โมโหเงินไม่ออก เอาบัตรสวัสดิการประชารัฐไปกด ATM โกรธจนคลั่งพังบ้านเละทั้งหลัง
โมโหเงินไม่ออก เอาบัตรสวัสดิการประชารัฐไป ATM โกรธจนคลั่งพังบ้านเละทั้งหลัง แม่เผยกลัวลูกจนอยู่บ้านด้วยไม่ได้
(3 ก.พ.65) เมื่อเวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างอุทยานธรรมสถานพานทอง เร่งรัดเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 97/5 หมู่ 1 ต.หนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งมีคนคลุ้มคลั่งพังข้าวของภายในบ้านเสียหายและขังตัวเองภายในบ้าน
เมื่อมาถึงพบเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวปิดไฟมืด มีชาวบ้านมุงและช่วยกันเรียกชื่อผู้ก่อเหตุให้ออกมาจากบ้านแต่ไม่มีวี่แวว จนกระทั่งตำรวจและกู้ภัยฯได้เข้าเจรจาใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุจึงได้เปิดประตูบ้านทราบชื่อนายเทพพร อายุ 33 ปี เจ้าของบ้านจากการตรวจสอบพบว่า ภายในบ้านตู้กระจกเฟอร์นิเจอร์ฝ้าเพดานและหน้าต่างถูกทุบพังเสียหายทั้งหมดไม่เหลือชิ้นดี
จากการสอบถามนายเทพพรไม่ยอมเล่าว่าที่ทำไปเพราะสาเหตุใด แต่ได้มีชาวบ้านมีการพูดคุยและอธิบายถึงการใช้บัตรสวัสดิการประชารัฐและบัตรกดเงินสด ATM จากการพูดคุยจับใจความได้ว่า ชาวบ้านได้อธิบายให้นายเทพพรฟังว่าบัตรสวัสดิการประชารัฐเอาไปกดเงินสดในตู้ ATM เงินไม่ออกเพราะใช้แทนกันไม่ได้เงินจึงไม่ออก คาดว่าเพราะสาเหตุนี้จึงทำให้กลับมาบ้านแล้วเกิดอารมณ์โมโหทำลายข้าวของภายในบ้านดังกล่าว
สอบถาม นายเด่นชัย เพื่อนบ้านเล่าว่า นายเทพพรเป็นคนคล้ายคนเก็บกดตนและเพื่อนๆ ก็ได้เข้ามาพูดคุย และมาถามไถ่อยู่ประจำแต่นายเทพพรไม่เคยเล่าอะไรให้ใครฟัง เป็นคนสติดี แต่ถ้าโมโหหรือไม่พอใจก็จะใช้อารมณ์และชอบทำลายข้าวของประจำ แต่จะทำลายทรัพย์สินของตัวเองมีครั้งนี้หนักสุด ซึ่งไม่มีใครรู้สาเหตุปกติเขาจะอยู่กับแม่ แต่เพราะเป็นแบบนี้แม่เขาจึงไปอยู่บ้านญาติที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ทางด้านนางบี (สงวนชื่อนามสกุล) แม่ของผู้ก่อเหตุเปิดเผยว่า ลูกชายชอบทำลายข้าวของจึงกลัวและได้ไปอยู่บ้านญาติที่อยู่ใกล้กัน ปกติลูกชายถ้าโมโหจะดุร้ายทำลายข้าวของ และบ้านหลังนี้ตนก็เอาไปจำนองไว้ก็เหมือนเป็นบ้านคนอื่นไปแล้ว และที่อาศัยอยู่ก็เหมือนไม่ใช่บ้านตัวเองแล้ว ซึ่งบ้านหลังนี้ตนก็ได้ตกแต่งซื้อของมาใส่อย่างดี วันนี้มาถูกทุบทลายจนพังเสียหายหมดแล้วตนอยู่ด้วยไม่ได้กลัวจะโดนฆ่าตายจึงให้อยู่คนเดียวไป ใจจริงอยากให้ตำรวจเอาไปตรวจสุขภาพจิตว่าป่วยจิตเวชหรือไม่ และรักษาให้หายดีจะได้ไม่มาก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้อีก ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายเทพพรไปสอบสวนและทำประวัติที่ สภ.พานทอง จากการตรวจสอบเบื้องต้นทรัพย์สินที่เสียหายภายในบ้านของตัวเองไม่มีเจ้าทุกข์จึงไม่ได้ตั้งข้อหาแต่อย่างใด