 ชนิด คือ มะม่วง มังคุด เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด และแก้วมังกร เนื่องจากการที่จะอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ชนิดใดก็ตาม จะต้องผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชจากประเทศผู้นำเข้า เพื่อป้องกันมิให้มีแมลงศัตรูพืชกักกันที่ไม่มีในประเทศผู้นำเข้าติดปนเปื้อนไปกับผลผลิต ซึ่งประเทศไทยได้ใช้เงื่อนไขการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชก่อนที่จะอนุญาตให้มีการนำเข้าผลไม้จากประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ประเทศไทยมีส้มโอมากกว่า 30 พันธุ์ที่มีลักษณะเด่น ได้แก่
- พันธุ์ทับทิมสยาม เปลือกผลบาง เนื้อนิ่มมีสีชมพูเข้มหรือสีแดงเข้มคล้ายทับทิม มีเมล็ดน้อย รสชาติหวานไม่มีรสขมเจือปน ผิวผลส้มโอมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมคล้ายกำมะหยี่ มีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
- พันธุ์ขาวแตงกวา ผนังกลีบสีขาว เปลือกบาง เนื้อกุ้งใหญ่สีขาวแห้ง รสชาติหวานฉ่ำ ให้ผลดก เป็นที่ต้องการของตลาด มีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดชัยนาท และ
- พันธุ์ทองดี ผิวเรียบ ผนังกลีบสีชมพู เนื้อกุ้งสีชมพู รสชาติหวาน ฉ่ำน้ำ ขายได้ราคาดี มีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ส้มโอไทยแต่ละพันธุ์มีรสชาติ และสีสันที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากส้มโอจากประเทศอื่น ทำให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังเป็นผลไม้ที่สามารถเก็บรักษาได้เป็นระยะเวลายาวนาน จึงเหมาะสมต่อการขนส่งทั้งทางเครื่องบินและทางเรือ
ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยสามารถส่งออกส้มโอผลสดไปจำหน่ายในต่างประเทศได้จำนวน 29 ประเทศ โดยมีตลาดหลักที่สำคัญ ได้แก่ จีน และมาเลเซีย โดยในปี 2564 ประเทศไทยส่งออกส้มโอจำนวน 29,782 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 903 ล้านบาท
ทางด้าน น.ส.ชลธิชา รักใคร่ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการกักกันพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากหน่วยงาน APHIS แจ้งให้ทราบถึงการอนุญาตการนำเข้าส้มโอผลสดจากประเทศไทย โดยให้เพิ่มส้มโอเข้าไปอยู่ภายใต้โครงการฉายรังสีที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับส้มโอ เพื่อประกอบการประเมินจากคณะที่ปรึกษาโครงการฉายรังสี (Preclearance Advisory Group) เพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตให้นำเข้าต่อไป ซึ่งการดำเนินการมาถึงขั้นตอนนี้แล้วคาดว่าในฤดูการผลิตส้มโอเดือน ส.ค. 65 นี้ จะสามารถส่งออกส้มโอล็อตแรกจากประเทศไทยไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาได้แล้ว
สำหรับเงื่อนไขการส่งออกส้มโอผลสดไปสหรัฐอเมริกานั้น ผลผลิตต้องมาจากแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรอง GAP โรงคัดบรรจุได้รับการรรับรองตามมาตรฐาน GMP ก่อนการส่งออกต้อง ล้าง ขัด ฆ่าเชื้อ และจุ่มสารเคมีเพื่อกำจัดเชื้อรา ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกต้องลงทะเบียนเข้าร่วม “โครงการตรวจสอบผลไม้ฉายรังสีก่อนการส่งออก” กับกรมวิชาการเกษตร โดยผลผลิตส้มโอที่จะส่งออกต้องผ่านการฉายรังสีที่ 400 เกรย์ เพื่อกำจัดแมลงวันผลไม้ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งก่อนส่งออกหรือที่จุดนำเข้าในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหากฉายรังสีที่จุดนำเข้าไม่ต้องใช้ใบรับรองสุขอนามัยพืช แต่ต้องผ่านการตรวจสอบทุกล็อตที่นำเข้า ซึ่งการอนุญาตให้นำเข้าส้มโอจากไทยต้องเป็นการส่งออกเพื่อการค้าเท่านั้น