นักเรียน ม.5 ถูกหลอกโอนเงินเพราะกลัวพ่อแม่ติดคุก ซ้ำเพื่อนล้อที่เสียรู้มิจฉาชีพ

นักเรียน ม.5 ถูกหลอกโอนเงินเพราะกลัวพ่อแม่ติดคุก ซ้ำเพื่อนล้อที่เสียรู้มิจฉาชีพ

นักเรียน ม.5 ถูกหลอกโอนเงินเพราะกลัวพ่อแม่ติดคุก ซ้ำเพื่อนล้อที่เสียรู้มิจฉาชีพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักเรียน ม.5 ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าเป็นตำรวจ หลอกโอนเงิน ขู่พ่อแม่จะติดคุก ซ้ำเจอเพื่อนล้อที่เสียรู้มิจฉาชีพ

จากกรณีผู้ปกครองของโรงเรียนแห่งหนึ่งโพสต์เตือนภัยในกลุ่มผู้ปกครองว่า "ฝาก ผปค. เตือนภัยน้องๆ ค่ะ เมื่อวานเจอมากับตัว ลูกสาวยอมโอนเงินให้ไป 5,000 บาท เท่าที่คุย ได้ข้อมูลมาประมาณนี้ เค้าบอกว่ามีคนเก็บบัตรประชาชนได้ แล้วไปทำอะไรซักอย่าง ที่ผิดกฎหมาย ห้ามบอกพ่อแม่ ไม่งั้นพ่อแม่ต้องเข้าคุก ให้รวบรวมเงินที่มีทั้งหมด โอนมาบัญชี เธอเลยทำตามที่เค้าบอก เลขที่บัญชีก็ไม่ได้จดไว้  พอทำรายการเสร็จ ถึงรู้ตัวว่าน่าโดนหลอก  คนโทรบอกว่าโทรมาจาก flash มีของส่งมาจากต่างประเทศ แต่เป็นของผิดกฎหมาย ถ้าไม่ได้สั่งอะไร ให้รีบวางสายอย่าไปเผลอคุยต่อ เค้าจะมีวิธีหลอกล่อจากคำพูดของเรา"   

ผู้สื่อข่าวติดต่อ นางรัชนี (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี มารดาของ น.ส.ดาว (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามรายละเอียดทราบว่า วันเกิดเหตุคือวันที่ 3 ก.พ.65 เวลาประมาณ 11.00 น. ผู้เสียหายเป็นเด็กนักเรียนกำลังเรียนออนไลน์ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ flash โทรมาหลอกให้โอนเงินทั้งหมดที่เด็กมีให้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สงขลา จับคนร้ายชื่อ นายชูศักดิ์ ฟักสุก พร้อมหลักฐานเป็นกล่องพัสดุจาก flash ด้านในมีบัตรเครดิต 7 ใบ และพาสปอร์ต 5 เล่ม  โดยเป็นชื่อของ น.ส.ดาว (นามสมมุติ) และได้หลอกให้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สงขลา ทางไลน์ ให้โอนเงินจำนวน 5,000 บาท โดยอ้างว่าถ้าไม่โอนเงินให้ ปปง.ตรวจสอบ จะถือว่ารู้เห็นกับคนร้าย พ่อแม่อาจถูกจับติดคุกด้วย    

น.ส.ดาว (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. กำลังเรียนออนไลน์ คนร้ายได้โทรมาบอกว่ามีพัสดุส่งมาเป็นของผิดกฎหมายเป็นสมุดบัญชีและพาสปอร์ต โดยให้คุยกับทาง ตร.สภ.เมืองสงขลา จากนั้นก็แอดไลน์แล้วคุยกัน ซึ่งตำรวจบอกว่าได้โทรมาทางไลน์สอบปากคำเพื่ออัดเสียง จากนั้นให้โอนเงินไปให้เขาส่วนตัว เพื่อนำไปให้ ปปง.ตรวจสอบ โดยให้โอนมากที่สุด ทางตำรวจข่มขู่ตนว่าถ้าไม่ให้คำตอบถือว่าก่อกวนเจ้าหน้าที่ ตนก็หลงเชื่อโอนเงินเก็บ เงินวันเกิด และเงินค่าขนม ไปให้หมดเลย โดยเขาแจ้งว่าผู้ต้องหาที่ก่อคดีถ้าเรื่องสาวไปถือตัวพ่อกับแม่จะติดคุก ซึ่งตนกลัวมาก ไม่อยากให้พ่อแม่ติดคุก

นางรัชนี มารดา กล่าวว่า หลังตนทราบเรื่องพยายามติดต่อธนาคารเพื่ออายัดบัญชี เขาก็ดำเนินการให้แต่ไม่ทัน เงินถูกถอนออกไปแล้ว จากนั้นก็เข้าแจ้งความที่โรงพัก

หลังตนทราบเรื่องตนก็โกรธและสงสารลูกด้วย ตนอยากฝากบอกผู้ปกครองและเด็กว่าการซื้อของออนไลน์อาจถูกหรอกได้ ถ้าไม่รู้จักก็ไม่ต้องคุย เราต้องมีสติ ก่อนโอนอยากให้ปรึกษาผู้ปกครองก่อนซื้อของออนไลน์ มิจฉาชีพใช้จุดอ่อนของเด็กที่กลัวพ่อแม่ติดคุก เด็กก็จะทำตาม และก็ฝากบอกเด็กที่เป็นเพื่อนว่าอย่าล้อเลียนเพื่อน เพื่อนก็จะอายแล้วไม่กล้าบอกผู้ปกครอง เรื่องแบบนี้มันเข้าใกล้ตัวทุกวัน ตนก็พยายามบอกลูกแต่ก็ระวังอยากสมัยนี้ ตอนนี้ลามมาที่กลุ่มเด็กนักเรียนแล้ว      

เบื้องต้นผู้เสียหายและผู้ปกครองได้เดินทางเข้าแจ้งความแล้วที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมทั้งอายัดบัญชีที่โอนเงินไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีเข้ามาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook