เสธ.หนั่น เชื่อเมื่อถึงเวลา นายกฯ กล้าปรับ ครม.
เชื่อรัฐใช้กม.จัดการความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ "สุเทพ"หยุดโต้เสื้อแดงแต่เตรียมฟ้องหมิ่นประมาท "ศุภชัย"ระบุฝ่ายการเมืองควรน้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติ "ชวน"แจงข่าวนั่งนายกฯเป็นแค่ข่าวยืนยันอภิสิทธิ์เหมาะสม
(6ธ.ค.) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เห็นว่า เมื่อรัฐบาลทำงานมาครบ 1 ปี ควรจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อเปลี่ยนกันทำหน้าที่ และเชื่อว่าประชาชนก็ต้องการให้ปรับเช่นกัน เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชนได้เห็นว่า รัฐมนตรีแต่ละคนทำอะไรบ้าง นอกจากนี้ การปรับคณะรัฐมนตรียังจะช่วยลดแรงกระเพื่อมภายในพรรคได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะพรรคที่มีการไปรับปากกันเอาไว้
"ผมว่าถึงเวลาคงต้องปรับ อย่างน้อยประชาชนก็ตื่นเต้นขึ้น และเมื่อปรับใหม่ ก็ต้องให้ดีกว่าเดิม ถ้าเป็นรัฐบาลพรรคเดียว นายกฯ จะปรับอย่างไรก็ได้ แต่เมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะลำบากหน่อย แต่ผมก็ยังเชื่อในความกล้าตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี จากการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่า เขากล้าตัดสินใจ" พล.ต.สนั่น กล่าว
ต่อข้อถามว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะทำให้นายกรัฐมนตรีขัดแย้งกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า หากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ทั้ง 2 คน คงปรึกษากันและเชื่อว่าคุยกันได้ ไม่ขัดแย้งกัน เมื่อถามว่า จะกลับไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า "จะไปทำไมอีก อายุจนป่านนี้แล้ว ก็ช่วยกันไป ดูแลกันไป น้อง ๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ ยังรักใคร่กันเหมือนเดิม"
เชื่อรัฐใช้กม.จัดการความขัดแย้งในบ้านเมืองได้
พล.ต.สนั่นระบุไม่เคยได้ยินกระแสข่าวที่ว่า จะมีการใช้ยาแรงในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง และมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รอไว้แล้ว และยังเชื่อว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเปลี่ยนรัฐธรรมนูญโดยร่างไว้ล่วงหน้า เพราะการเปลี่ยนแปลงอะไรด้วยวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ หรือ มีการปฏิวัติ จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้ หากใครคิดจะทำ ก็ขอร้องว่าอย่าทำ
"ผมว่ามีทางเดียวที่จะปฏิวัติได้ ต้องถึงขั้นนองเลือด 2 ฝ่าย ปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ถึงจะปฏิวัติได้ แต่วันนี้ผมว่าไม่มีบรรยากาศแบบนั้น แม้จะมีความเคลื่อนไหวของบางกลุ่ม แต่กฎหมายมี ใครจะทำอะไรป่าเถื่อนไม่ได้ ดังนั้น ต้องใช้กฎหมายให้เคร่งครัดทั้ง 2 ฝ่าย" พล.ต.สนั่น กล่าว
ส่วนที่คนเสื้อแดงมองว่า การดำเนินคดีกับคนเสื้อเหลืองยังไม่คืบหน้า เหมือนกรณีคนเสื้อแดง พล.ต.สนั่น ย้อนถามว่า "จะโทษรัฐบาลนี้หรือ เพราะการดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องเร่งดำเนินการส่งอัยการ คดีต้องเดินไปตามขั้นตอน รัฐบาลนี้ต้องรักษากฎหมาย จะไปดึงตรงนั้น ตรงนี้ ไม่ได้ และต้องทำให้เห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ คนก็รำคาญ"
"สุเทพ"หยุดโต้เสื้อแดงแต่เตรียมฟ้องหมิ่นประมาท
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง น้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทาน วานนี้ (5 ธ.ค.) มาปฏิบัติ ยืนยันจะต้องทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคง และกลับมาเป็นปกติ เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความสุข และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศต่างได้ฟังพระราชดำรัส ในฐานะที่เป็นผู้จงรักภักดี ต้องน้อมรับมาปฏิบัติ พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีที่คนเสื้อแดงยืนยันจะชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคมนี้
