เฝ้ารับเสด็จออกมหาสมาคมสิบโมง
พสกนิกรสวมเสื้อชมพูเฝ้ารอรับเสด็จ "ในหลวง" แน่นศิริราช เผยจะเฝ้ารับเสด็จไปถึงเช้า ขณะที่นายกฯ นำประชาชนครึ่งแสนร่วมร้องเพลงชาติ พร้อมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ด้าน "โอบามา" ร่วมถวายพระพร ชื่นชมพระปรีชาสามารถ ส่วนประชาชนทั่วหล้าร่วมเฉลิมพระเกียรติ
เนื่องในโอกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม นับเป็นบุญล้นเกล้าของพสกนิกรชาวไทย ที่จะได้ชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเสด็จออกมหาสมาคม เพื่อให้ชาวไทยทั่วหล้าได้ถวายพระพรชัยมงคลในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552
พระราชพิธีพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม 2552 นั้น จะเริ่มช่วงเช้าเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเสด็จออกมหาสมาคม และตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สำนักพระราชวังได้จัดที่สำหรับลงพระนามและลงนามถวายพระพรไว้ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
พสกนิกรล้นศิริราชรอรับเสด็จ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราชว่า ช่วงเช้ามีพสกนิกรจากทั่วสารทิศจำนวนมากนั่งจับจองพื้นที่บริเวณหน้าลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพื่อเฝ้ารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราชา ในช่วงเช้าวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อทรงร่วมพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา โดยประชาชนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู ถือธงชาติและธงตราสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา และต่างเฝ้ามองไปที่ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความปลื้มปีติยินดี
ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายไปจนถึงค่ำ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมคณะบุคคลจำนวนมากยังคงเดินทางมาที่โรงพยาบาลศิริราชอย่างต่อเนื่อง โดยต่างฝ่ายจับจองพื้นที่เฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราชา ทำให้บริเวณโรงพยาบาลศิริราชแน่นขนัดไปด้วยประชาชนที่รอแสดงความจงรักภักดี โดยส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการมาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รอชื่นชมพระบารมีของพระองค์อย่างใกล้ชิด และจะรอส่งเสด็จฯ ตั้งแต่คืนนี้ไปถึงเช้า เพราะคนไทยทุกคนรักในหลวง
นอกจากนี้ทาง ร.พ.ศิริราชจัดพิธีบำเพ็ญกุศลบรรยายธรรมและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระมหาประนอม ธัมลังกาโร จากวัดปากแดง จ.สมุทรปราการ เป็นผู้นำสวดคาถาที่ใช้ในพิธีนี้ประกอบด้วยบทที่ใช้ในการอัญเชิญเทพยดา จากเบื้องบนให้มาชุมนุมปกปักรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบทที่ใช้ในการรักษาโรคและช่วงสุดท้ายของพิธีจะมีการสวดคาถาถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
เผยจะรอรับเสด็จไปจนถึงเช้า
นางสมปอง บุญย้อยหยัด คนกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้เลือกเสื้อสีชมพูมาใส่ และเดินทางมารอเฝ้ารับเสด็จในหลวงตั้งแต่เช้า คิดว่าพระองค์จะเสด็จฯ ลงมาจากที่ประทับ แต่ถ้าไม่เสด็จฯ ก็ไม่เป็นไร จะอยู่จนสามทุ่มค่อยกลับบ้าน แต่พรุ่งนี้ (5 ธ.ค.) จะเดินทางมาโรงพยาบาลศิริราชแต่เช้า เพื่อเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขณะที่ น.ส.นกยูง พิรมย์แก้ว อายุ 68 ปี ชาว จ. นครปฐม กล่าวว่า เดินทางมาเฝ้าในหลวงตั้งแต่เช้า เพราะรู้ข่าวว่าพระองค์ท่านจะเสด็จฯ ไปร่วมพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ คิดว่าวันนี้พระองค์ท่านจะเสด็จฯ ลงมา
"ปิดร้านขายของมา 2 เดือน เพื่อมาเฝ้าในหลวง เพราะรักในหลวงมาก วันนี้เตรียมเสื้อผ้าและเสื่อมาพร้อม จะนั่งรอเฝ้ารับเสด็จจนถึงพรุ่งนี้ตอนที่พระองค์ท่านจะเสด็จฯ ลงมา ไม่ไปไหน แม้เจ้าหน้าที่จะมาไล่ไม่ให้นั่งก็จะเดินไปเดินมาอยู่ภายในโรงพยาบาลนี้ ไม่กลับเด็ดขาด อยากเฝ้าฯ พระองค์ท่าน และอยากร่วมถวายพระพรเนื่องในวันเกิดพระองค์ท่านด้วย" น.ส.นกยูง กล่าว
เช่นเดียวกับ นายนคร ประสาทพร อายุ 52 ปี อาชีพค้าขาย ชาวกรุงเทพฯ แถวบางนา-ตราด กล่าวว่า เดินทางมาตั้งแต่เวลา 13.00 น. พร้อมกับครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อน ตั้งใจว่า จะอยู่ถึงเช้า ถ้ามีคนมาไล่ก็จะหนีก่อน แล้วจะกลับมานั่งที่เดิม เรารักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก อยากเห็นพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต
