ลูกรับศพพ่อที่โรงพยาบาล พบบัตร ATM หาย เงินถูกถอนทั้งที่นอนป่วยอยู่ไอซียู
พ่อป่วยรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู 14 วัน ก่อนเสียชีวิต ลูกมารับศพพร้อมทรัพย์สิน คาใจบัตรเอทีเอ็ม-แบงก์เก่าที่สะสมไว้หายไป และมีการถอนเงินออกจากบัญชี
นางวิไลวรรณ อายุ 35 ปี พร้อมด้วย นางสาวจ๋า อายุ 40 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ยุทธพล บุญเกิด พนักงานสอบสวนร้อยเวรประจำวัน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังพ่อได้ไปรักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี แล้ว บัตรเอทีเอ็มในกระเป๋าสตางค์หายไป พร้อมทั้งมีการถอนเงินออกจากบัญชีไปเป็นจำนวนเงิน 4,500 บาท ทั้งๆ ที่พ่อ นอนรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ รวมทั้งธนบัตรเก่าสะสมของพ่อก็หายไปด้วย
จากการสอบถามบุตรสาว ได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา ผู้เป็นบิดาได้เข้ามารักษาตัวที่ รพ. แห่งนี้ ด้วยอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว พ่อยังมีสติดีทุกอย่าง โดยพ่อจะมีกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ 1 เครื่องที่ติดตัวไว้ ในกระเป๋าสตางค์ก็จะมีเอกสาร เงินสดจำนวนหนึ่ง และธนบัตรเก่าสะสมอยู่จำนวนหลายใบ รวมถึงบัตรเอทีเอ็ม ที่พ่อจะจดรหัสบัตรเอทีเอ็มใส่กระดาษไว้ในซองด้วย เวลาจะใช้กดเงินจะได้จำเลขได้ไม่ต้องคอยถามลูกๆ หลังจากเข้าทำการรักษาตัวได้ 3 วัน พ่อมีอาการทรุดลงหนัก ทางรพ.ได้แจ้งมายังญาติ จะต้องนำพ่อเข้าห้องไอซียูเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ซึ่งทาง รพ.งดญาติเยี่ยมทุกกรณี หากทางญาติจะสอบถามอาการ หรืออยากเห็นพ่อ ก็จะให้โทรวิดีโอคอล ผ่านโทรศัพท์ของพ่อ ซึ่งทางพยาบาลเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของพ่อไว้ทั้งกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์
ต่อมาในช่วงเที่ยงของวันที่ 8ก.พ. ทาง รพ.ได้แจ้งกับทางญาติว่า พ่อได้เสียชีวิตแล้ว ติดต่อให้ทางญาติผู้เป็นลูกมารับทรัพย์สินของผู้ตายกลับ พร้อมทำเรื่องนำศพของพ่อไปบำเพ็ญกุศลต่อไป ซึ่งหลังจากที่ตนเองไปรับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของพ่อกลับมาก็พบว่า บัตรเอทืเอ็มของพ่อหายไปพร้อมกับธนบัตรเก่าหลายใบและเงินสดจำนวนหนึ่ง อีกทั้งในโทรศัพท์ได้มีเอสเอ็มเอสแจ้งเตือน การถูกถอนเงินไปจำนวน 4,500 บาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เวลา 18.15 น. ซึ่งเป็นวันที่พ่อนอนไม่มีสติอยู่ในห้องไอซียู และก็ห้ามญาติเยี่ยม อีกทั้งมีการลบแอปธนาคารออกจากเครื่องอีกด้วย
ในเบื้องต้นทางผู้เป็นลูกได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพี่อขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากแจ้งความแล้ว ได้เดินทางไปยัง รพ. ที่พ่อเข้ารักษาตัว โดยขึ้นไปที่ชั้น 5 เพื่อสอบถามพยาบาลกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่พยาบาลที่เข้าเวรอยู่ ได้อธิบายกับผู้เสียหายว่า ไม่ทราบจริงๆ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งพ่อตอนที่เข้ามาทำการรักษาตัวที่ รพ. ก็มีการย้ายมาจากตึกหน้า ก่อนที่จะมารักษาตัวอยู่ที่ชั้น 5 ของตึกนี้ และพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็มีการสลับเปลี่ยนเวรกันตลอด พร้อมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ ทางพยาบาลที่ประจำตึก ก็อยากรู้ว่าเป็นฝีมือใคร
ในส่วนของแนนผู้เป็นลูกสาว ได้ชี้แจงกับทางพยาบาลโดยมั่นใจว่า ไม่มีญาติคนไหนที่จะมากระทำการเช่นนี้ได้ เนื่องจากตั้งแต่คุณพ่อเข้ามารักษาตัวอยู่ใน รพ.นี้ 14 วัน ทาง รพ. ไม่อนุญาตให้ลูกหรือญาติเข้าเยี่ยมได้เลย กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของพ่อ ทางพยาบาลก็เป็นผู้ดูแลเก็บรักษาไว้ให้ แล้วมาเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร หากเป็นการกระทำของพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่คนใดคนนึงใน รพ.ดังกล่าวจริง ก็เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียมากๆ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนไข้รายอื่นได้อีก
ในส่วนของทางร้อยเวรเจ้าของคดี ก็ได้รับแจ้งความไว้เบื้องต้น พร้อมทั้งจะได้ทำเอกสารถึงธนาคารต้นสังกัด ขอดูกล้องวงจรปิด จากวันและเวลาดังกล่าวที่มีการถอนเงินออกไปจากบัญชีผู้ตาย เพื่อจะได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป