ในหลวง ทรงถ่ายรูป ศิริราช จุดเทียนชัย
ในหลวงทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์แก่พสกนิกร พร้อมมีพระราชดำรัส ความสุขของพระองค์เกิดได้ด้วยบ้านเมืองเป็นปกติสุข ทรงขอผู้มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญในสถาบันหลักของประเทศมุ่งปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ประชาชนแห่เฝ้าเนืองแน่น ปลื้มปีติได้เห็นพระองค์ท่านทรงแข็งแรง
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จพระราชดำเนินและเสด็จมายังอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช และเมื่อเวลา 11.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์สิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง
ระหว่างที่เสด็จฯ ลงมาจากอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราชนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถไฟฟ้า ทรงแย้มพระสรวลและทรงโบกพระหัตถ์แก่พสกนิกรที่มารอเฝ้ารับเสด็จ พร้อมเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" อย่างกึกก้อง
ตลอดเส้นทางเสด็จฯ ทั้งสองฟากฝั่ง พสกนิกรชาวไทยต่างสวมเสื้อสีชมพูเฝ้ารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น และเมื่อเห็นรถยนต์พระที่นั่งผ่าน ต่างพากันเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญต่อเนื่องไปจนถึงพระบรมมหาราชวัง
เมื่อเวลา 11.10 น. เสด็จฯ ถึงยังประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ในการนี้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เฝ้ารับเสด็จ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ประทับรถไฟฟ้าเข้าไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ บนพระราชบัลลังก์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านไขพระวิสูตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทอง แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
ขณะนั้นทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมกับทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
พระบรมฯถวายพระพรชัยมงคล
สมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ ความว่า
"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม บัดนี้บรรลุอุดมมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ บรรดาที่ได้มาประชุมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในวันนี้ ต่างบังเกิดความปีติปราโมทย์เป็นล้นพ้น ที่ได้เห็นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพลานามัยแข็งแรง ผ่านพ้นโรคาพาธทั้งปวงมาโดยสวัสดี ข้าพระพุทธเจ้าสำนึกรู้อยู่ทุกเวลาว่าเป็นผู้มีโชควาสนาอย่างยิ่ง ที่เกิดมาในแผ่นดินไทยภายใต้พระบุญญาบารมี จึงได้รับพระมหากรุณาชุบเลี้ยงให้มีความสุข ความเจริญ และมีเกียรติเป็นที่เชิดชูพร้อมทุกสิ่ง ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้ จึงขอพระราชทานถวายสัตย์ปฏิญาณจากใจจริงว่า จะมุ่งมั่นปฏิบัติตัว ปฏิบัติงานทั้งในฐานะที่เป็นคนไทยและในฐานะที่กำเนิดมาในพระบรมราชจักรีวงศ์ ให้เต็มกำลังความรู้ ความสามารถ โดยยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและชาติบ้านเมืองตลอดไป
กับขอพระราชทานตั้งสัตยาธิษฐาน ถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับทั้งพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ จงพร้อมกันอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้ทรงพระเกษมสุข ปราศจากมลทินทุกข์และพยาธิภัย มีพระราชประสงค์จำนงใดที่จะอำนวยประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ขอจงสำเร็จสรรพศุภผล ดังพระราชหฤทัยจำนงทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยตามลำดับ
รับสั่งมีสุขก็ด้วยบ้านเมืองปกติสุข
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบความว่า "ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริง ซึ่งปรารถนาดีมุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุข ความสวัสดีโดยประการต่างๆ ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคงเป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลังด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้ทิศ และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น
จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศและชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรง หนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์คือ ชาติบ้านเมืองอันเป็นถิ่นที่อยู่ ที่ทำกินของเรามีความเจริญมั่นคง ยั่งยืนไป ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัยและอำนวยสุขสิริสวัสดิ์วิวัฒนมงคลให้สำเร็จผลแก่ท่านทั่วหน้ากัน"
จากนั้นมหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านปิดพระวิสูตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญาณ ชาวพนักงานประโคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงจากพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ประทับรถไฟฟ้าออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วเสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่งที่พระทวารเทเวศรรักษา พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินกลับโรงพยาบาลศิริราชในเวลา 12.05 น. โดยมีประชาชนรอเฝ้าส่งเสด็จตลอดเส้นทาง
สมเด็จพระบรมเสด็จฯ แทนพระองค์
เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยเสด็จด้วย
เมื่อเสด็จฯ ถึงมุขหน้าพระอุโบสถ บรรพชิตจีนและญวนถวายพระพรชัยมงคล แล้วเสด็จฯ เข้าสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี และพระพุทธรูปฉลองพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว ทรงจุดเทียนบูชาเทพยดานพเคราะห์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ โหรหลวงบูชาเทพยดานพเคราะห์ เสด็จฯ ลงหน้าพระอุโบสถ
จากนั้นเสด็จฯ ไปหน้าพระทวารเทเวศรรักษา เสด็จฯ เข้าสู่พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย เวลา 17.30 น. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการสถาปนาสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จพระราชาคณะ จบแล้ว พระสงฆ์ 10 รูปเจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคม สังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้นทรงประเคนสุพรรณบัฏ พัดยศ ผ้าไตร เครื่องประกอบสมณศักดิ์แด่สมเด็จพระราชาคณะและรองสมเด็จพระราชาคณะที่ได้รับพระกรุณาโปรดสถาปนาตามลำดับ
จากนั้นทรงประเคนสัญญาบัตร พัดยศ แด่พระสงฆ์ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ใหม่ตามลำดับ พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระราชาคณะถวายอดิเรก เจ้าพนักงานกองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา นิมนต์พระสงฆ์ 82 รูปเจริญพระพุทธมนต์ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ ทรงศีล แล้ว พระสงฆ์ 83 รูปเจริญพระพุทธมนต์การพะราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ระหว่างพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เสด็จฯ ขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณทางพระทวารเทวราชมเหศวร ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จฯ ออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้ว สมเด็จพระราชาคณะถวายอดิเรก เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จฯ กลับ
ประชาชนเนืองแน่นศิริราช
บรรยากาศโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรทั่วทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพูมานั่งรอเฝ้ารับเสด็จตั้งแต่เวลา 04.00 น. เมื่อรวมกับประชาชนที่นอนค้างคืนรอรับเสด็จตั้งแต่คืนที่ผ่านมา (4 ธ.ค.) จึงทำให้ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ เนืองแน่นไปด้วยประชาชน และต่างก็โบกธงชาติพร้อมธงตราสัญลักษณ์ 82 พรรษา
นางพนอ อุมัษเฐียร อายุ 59 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เดินทางออกมาจากบ้านตั้งแต่ตีสาม ด้วยเป็นคนย่านฝั่งธนฯ และเห็นว่าโรงพยาบาลศิริราชอยู่ใกล้ จึงตั้งใจเดินทางมาร่วมรับเสด็จและอยากจะเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด
"วันนี้เดินทางมาคนเดียว อยากจะเห็นพระพักตร์พระองค์มาก เมื่อวันลอยกระทงที่ทรงลงมาลอยกระทงไม่รู้มาก่อนจึงมาไม่ทัน ตั้งแต่พระองค์ท่านประชวร ก็มาลงนามหลายรอบ ลงนามเสร็จก็จะมายืนสวดอยู่ที่ต้นไม้ พร้อมกับมองไปบนอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้นที่พระองค์ท่านประทับ อยากให้พระองค์ท่านหายไวๆ พระองค์ท่านทำเพื่อประชาชนมาตลอด เหนื่อยจนไม่รู้ว่าเหนื่อยอย่างไร จึงอยากถวายพระพรให้แก่พระองค์ ทรงเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชนได้เห็น เป็นพระมหากษัตริย์ที่ติดดินมาก ห่วงประชาชนตลอดเวลา ถึงแม้วันนี้แดดจะร้อนก็ไม่กลัว ขอให้ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่านเท่านั้นก็พอ เพราะรักพระองค์ท่านมาก" นางพนอกล่าว
นายนคร ประสาทพร อายุ 52 ปี อาชีพค้าขาย ซึ่งนอนค้างอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานนี้(4 ธ.ค.) ด้วยอยากจะสัมผัสกับบรรยากาศของการรับเสด็จพร้อมกับเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยตาของตัวเองแทนการดูโทรทัศน์
"จริงๆ แล้วจะดูทีวีก็ได้ แต่ความรู้สึกที่มาที่นี่กับเวลาดูโทรทัศน์มันต่างกันมาก ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นพระองค์ท่าน แต่การได้มาสัมผัสบรรยากาศที่ทุกคนพร้อมใจกันมาร่วมถวายพระพรและรับเสด็จมันเหนือคำบรรยาย ก่อนนี้ก็รับรู้และรู้สึกว่าทรงเป็นเพียงพระมหากษัตริย์องค์หนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ผ่านทางสื่อต่างๆ จึงรู้สึกว่าพระมหากษัตริย์ของบ้านเรานั้นเป็นบุคคลที่น่าเคารพและนับถือมากที่สุด จึงตัดสินใจมาร่วมรับเสด็จและมาเฝ้าติดตามพระอาการประชวรของพระองค์ท่าน อยากเห็นพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต" นายนครกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.00 น. ทางโรงพยาบาลได้เปิดเพลงชาติ ประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนตรงและร่วมร้องเพลง พร้อมๆ กับโบกธงชาติไทยอย่างพร้อมเพรียง และหลังจากร้องเพลงชาติจบต่างก็เปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" อย่างกึกก้อง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังก็อนุญาตให้ประชาชนเข้ามารับเสด็จบริเวณหน้าศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ โดยกำหนดให้อยู่หลังรั้วรอบสนามเท่านั้น ซึ่งประชาชนจำนวนมากที่เฝ้ารออยู่บริเวณลานพระราชานุสารีย์ต่างวิ่งกรูมาจับจองพื้นที่ทันที
ประชาชนเฝ้าแน่นพระบรมมหาราชวัง
เช่นเดียวกับบริเวณพระบรมมหาราชวัง ที่คลาคล่ำไปด้วยพสกนิกรที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ประชาชนจากทั่วสารทิศต่างทยอยกันมาจับจองพื้นที่บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคม โดยเฉพาะบริเวณสองข้างทางจากประตูวิเศษไชยศรีที่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งจะเสด็จฯ ผ่าน
ขณะเดียวกัน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต และประชาชนต่างเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและภริยา ม.จ.ภีศเดช รัชนี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัยและภริยา นายบรรหาร ศิลปอาชา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รวมทั้งบรรดาคณะทูตและผู้แทนจากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น อาร์เจนตินา นอร์เวย์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผู้แทนทูตจากสหภาพยุโรป เป็นต้น
พร้อมกันนี้ทางสำนักพระราชวังได้เตรียมหนังสือที่ระลึกไว้แจกแก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรด้วยได้แก่ หนังสือสมาธิในพระพุทธศาสนา พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร หนังสือถนนหนทาง(ในโครงการพบกันครึ่งทาง) พิมพ์ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา พุทธศักราช 2552 และแผ่นพับชื่อว่า หลักชาวพุทธ ภูมิธรรมขั้นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาการแห่งชีวิตและสังคม
สำหรับผู้เข้าร่วมในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา บริเวณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยสำนักพระราชวังได้เตรียมหนังสือสมุดภาพปริทัศน์พระราชวังไทย ซึ่งประกอบด้วยภาพพาโนรามา 360 องศา 6 พระราชวัง ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังบางปะอิน พระราชวังสนามจันทร์ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ พระตำหนักประทับแรมอำเภอปากพนัง ซึ่งเป็นภาพ 4 สี่ รวมทั้งสิ้น 138 หน้า พิมพ์ทั้งหมด 3,000 เล่ม
เด็กกำพร้าใต้เฝ้ารับเสด็จ
น.ส.รุสนานี แวดือราแม จาก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงนำเด็กกำพร้าจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา จำนวน 68 คนมาเฝ้ารับเสด็จ กล่าวว่า เด็กๆ รู้สึกตื่นเต้นและตื้นตันใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บางคนปลื้มปีติจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พร้อมบอกว่าจะเป็นเด็กดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"เด็กบางคนร้องไห้เมื่อขบวนรถยนต์พระที่นั่งผ่าน เพราะเป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นในหลวงของปวงชนชาวไทย" น.ส.รุสนานี กล่าว
ด.ญ.เมธินี อุดม อายุ 11 ปี เดินทางมาพร้อมครอบครัวจาก จ.จันทบุรี กล่าวว่า เดินทางออกจากบ้านมาตั้งแต่ตีสาม เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จและลงนามถวายพระพร รู้สึกดีใจมาก ขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยแข็งแรง ที่ผ่านมาได้พยายามทำดีถวายในหลวงด้วยการปลูกต้นไม้
ลั่นทำดีถวายในหลวง
นายเพิ่มศักดิ์ บุณชลากุลโกศล ชาวกรุงเทพมหานคร อายุ 59 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป กล่าวว่า ในอดีตเคยเห็นในหลวงเสด็จฯ ไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตอนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม พระองค์ท่านเสด็จฯ โดยไม่มีขบวนใดๆ เลย ตั้งแต่นั้นมาก็รู้สึกรักและประทับใจมาก อยากบอกเพียงแค่ว่า พระองค์ท่านอย่าทรงห่วงเลยพวกเราทุกคนจะทำดีถวายในหลวง
นางแจ้ง ขวัญชัย ผู้พิการขาด้านซ้ายลีบเล็ก อายุ 58 ปี ชาวหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งนั่งรถโยกสำหรับคนพิการมาเฝ้ารอรับเสด็จบริเวณหน้าศาลหลักเมืองตั้งแต่เช้ามืดเล่าว่า ปกติตนเองเดินทางโดยรถไฟมาจาก อ.หาดใหญ่ เป็นประจำทุกปีในวันที่ 5 ธันวาคม สำหรับปีนี้มีความตั้งใจเป็นพิเศษโดยก่อนเดินทางมาทุกคืนจะสวดมนต์ขอพรจากพระให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพลานามัยแข็งแรง เนื่องจากทรงมีพระอาการประชวรและประทับในโรงพยาบาลศิริราช ทุกวันนี้ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะได้กำลังใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หนุ่มเขมรชื่นชมพระบารมี
นายคลำ อายุ 27 ปี ชาวกัมพูชา ที่มาเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท้องสนามหลวง กล่าวว่า เดินทางมากับเพื่อนชาวกัมพูชา 3 คน เพื่อมาชื่นชมพระบารมีของในหลวง อยากให้พระองค์ท่านหายจากพระอาการประชวร ตอนรับเสด็จได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่านรู้สึกดีใจและรักชื่นชมพระองค์ท่านมาก ส่วนตอนค่ำก็จะเดินชมงานทั่วถนนราชดำเนินด้วย
นายคลำยังกล่าวถึงความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า อยากให้ทั้งสองประเทศมีความรักความสามัคคีปรองดองกัน ไม่อยากให้มีปัญหาทะเลาะกัน กลับมาคืนดีสามัคคีพัฒนาประเทศให้รุ่งเรือง
ด้าน นายชนะชัย ยีรัมย์ อายุ 35 ปี ชาวนา จ.สุรินทร์ ลูกพี่ลูกน้องของ "จา" พนม ยีรัมย์ นักแสดงชื่อดัง กล่าวว่า อยากให้พระองค์ท่านทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
วอนคนไทยไม่ว่าเสื้อสีไหนให้รักกัน
นายพิศิษฐ์ จิตสามารถ อายุ 46 ปี ชาวนครราชสีมา กล่าวว่า เดินทางมาจากโคราชตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม โดยพักที่สนามหลวงเพราะตั้งใจมาร่วมถวายพระพร และจะรอจุดเทียนชัยในช่วงค่ำด้วย วันนี้ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสามเพื่อเตรียมข้าวของมาทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญกำลังใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป
นางกรณัฐฎ์ แซ่ล้อ อายุ 50 ปี กล่าวว่า ดีใจมากที่เห็นพระองค์ท่านสุขภาพแข็งแรง ได้เห็นพระองค์ท่านแล้วปลื้มปีติดีใจ อยากให้พระองค์ท่านเป็นมิ่งขวัญร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่คนไทยทั้งหลาย ตอนนี้อยากให้คนไทยไม่ว่าเสื้อสีไหน วัยใด เพศใด หันหน้ามารักกันเพื่อถวายแด่ในหลวง
องคมนตรีนำเด็กชาวเขาถวายพระพร
ส่วนงานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ณ บริเวณโรงละครแห่งชาติ สังคีตศาลาและถนนราชดำเนิน จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เพื่อเฉลิมพระเกียรติและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ ความเข้าใจ และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ระหว่างวันที่ 3-7 ธันวาคม มีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 10.00-19.30 น. เช่น การแสดงมายากล การแสดงร่วมสมัยชุดเทวะอัปสรา การแสดงละครนอก เรื่อง มณีพิชัย ตอน ยอพระกลิ่นกินแมว การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามราชจักรี การแสดงหุ่นนานาชาติจากประเทศเยอรมนี เกาหลี ฟินแลนด์ ศรีลังกา การแสดงพื้นบ้านภาคกลางโดย ขวัญจิต ศรีประจันต์ มหกรรมกลองพื้นบ้านภาคเหนือ โดยพ่อครูคำ กาไวย์ ศิลปินแห่งชาติ ฟ้อน สะล้อ ซอ ซึง โดยนายมานพ ยาระณะ ศิลปินแห่งชาติ
ตั้งแต่ช่วงเช้ามีเยาวชนของชนเผ่าต่างๆ มาร่วมงานและลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับมูลนิธิเผยแผ่ศาสนาและพัฒนาคุณภาพชีวิต มี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธาน เปิดโอกาสให้นักเรียนชาวเขาเผ่าต่างๆ จากโรงเรียนในเขตสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 โรงเรียนพญาลอวิทยาคม จ.พะเยา และโรงเรียนแม่สรวยวิทยาคม จ.เชียงราย อาทิ เผ่ามูเซอ เผ่ากะเหรี่ยง เผ่าม้ง เผ่าเย้า จำนวนทั้งสิ้น 400 คน เดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนด้อยโอกาสจากมูลนิธิบ้านนกขมิ้นมาร่วมชมงานด้วย โดยมีนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ต้อนรับ
ปธ.วุฒินำส.ว.-ขรก.ทำบุญ
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ของวุฒิสภา ณ บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา 2 โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสมาชิก เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก งานดังกล่าวได้จัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์จำนวน 83 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมพิธีถวายพระพรชัยมงคลของ 3 ศาสนา ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อถวายพระพรชัยมงคล มีพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 9 รูป โดยมีพระธรรมสิทธินายก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นประธานในพิธี พิธีขอดุอาห์เพื่อถวายพระพรชัยมงคล โดยผู้นำศาสนาอิสลาม จำนวน 9 คน มีนายอรุณ วันแอเลาะ รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้แทนจุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธี และวจนพิธีกรรมภาวนาเพื่อถวายพระพรชัยมงคล โดยผู้นำคริสต์ศาสนา จำนวน 9 คน ซึ่งมีคุณพ่อเปโตร สมเกียรติ บุญอนันตบุตร ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายธรรมทูต ในฐานะผู้แทนพระคาร์ดินัล เป็นประธานในพิธี
จากนั้น นายประสพสุข ได้นำสมาชิกวุฒิสภา และผู้แทนจากคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาทุกคณะ รวมถึงนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา ถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนร่วมกับสมาชิกวุฒิสภาและข้าราชการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กล่าวถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อเป็นสมาชิกวุฒิสภาและข้าราชการที่ดีต่อไป
ปชช.พร้อมใจใส่เสื้อสีชมพูตักบาตร
ส่วนที่กรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน พ่อค้า และประชาชน ซึ่งพร้อมใจกันใส่เสื้อสีชมพูทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 283 รูป และพระราชาคณะ จำนวน 10 รูป เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ซึ่งมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวขอเชิญประชาชนให้ร่วมทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งรัฐบาลและหลายหน่วยงาน รวมถึงกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นตลอดแนวถนนราชดำเนิน โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ภายใต้แนวคิด "พระบารมีจรัสหล้า" ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2552
ทั้งนี้ กิจกรรมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในรูปแบบของนิทรรศการ การแสดงแสง เสียง และสื่อผสม การฉายมัลติมีเดียเฉลิมพระเกียรติฯ เรื่อง "ในดวงใจไทยนิรันดร์" นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้จัดทำบัตรถวายพระพร รูป "ดอกไม้เงิน-ดอกไม้ทอง" เพื่อให้ประชาชนเขียนคำถวายพระพร และนำไปประทับตราเพื่อรับโปสการ์ดพระบรมฉายาลักษณ์ ชุด "พระบารมีจรัสหล้า" ที่ได้เชิญพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประกอบไว้ด้านหลังโปสการ์ด ซึ่งได้จัดพิมพ์ขึ้น 5 รูปแบบ รูปแบบละ 1,000 ฉบับ รวม 5 หมื่นฉบับ เพื่อมอบให้แก่ผู้เขียนคำถวายพระพรในแต่ละวันไม่ซ้ำรูปแบบ วันละ 1 หมื่นฉบับด้วย
กำชับครม.สนองพระราชดำรัส
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการบันทึกเทปรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศคงได้ยินกระแสพระราชดำรัสที่พระราชทานในวันนี้แล้ว พระองค์ท่านรับสั่งชัดเจนว่าที่พวกเราทุกคนตั้งใจจงรักภักดีและถวายพระพร พระองค์ท่านจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองมีความปกติสุขและมีความมั่นคง ฉะนั้นตนถือว่าเป็นหน้าที่ของพสกนิกรคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ และน้อมรับกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อมและนำไปปฏิบัติ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรัฐบาลนั้น เช่นเดียวกันก็ได้มีกระแสพระราชดำรัสว่า ทุกคนที่มีหน้าที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มกำลังด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนอื่นๆ ทั้งหมด ตรงนี้ตนจะกำชับครม.และหน่วยราชการทุกแห่งน้อมรับกระแสพระราชดำรัสไปสู่การปฏิบัติให้เป็นจริง
นายกฯ กล่าวอีกว่า จะมีการพิมพ์กระแสพระราชดำรัสให้ครม.และให้นำไปเผยแพร่แก่ทุกหน่วยงานต่อไป
นายกฯ นำจุดเทียนชัยถวายพระพร
เวลา 19.19 น. นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวามหาราช ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พร้อมนำประชาชนกล่าวถวายราชสดุดี จากนั้นพสกนิกรชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากที่รวมใจกันสวมใส่เสื้อสีชมพูเต็มพื้นที่ท้องสนามหลวงและยาวไปจนถึงถนนราชดำเนิน ต่างพร้อมใจกันจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล จนแสงเทียนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ พร้อมร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี สดุดีมหาราชา และเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ จากนั้นมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเฉลิมพระเกียรติ
ส่วนที่โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรทุกหมู่เหล่า รวมทั้งคณะแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลศิริราชและเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้รวมตัวกันที่บริเวณศาลาท่าน้ำ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นจุดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรลงมาเห็นได้จากที่ประทับ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา ก่อนจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2552
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสผ่าน รศ.นพ.สุรินทร์ ธนะพิทัศสิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ให้ประชาชนที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ตอนเช้าได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดีด้วยการจุดเทียนชัยถวายพระพร ที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งความทราบถึงเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตรลงมาและทรงถ่ายภาพพสกนิกรด้วยกล้องส่วนพระองค์
ส่วนการลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้จัดตั้งโต๊ะลงนามถวายพระพร ณ ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรอีกครั้ง หลังจากที่มีการงดลงนามถวายพระพรในช่วงเช้าวันที่ 5 ธันวาคม โดยจะเปิดให้ประชาชร่วมลงนามได้ในวันที่ 6 ธันวาคม เวลา 08.00 น.