"ขอหยุดตอบโต้ แสดงความเห็นเรื่องคนเสื้อแดงสักระยะ เพราะถ้าจะทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข ก็ขอให้หยุดพูดเรื่องนี้สักพัก" นายสุเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ กล่าวว่า กำลังรวบรวมข้อมูล และให้ฝ่ายกฎหมายติดตามกรณีที่แกนนำเสื้อแดงระบุว่า นายสุเทพ เตรียมขนแรงงานต่างด้าวมาร่วมชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคม เพื่อสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายคนเสื้อแดง หากพบว่าคนเสื้อแดงพูดเรื่องดังกล่าวจริง ก็จะฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท
"ศุภชัย"ระบุฝ่ายการเมืองควรน้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติ
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติมาปฏิบัติ และยึดถือแนวทางนี้มาโดยตลอด และเห็นว่าประชาชนทุกภาคส่วน ควรน้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ควรนำมาปฏิบัติให้มากที่สุด เพราะปัจจุบันความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม เป็นความขัดแย้งที่มาจากความเห็นต่างทางการเมือง ดังนั้น หากฝ่ายการเมืองนำพระราชดำรัสมาเป็นเครื่องเตือนใจว่า การที่จะทำอะไร ควรที่จะต้องระมัดระวัง เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อไม่ให้บ้านเมืองมีความตึงเครียด
"หลังจากนี้ พรรคจะปรับนโยบายเกี่ยวกับการทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น ให้หันหน้าเข้าหากัน สร้างความสามัคคี ขอยืนยันว่า สิ่งที่พรรคดำเนินการมาทุกอย่าง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถูกต้องแล้ว และจะทุ่มเทให้มากขึ้น และการที่นายกรัฐมนตรีจะตีพิมพ์พระราชดำรัส พรรคก็จะนำเรื่องเหล่านี้ไปต่อยอดด้วย" นายศุภชัย กล่าว
กมม.ติงเสธ.หนั่นยกเก้าอี้ให้ลูกชายไม่สง่างาม
นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ( ก.ม.ม. ) กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี ประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ สส.พรรคชาติไทยพัฒนา เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า พรรคการเมืองใหม่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นมรดกทางพินัยกรรม ทางที่ดีพล.ต.สนั่น ควรอยู่ในตำแหน่งต่อไป รอให้การเลือกตั้งสมัยหน้าแล้วค่อยให้นายศิริวัฒน์ ทำหน้าที่แทนจึงจะสง่างามกว่า
กมม.จี้นายกฯปรับ ครม.โละ รมต.คุณภาพต่ำ
นายสำราญ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่า พรรคการเมืองใหม่ออกมาเสนอการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ได้มีวาระซ่อนเร้น หรือพยายามเล่นเกมทางการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีต้องแสดงภาวะการเป็นผู้นำด้วยการปรับครม.ให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน เน้นประสิทธิภาพมากกว่าความลงตัวทางการเมืองในโควตาของแต่ละพรรค นอกจากนี้ควรปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงานของรัฐมนตรีบางกระทรวง โดยเฉพาะในกลุ่มงานที่รับผิดชอบดูแลงานความมั่นคง และสื่อของรัฐที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ
ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่า รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างอำนาจใหม่ โดยการจัดดุลอำนาจให้รัฐบาลเอื้อต่อปัญหาของประเทศไม่ใช่เป็นการรักษาดุลอำนาจต่อรองผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้มิเช่นนั้นประชาชนจะเสียประโยชน์จากการทำงานของรัฐบาล
