วันหยุดหาปลาถูกช้างเตะซี่โครงหัก 5 ซี่โคม่า
พังน้ำหวานที่ถูกนำมาเร่ขายอาหารช้างในตัวเมืองขอนแก่นเตะคนงานก่อสร้างที่ออกหาปลาวันหยุดกระเด็น ซี่โครงหัก 5 ซี่ แขนขวาหัก ร่างแผลเหวอะ ตำรวจชี้มีโอกาสเจ็บตัวฟรีสูง เพราะช้างล่ามโซ่ไว้หากโซ่ขาดโอกาสรอดคงยาก ผู้ว่าฯ ขอนแก่นหนักใจหลังกทม.ห้ามช้างเร่ร่อนเข้าพื้นที่ ทำให้ต่างจังหวัดมีปัญหา ชี้ปัญหาใหญ่อยู่ที่นายทุนซื้อช้างให้เร่แบ่งเปอร์เซ็นต์ขายอาหารช้าง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 6 ธันวาคม พ.ต.ท.ทักษ์ สุรนาถ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับแจ้งว่า นายอู๊ด ทรงรัมย์ คนงานขับรถเครน บริษัทไทยวัฒน์ วิศวการทาง จำกัด ถูกช้างทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จากนั้นจึงนำกำลังรุดไปสอบสวนทันที
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น พบว่า นายอู๊ดมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง โดยรอยช้ำที่หน้าอกด้านขวา บริเวณใบหน้ามีแผลเหวอะหวะ แขนขวามีแผลเปิด เลือดไหลออกช่องหูทั้งสองข้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เข้าเยี่ยมอาการผู้ป่วยที่โรงพยาบาล พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนหนึ่งให้นางอำไพ โคตรจังหรีด ภรรยาของนายอู๊ด
นางอำไพกล่าวว่า นายอู๊ด สามี อายุ 33 ปี เป็นชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ทำงานเป็นพนักงานขับรถเครนของบริษัท ไทยวัฒน์ วิศวการทาง และมาทำงานที่ขอนแก่น โดยมีที่พักในซอยหมู่บ้านทุ่งเศรษฐี ใกล้ๆ กับบึงทุ่งสร้าง ก่อนเกิดเหตุนายอู๊ดหยุดงาน ได้ออกจากบ้านช่วงเช้า เพื่อไปหาปลาที่บึงทุ่งสร้างมาประกอบอาหาร จนกระทั่งในช่วงสายได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่าสามีถูกช้างทำร้าย หลังจากนั้นได้ให้เพื่อนไปยังจุดที่เกิดเหตุ ก็พบว่า รถจักรยานยนต์ของสามียังติดอยู่กับโซ่ล่ามช้าง ในสภาพพังเสียหายยับเยิน จากนั้นเพื่อนก็ได้ไปตามเจ้าของช้างให้มาช่วยนำรถจักรยานยนต์ออกจากโซ่ล่ามช้าง หลังจากนั้นได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น
นางอำไพกล่าวต่อว่า ปกติก็รู้ว่าบริเวณดังกล่าวมักจะมีควาญช้างนำช้างมาล่ามไว้ โดยในวันเสาร์ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมารับสามีที่มาหาปลาบริเวณที่เกิดเหตุ ก็พบช้างผูกอยู่ 2 เชือก และในวันเกิดเหตุ ทราบว่ามีช้าง 4 เชือก และทราบว่าคนที่นำสามีส่งโรงพยาบาล เป็นผู้ชายไม่ทราบชื่อขับรถสามล้อพ่วงมากับภรรยาเห็นเหตุการณ์จึงเข้าช่วยเหลือและนำนายอู๊ดส่งโรงพยาบาล แต่เมื่อตนเองมาถึงโรงพยาบาลกลับไม่พบผู้ที่ให้การช่วยเหลือ ซึ่งต้องการจะขอบคุณในน้ำใจ
ขณะที่นายนิกร เลิศงาม เพื่อนนายอู๊ด กล่าวว่า ช่วงที่เดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อเอารถออกมานั้น รถจักรยานยนต์นายอู๊ดยังติดอยู่กับโซ่ล่ามช้าง ต้องตามเจ้าของมาช่วย ซึ่งจากคำบอกเล่าของคนที่เห็นเหตุการณ์ นายอู๊ดไม่น่าจะถูกช้างกระทืบ แต่อาจเกิดจากช้างเตะ เพราะหากถูกกระทืบนายอู๊ดคงไม่รอด และช่วงเกิดเหตุช้างอาจอยู่ในพุ่มไม้ ที่เป็นร่องน้ำ ทำให้นายอู๊ดไม่เห็นช้าง จึงขับรถเข้าไปเพื่อจะจอดรถในพุ่มไม้บังแดดแล้วทำให้ช้างตกใจจนเกิดการทำร้ายนายอู๊ด
นพ.วิจิตร ประพาศพงษ์ แพทย์เจ้าของไข้นายอู๊ด ระบุว่า มีพลเมืองดีนำนายอู๊ดมาส่งที่โรงพยาบาล เวลาประมาณ 10.30 น.และในเบื้องต้นพบว่าแขนขวาหัก บริเวณอกขวาถูกกระแทกอย่างแรง และซี่โครงด้านขวาหักหลายซี่แพทย์ต้องเจาะช่องอกเพื่อดูดเลือดในช่องอกออก อาการทั่วไปคนไข้ยังสติดี และพูดได้บ้าง
พ.ต.ท.ทักษ์ สุรนาถ พนักงานสอบสวนเวร เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นหนองน้ำพบว่า ช้างถูกผูกด้วยโซ่ขนาดใหญ่ไว้กับต้นไม้ความยาวโซ่ประมาณ 20 เมตร และห่างจากถนนประมาณ 40 เมตร โดยช้างที่ก่อเหตุเป็นช้างพังตัวใหญ่ ที่มากันเป็นกลุ่มจากจ.บุรีรัมย์ ซึ่งปกติบริเวณนี้จะเป็นสถานที่ที่กลุ่มช้างเร่จะนำช้างมาผูกไว้เพื่อพักผ่อน และเล่นน้ำ ซึ่งคนในพื้นที่ก็ทราบว่าบริเวณนี้มีช้างผูกหลายเชือก และควาญช้างกลุ่มนี้ได้นำช้างมาผูกไว้กว่าเดือนแล้ว และจากการสอบสวนภรรยาคนเจ็บ ก็ทราบว่าบริเวณที่เกิดเหตุมีช้างผูกอยู่ ซึ่งในทางคดีก็ต้องรอการสอบสวนคนเจ็บว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร แต่ในเบื้องต้นหากช้างมีการผูกไว้แน่นหนา และโซ่ไม่ได้ขาด ไม่ได้ปล่อยให้ช้างมาทำร้ายคน เจ้าของช้างไม่ต้องรับผิดชอบ
"ในกรณีนี้ในเบื้องต้น ตามรูปการณ์แล้วคนเจ็บน่าจะเข้าไปในบริเวณที่ช้างผูกอยู่แล้วช้างตกใจ และอาจจะระวังตัวตามสัญชาตญาณสัตว์ทั่วไป หรืออาจเป็นไปได้ว่าคนเจ็บขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปในรัศมีโซ่ที่ผูกช้าง แล้วรถไปเกี่ยวโซ่ช้าง แล้วช้างตกใจวิ่งวน แล้วลากทั้งรถทั้งคนชุลมุน และตามข้อเท็จจริงช้างเหล่านี้ไม่น่าจะตื่นคน เพราะเป็นช้างที่เร่ร่อนในตัวเมืองและคุ้นเคยกับคน ซึ่งตามรูปการณ์แล้วคนเจ็บน่าจะไม่ใช่ถูกช้างกระทืบ เพราะหากกระทืบคงไม่รอด แต่อาจจะเป็นลักษณะการเตะ หรือช้างอาจวิ่งวนพันรถจักรยานยนต์ที่คนเจ็บนั่งอยู่แล้วช้างอาจจะหาวิธีการสลัดรถให้ออกจากโซ่ เพราะหลังจากคนเจ็บกระเด็นออกนอกรัศมีโซ่ ช้างตามไปทำร้ายไม่ได้ และรถยังติดอยู่กับโซ่ช้างและถูกช้างทำลายจนเสียหายยับเยิน และอาการของช้างที่ก่อเหตุไม่มีอาการตกมัน ซึ่งต้องรอให้คนเจ็บพร้อมที่จะให้การในรายละเอียดก่อน" พ.ต.ท.ทักษ์กล่าว
นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าฯ ขอนแก่น กล่าวถึงการแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนว่า หลังจากที่ทาง กทม.ห้ามนำช้างเข้าไปเร่ขายสินค้าในพื้นที่ทำให้ในหัวเมืองต่างจังหวัด มีช้างเร่ขายสินค้ามากขึ้น ซึ่งการที่กทม.ทำได้ เนื่องจากมีงบประมาณในการจัดการโครงการช้างคืนถิ่น แต่ในต่างจังหวัดไม่มีงบประมาณจัดการในส่วนนี้ ขณะเดียวกันช้างถือเป็นการลงทุนของเจ้าของช้างไปแล้วเพราะช้างแต่ละเชือกราคาซื้อขายหลายแสนบาท เมื่อลงทุนไปแล้วก็ต้องหารายได้ และเมื่อช้างตกลูก ก็มีการจำหน่ายต่อทำให้เกิดปัญหาวนเวียนไม่จบสิ้น และที่น่าห่วงคือมีนายทุนบางกลุ่มซื้อช้างเพื่อนำไปให้ควาญช้างเร่ขายอาหารช้างแบ่งเปอร์เซ็นต์ซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่โดยมีการจัดการอย่างเป็นระบบซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาระยะยาวที่น่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ช้างที่ทำร้ายนายอู๊ด ชื่อพังน้ำหวาน อายุ 8 ปี เป็นช้างเร่ร่อน จากจ.บุรีรัมย์ ก่อนหน้านี้ 1 เดือนมีช้างในทีมเดียวกันมาเร่ร่อนในเทศบาลนครขอนแก่น จำนวน 2 เชือก และ ในช่วงเทศกาลไหม ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม กลุ่มควาญช้างได้นำช้างจากที่ต่างๆ เข้ามาเสริมอีก 2 เชือก รวมทั้งพังน้ำหวาน และนำมาผูกพักไว้ในที่เกิดเหตุ 3 วันในช่วงกลางวัน และในเวลากลางคืนกลุ่มควาญช้างจะนำออกเร่ขายอาหารช้างในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และหลังจากเกิดเหตุ ช้างพังน้ำหวานยังคงผูกไว้ที่เดิม ขณะที่ผลเอกซเรย์นายอู๊ดพบว่า มีซี่โครงด้านซ้าย หัก 1 ซี่ ด้านขวา 4 ซี่ มีรอยจุดดำตรงปอด แขนขวาหัก