ซื้อเสื้อชมพูใส่รับเสด็จเนืองแน่น
ด้านนายถามวัต สุทธิพงษ์ นักเรียนชั้น ปวช.2 ผู้พิการทางด้านสายตา กล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อในหลวงว่า มีความเคารพและศรัทธาในพระองค์ท่านมาก เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นผู้ชี้นำในด้านต่างๆ อีกทั้งมีความเมตตากรุณาต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วทุกหมู่เหล่าด้วย และถ้าจะให้จินตนาการถึงพระองค์ท่าน คิดว่าพระองค์ท่านคงเป็นผู้ที่สง่างามมาก เปี่ยมไปด้วยความเมตตา เป็นพ่อของแผ่นดิน ส่วนตัวยังนำพระราชดำริของพระองค์ท่านมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ในเรื่องเศรษฐกิจ การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
ขณะเดียวกันตามร้านจำหน่ายเสื้อผ้ายังคงมีผู้คนมาซื้อเป็นจำนวนมาก เจ้าของร้านรายหนึ่งกล่าวว่า วันนี้สามารถขายเสื้อสีชมพูได้ถึง 7,000 ตัว ขณะที่โคมไฟถวายพระพรก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเช่นกัน โดยขายได้มากกว่า 1 หมื่นอัน ภายในวันเดียว ส่วนใหญ่เป็นคนจากต่างจังหวัด โดยให้เหตุผลว่าที่ต่างจังหวัดไม่มีขาย
"โอบามา"ถวายพระพรในหลวง
ไม่เพียงแต่ชาวไทยเท่านั้นที่ชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันเดียวกัน นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐได้มีข้อความสาส์นถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้นำเรียนราชเลขาธิการแล้ว มีเนื้อความ ดังนี้
"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพเจ้าขอเป็นคนนำสาสน์ถวายพระพรและแสดงความยินดีแทนประชาชนชาวอเมริกันในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ขอทรงหายจากพระอาการประชวร ข้าพเจ้าซาบซึ้งความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ สหรัฐภูมิใจที่จะเรียกราชอาณาจักรไทยว่าเป็นเพื่อนและพันธมิตร"
ขณะเดียวกันที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่คลิปภาพ และเสียงของนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีเนื้อหาคำถวายพระพรดังนี้ "เนื่องโอกาสที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา ในนามของประธานาธิบดีบารัก โอบามา และประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานถวายพรชัยมงคล ให้พระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เนื่องจากใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในโลกที่เสด็จพระราชสมภพ ที่สหรัฐอเมริกา พระองค์จึงทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการกระชับความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา เราประสงค์ที่จะสานต่อความสัมพันธ์นี้ต่อไป ทั้งกับพระบรมวงศานุวงศ์ ประเทศไทย และประชาชนชาวไทยในอนาคตข้างหน้า
พระราชกรณียกิจของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นที่ซาบซึ้งของประชาชนในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเกษตรยั่งยืนรายย่อยในเขตชนบทของไทย ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริได้กลายเป็นแม่แบบสำหรับการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก พระวิริยะอุตสาหะ และพระราชกรณียกิจในหลายด้าน ได้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเรา พระปรีชาญาณของพระองค์ในด้านดนตรีแจ๊ส การปลูกพืชพันธุ์ไม้ หนังสืองานพระราชนิพนธ์ที่จำหน่ายดีที่สุด และรางวัลที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายจากการแข่งขันเรือใบ ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด พระเมตตาและความเปี่ยมไปด้วยมนุษยธรรมของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทำให้พระองค์ทรงเปรียบเสมือนมิตรอันทรงคุณค่า ไม่เพียงสำหรับพสกนิกรของพระองค์ และประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่สำหรับประชาชนทั่วโลก
โอกาสอันเป็นมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขอให้พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และทรงพระเกษมสำราญยิ่งยืนนาน"
ขณะเดียวกันได้มีการนำคลิปภาพและเสียงของนางฮิลลารีผ่านทางเว็บไซต์ยูทูปด้วยที่ http://www.youtube.com/watch?v=vbAUF4humZg
สมเด็จพระสังฆราชถวายพระราชกุศล
บรรยากาศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชมนพรรษา 82 พรรษา วันเดียวกัน พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดให้สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชจัดทำโครงการ "ความปลอดภัยภายในวัดทั่วราชอาณาจักร" น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากขณะนี้เกิดความไม่ปลอดภัยในวัดหลายแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมโบราณวัตถุโบราณสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดถึงความปลอดภัยของพระภิกษุ สามเณร ที่พำนักอยู่ในวัดที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความถี่มากขึ้นในระยะนี้
"สมเด็จเกี่ยว"สวดเจริญพระพุทธมนต์
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณลานหน้าองค์พระศรีศากยะทศพลญาน ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ พุทธมณฑล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในงานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ถวายเครื่องสักการะพร้อมกล่าวถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน และถวายจตุปัจจัยไทยธรรม
จากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น. ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาเพื่อถวายพระพรชัยมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งการเจริญพระพุทธมนต์ครั้งนี้มีกรรมการ มส. พระสังฆาธิการทุกระดับในเขตกรุงเทพฯ กว่า 500 รูป พุทธศาสนิกชน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการกว่า 1,000 คน ร่วมกันสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ในส่วนของวัดต่างจังหวัดทั่วประเทศก็จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาพร้อมๆ กับที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้วย
นายกฯนำปชช.ครึ่งแสนถวายพระพร
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 17.35 น. ที่สนามศุภชลาศัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานร่วมร้องเพลงชาติในเวลา 18.00 น. เพื่อร่วมกิจกรรมโครงการ "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง" โดยประชาชนหลายหมื่นคนเดินทางมาร่วมงาน ส่วนใหญ่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู มีเจ้าหน้าที่แจกธงชาติและธงสัญลักษณ์พระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ผู้มาร่วมงาน นอกจากนี้ ยังมีการแสดงดนตรีของศิลปินจากค่ายต่างๆ และเยาวชนร่วมแปรอักษร เป็นคำว่า "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง" และมีการแสดงสัญลักษณ์ธงชาติไทยทางอากาศจากกองทัพอากาศด้วย
จากนั้นนายอภิสิทธิ์กล่าวปิดโครงการไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็งว่า วันนี้ยินดีและภูมิใจที่มาเป็นประธานในพิธีปิดโครงการ ที่เริ่มดำเนินการมากว่า 2 เดือน โดยรัฐบาลดำเนินการต่อมาจากโครงการฉันรักประเทศไทย เพราะเชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องการเห็นความสามัคคีเกิดขึ้นในประเทศ และเหตุผลที่เลือกเพลงชาติมาใช้ในการทำโครงการ แม้ว่าทุกคนจะได้ฟังเพลงชาติอยู่เป็นประจำ แต่ไม่เคยใช้เพลงชาติมาเป็นสัญลักษณ์ในการหลอมรวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ รัฐบาลจึงตัดสินใจใช้เพลงชาติในการดำเนินกิจกรรมนี้ และขอขอบคุณประชาชนทุกจังหวัดที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลจะร่วมกับประชาชนคนไทยทุกคนในการสนับสนุนให้เกิดความสามัคคีเพื่อให้ประเทศเกิดความเข้มแข็ง และให้โลกรับรู้ถึงศักยภาพของคนไทยและประเทศไทย
ภายหลังกล่าวปิดโครงการ นายอภิสิทธิ์ พร้อมประชาชนได้ร่วมกันร้องเพลงไทยรวมกำลัง และเพลงรักเมืองไทย ต่อมาเวลา 18.30 น. ได้ร้องเพลงชาติร่วมกัน พร้อมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยบรรยากาศการถวายพระพรเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่
ถนนราชดำเนินยังเนืองแน่น
ส่วนบรรยากาศบริเวณถนนราชดำเนินตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงดึก พบว่าประชาชนจากทุกสารทิศเดินทางมาร่วมชมกิจกรรมในงานเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา 5 ธันวามหาราช 2552 กันอย่างเนืองแน่น โดยประชาชนส่วนใหญ่พร้อมใจกันใส่เสื้อชมพู และเหลือง เข้าร่วมชมงานที่จัดขึ้น โดยเฉพาะการแสดงแสงพระบารมี ผสานไทย สมานฉันท์ ซึ่งเป็นกิจกรรมการแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม เรื่อง "แสงพระบารมี ผสานไทย สมานฉันท์" ซึ่งมีเนื้อหาพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทย ซึ่งจะมีความรัก ความสมานฉันท์ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมการชมการยิงพลุชุดใหญ่ที่สวยงามในวลา 21.00 น.
พร้อมกันนี้ประชาชนจำนวนมากยังร่วมชมกิจกรรมการแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติของ 15 กระทรวง กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทั่วบริเวณสองฟากฝั่งถนนราชดำเนิน พร้อมชมการตกแต่งไฟดาวกะพริบจำนวน 9,999 ดวง ที่ประดับทั่วท้องถนนราชดำเนินด้วยความตระการตา โดยประชาชนส่วนใหญ่ต่างบอกว่า คนไทยทุกคนรักในหลวงมาก และวันที่ 5 ธันวาคม จะไปเฝ้ารับเสด็จที่พระบรมมหาราชวัง เพื่อแสดงความจงรักภักดี
ทหาร-ตำรวจเตรียมความพร้อม
ด้านการรักษาความปลอดภัยในงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันเดียวกัน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานว่า ในวาระมหามงคลเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2552 ที่ภาครัฐและประชาชนได้จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ ผู้บัญชาการทหารบกจึงสั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกใช้ศักยภาพของหน่วยสนับสนุนและร่วมกับทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยะ อุฑาโย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวามหาราช บนถนนราชดำเนินระหว่างวันที่ 4-13 ธันวาคมว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ รักษาการ ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องซักซ้อมทำความเข้าใจแผนปฏิบัติดูแลความเรียบร้อย "ธันวา 52" ร่วมกับกองทัพและหน่วยแพทย์พยาบาล
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายพื้นที่รับผิดชอบถวายการอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ให้แก่ผู้ปฏิบัติทุกหน่วยอย่างชัดเจน และทำความเข้าใจมาตรการปฏิบัติดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมงานที่บริเวณถนนราชดำเนิน และสนามหลวง โดยใช้กำลังตำรวจประมาณ 5,000 นาย ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมงานเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม ตั้งแต่เย็นวันนี้ พร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการภายในห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาล ติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณถนนราชดำเนิน ท้องสนามหลวงกว่า 28 จุด เน้นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเป็นหลัก
ทั่วประเทศแซ่ซ้องพระบารมี
ส่วนบรรยากาศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในแต่ละจังหวัดนั้น เมื่อเวลา 10.30 น.ที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม นายดิเรก สุวานิช ปลัดจังหวัดนครปฐม เป็นประธานข้าราชการประชาชนจำนวนมาก เข้าร่วมโครงการปล่อยปลา 1 ล้านตัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงออกถึงความจงรักภักดิ์ดี
เมื่อเวลา 12.20 น. ที่มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 นายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ร่วมกับพสกนิกรชาวไทยมุสลิม ร่วมทำพิธีละหมาดฮายัต และดุอาร์ ขอพรจากองค์อัลเลาะห์ เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน และมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของประชาชนทุกหมู่เหล่าตลอดกาลนาน
ส่วนที่ จ.ยะลา บริเวณเชิงสะพานถนนสาย 418 หมู่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีปลูกต้นไม้ตามโครงการเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน แม่ทั้งประเทศปลูกต้นไม้ถวาย 77 แสนต้น และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ โดยมีส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และภาคประชาชนใน จ.ยะลา ร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 1,000 คน โดยต้นไม้ที่นำมาปลูกตลอดเส้นทางสาย 418 ในพื้นที่ จ.ยะลาในวันนี้เป็นต้นศรียะลา ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำ จ.ยะลา จำนวนทั้งสิ้น 1,600 ต้น
ขณะเดียวกัน จ.ลำปาง ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง นายตระกูล สุตีคา ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง นำข้าราชการในสังกัด 69 คน และผู้ต้องโทษชายจาก 17 จังหวัดภาคเหนือในคดียาเสพติด 1,131 คน ร่วมประกอบพิธีถวายราชสดุดี และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 โดยข้าราชการทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปางได้กล่าวปฏิญาณตนจะเป็นข้าราชการที่ดี จากนั้นทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปางให้ตัวแทนผู้ต้องโทษที่นับถือศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม เป็นตัวแทนกล่าวถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมปฏิญานตนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จากนั้นทั้งหมดร่วมกันทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์ 9 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เช่นเดียวกับที่ จ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ธันวาคม ที่สถานสงเคราะห์เด็กบ้านแคนทอง จ.ขอนแก่น เด็กกำพร้าถูกทอดทิ้งอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี จำนวน 222 คน พร้อมด้วยข้าราชการในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านแคนทอง จ.ขอนแก่น จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน ส่วนบริเวณศาลหลักเมืองขอนแก่น ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นายพีระพล พัฒนพีระเดช นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เป็นประธานพิธีถวายเครื่องสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกับข้าราชการในสังกัดเทศบาลนครขอนแก่น และประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น