" รัฐบาลไม่ได้มุ่งทำงานเพื่อเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ที่ผ่านมาเห็นได้จากปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถแต่งตั้งผบ.ตร.ได้ หรือแม้แต่การแต่งตั้งข้าราชการประจำไม่ อาทิ ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ไม่ได้เอาการแก้ไขปัญหาของประเทศเป็นโจทย์ แต่คำนึงถึงเฉพาะความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล " นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า ความไม่ลงตัวของ ครม.ด้านเศรษฐกิจที่มีสภาพชิงดีชิงเด่น ต่างคนต่างทำขาดเสถียรภาพ ในระยะสั้น -ระยะยาว ดังนั้นกลุ่มงานที่รัฐบาลควรจะทบทวนและปรับปรุงอย่างเร่งด่วนนั้น พรรคการเมืองใหม่ ประเมินแล้วว่า 1.กลุ่มงานด้านความมั่นคง ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้รับผิดชอบ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการเน้นงานความมั่นคง แต่ความเป็นเอกภาพในบรรดาเหล่าทัพไม่สามารถบูรณาการ หน่วยงานความมั่นคงอื่นได้ 2.กลุ่มงานด้านเศรษฐกิจ ไม่มีการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจาก ครม.ในส่วนนี้ถูกแบ่งไปในโควตาในพรรคร่วม ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ควรเอากระทรวงที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม มาอยู่ในการรับผิดชอบ แต่กลับมอบให้ทางพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อแผ่นดินไปดูแลแทนทำให้ขาดเอกภาพในการทำงานเช่นกัน
นายสุริยะใส กล่าวว่า 3.กลุ่มงานด้านมหาดไทย ที่เสมือนเป็นไส้ติ่งของรัฐบาลชุดนี้ เรามองการทำงานกลุ่มนี้ยังขาดยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหา เนื่องจากนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีพฤติกรรมสร้างสภาวะรัฐซ้อนรัฐในการทำงาน โดยมีการทำงานที่ทำตัวเหมือนไม่ขึ้นต่อนโยบายของพรรคร่วมหรือรัฐบาล โดยเอาความสำเร็จของพรรคภูมิใจไทยเป็นตัวตั้งมากเกินไป และ 4.กลุ่มงานด้านสื่อสารมวลชน ที่ยังขาดงานสื่อสารเชิงรุก คอยแต่ตั้งรับ ตอบโจทย์มากกว่า กำหนดวาระข่าวสารของรัฐบาล
" สถานการณ์ความขัดแย้งของบ้านเมืองในขณะนี้ สื่อของรัฐต้องเป็นเจ้าภาพในการกำหนดวาระของประเทศแทนสื่ออื่นๆ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ คงต้องปรับวิธีการทำงาน ด้วยการสร้างยุทธศาสตร์การทำงานให้มากกว่านี้ หากไม่ปรับ ควรหาคนอื่นมาแทน " เลขาธิการ ก.ม.ม. กล่าวและว่า พรรคการเมืองใหม่ขอเสนอให้รัฐบาลได้เพิ่มกระบวนการทำงานของครม.ในอีก 3 กลุ่มงาน เช่นเดียวกับการมีครม.ด้านเศรษฐกิจ โดยขอให้เพิ่มคณะรัฐมนตรีด้านสังคม ด้านความยากจน และด้านสมานฉันท์ อย่างไรก็ตามในวัน อาทิตย์ที่ 27 ธ.ค.นี้ ทางพรรคการเมืองใหม่จะเปิดแถลงข่าวประเมินการทำงานของรัฐบาลรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ซี่งในการประเมินจะมีการเชิญนักวิชาการเข้าร่วมวิพากษฺวิจารณ์ด้วย
"ชวน"แจงข่าวนั่งนายกฯเป็นแค่ข่าวยืนยันอภิสิทธิ์เหมาะสม
ที่บริเวณศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.ตรัง ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับ ข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ.ตรัง นักเรียนและครูโรงเรียนตะเคียนหลบฟ้า กว่า 300 คน ร่วมกันปลูกต้นไม้ ถวายพ่อ-ถวายแม่ เฉลิมพระเกียรติ ในกิจกรรม "ตรังจงรักภักดี ทำความดีถวายพ่อหลวง ซึ่งทาง จ.ตรัง ได้กำหนดให้ตลอดทั้งเดือน ธ.ค.2552 จัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี และถวายเป็นราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม 2552 ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา สร้างจิตสำนึกด้วยการปลุกต้นไม้ถวายในหลวง
ทั้งนี้ภายหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมการปลูกต้นไม้ นายชวน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทหาร ยศ พันตรี ได้นำทหารเกณฑ์เข้าไปบุกรุกป่าเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตนและชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูให้เป็นป่าต้นน้ำ เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต่อมาได้มีนายทหารของกองทัพภาค 4 พยามวิ่งเต้นเพื่อล้มคดี โดยให้ผู้นำท้องถิ่นเป็นพยาน อ้างว่าเป็นพื้นที่ป่ามีเอกสารสิทธิ์ สร้างความไม่พอใจแก่นายชวนเป็นอย่างมาก หลังจากทราบเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมตรวจสอบการทำคดีอย่างเต็มที่
นายชวน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงรับสั่งให้ช่วยกันรักษาป่า เพื่อเป็นสมบัติของชาติ ซึ่งปัญหาการบุกรุกทำลายป่าก็ได้เกิดขึ้นทั่วประเทศ แต่ในกรณีของการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่ อ.สิเกา จ.ตรัง ที่มีนายทหารยศพันตรี นำพลทหารบุกรุกป่า เรื่องนี้ตนได้ย้ำให้ ผวจ.ตรัง และอุทยานแห่งชาติ ว่าทุกหน่วยงานจะต้องป้องกันการบุกรุกทำลายป่าให้ได้ จากนั้นก็จะร่วมกับจังหวัดใกล้เคียง ในการป้องปกรักษาผืนป่าทั้ง 3-4 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตรัง ได้ฝาก ผวจ.ตรัง ดูแลเป็นพิเศษ
ส่วนกรณีที่มี พันตรีวัชรินทร์ รอดพัน นายทหารสังกัด กองทัพภาคที่ 4 ได้นำทหารบุกรุกพื้นที่ป่าเฉลิมพระเกียรติ และมีกระแสว่าได้มีการวิ่งเต้นเพื่อล้มคดีดังกล่าว นายชวน ได้กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้กำชับให้ ผวจ.ตรัง และ ผบก.ภ.จว.ตรัง ติดตามความคืบหน้าคดีอยู่ โดยได้มีการรายงานให้ตนทราบทุก 15 วัน ตนเชื่อว่าจะไม่เป็นคดีล้มอย่างแน่นอน แม้ทราบว่าได้มีการให้ผู้นำท้องถิ่นบางคน เป็นพยานอ้างว่าอยู่ในเขตที่ดินเอกสารสิทธิ์ก็ตาม
นอกจากนั้นนายชวน ยังได้กล่าวว่า การที่มีหลายฝ่ายเสนอให้ตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความสมานฉันท์การเมืองไทย โดยเฉพาะช่วงวิกฤติความแตกแยกของคนในชาติ นายชวน ได้กล่าวว่าเรื่องนี้คิดได้ แต่ทางปฏิบัตินั้นทำไม่ได้ โดยเฉพาะขบวนการในพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักปฏิบัติอยู่ คือ หัวหน้าพรรคจึงจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แม้ว่าจะไม่ผิดกฎหมาย แต่หลักการปฏิบัติควรจะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นตนเห็นว่าข่าวก็คือข่าว แต่การที่มีการผลักดันให้ตนขึ้นนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ เชื่อว่าเป็นแค่ข่าวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นายชวน ยังได้กล่าวว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ ก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ตนและสมาชิกพรรคทุกคนก็ช่วยกันเต็มที่ แต่ที่ว่าทำไมตนไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากเป็นความต้องการของคนในชาติ นายชวนได้ตอบว่า หัวหน้าพรรคจึงจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยเฉพาะโดยหลักธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยึดถือว่าใครที่เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อมีเสียงส่วนใหญ่สนับสนุน คนที่เป็นหัวหน้าพรรค ก็ควรที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ตนก็ได้ยินมาบ่อยครั้ง แต่เป็นข่าวที่ไม่มีมูล ที่สำคัญตนเห็นว่า ณ วันนี้ยังไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเท่ากับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วนด้านการเมืองในปีใหม่จะร้อนแรงหรือไม่ นายชวน ได้กล่าวว่าตลกว่า ก็ยังไม่ถึงปีใหม่ เลยไม่ทราบว่าการการเมืองจะร้อนแรงขนาดไหน