"หญิง รฐา" เคลียร์ชัดๆ ช่วงนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้น ทำหลายคนลุ้น มีข่าวดีแล้วหรือเปล่า?
เพราะช่วงนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าแต่ก่อน เลยทำให้หลายคนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า นักร้องนักแสดงสาวชื่อดัง หญิง-รฐา โพธิ์งาม กำลังอุ้มท้องเบบี๋ตัวน้อยอยู่หรือเปล่า?
ซึ่งล่าสุดขณะที่เจ้าตัวเดินทางมาร่วมงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ บรรดาสื่อก็เลยต้องขอจ่อไมค์ถามไขข้อข้องใจในประเด็นดังกล่าวกันสักหน่อย รวมถึงแพลนความคืบหน้าเกี่ยวกับงานมงคลสมรสที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะไม่เพียงแต่ หญิง รฐา จะได้ออกมาเคลียร์ชัดเจนทุกข้อสงสัยเท่านั้น แต่เจ้าตัวยังได้พูดถึงสุขภาพร่างกายของตัวเอง หลังหายจากอาการป่วยเพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แฟนๆ ได้คลายความเป็นห่วงกันอีกด้วย
ช่วงนี้เราดูมีน้ำมีนวลขึ้น ถามเลยละกัน มีน้องแล้วหรือเปล่า ?
“ยังไม่มีค่ะ ยังไม่มี ณ ตอนนี้ที่ตรวจนะคะ ยังไม่มี (หัวเราะ) ยังไม่มีจริงๆ คือหญิงยังมีงานละครที่ต้องถ่าย ดังนั้นยังไม่มีค่ะ”
เราสองคนมีแพลนเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือยัง ?
“ตอนนี้เอาแพลนแต่งก่อน แต่งงานให้ได้ก่อน เนี่ยหลายคนนึกว่าแต่งไปแล้ว แต่จริงๆ ยังไม่ได้รดน้ำสังข์ ยังไม่ได้รับคำอวยพรจากผู้ใหญ่ใดๆ เลย รอเดี๋ยวนะคะ ประมาณพฤษภาคมค่ะ ไว้จะเชิญทุกคนอีกทีหนึ่ง”
แสดงว่าวางกำหนดการไว้หมดแล้ว ?
“ใช่ค่ะ จริงๆ มันยากมากเลยนะช่วงนี้ เพราะแอลกอฮอล์ก็ยังดื่มไม่ได้ และเราก็อาจจะต้องพลิกแพลนมาเป็นแบบจัดเช้ากลางวันไหม เนื่องจากเพื่อนๆ เรา (หัวเราะ) เพื่อนเราๆ ไม่ใช่สายจิบชา แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”
รูปแบบของธีมดิสนีย์ต้องเปลี่ยนไหม ?
“ยังเป็นแบบเดิมอยู่ค่ะ แต่คงไม่ได้ยกปราสาทอะไรมาเต็มที่ขนาดนั้น แค่เอากิมมิค เอาเสียง เอาดนตรี เอามูดแอนด์โทนของสี และก็แรงบันดาลใจเรื่องชุด อะไรประมาณนั้น”
ต้องจำกัดจำนวนแขกที่มาร่วมงานด้วยหรือเปล่า ?
“จำกัดค่ะ เพราะจริงๆ ทางโรงแรมเขาก็ให้ถึงประมาณ 400-500 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหญิงก็ต้องขอดูอีกทีหนึ่ง เพราะหญิงเองก็กังวลเรื่องความปลอดภัย และก็ต้องมีการตรวจ ATK หน้างานด้วยเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ นะคะ ในฐานะที่หญิงเคยติดมาแล้ว แค่ ATK มันไม่พอ”
เตรียมการแสดงไว้หรือยัง 2002 ราตรี ?
“ตอนนี้คิดว่าเจนนี่เขากำลังดูแพลนอยู่ค่ะว่าจะมาให้ทัน และคนที่เหลือเขาอยู่กันอยู่แล้ว ยังไงก็มาอยู่แล้ว”
ตอนนี้ลุ้น เจนนี่ แค่คนเดียว ?
“ใช่ค่ะ แต่เขาบู๊ทไปแบบสุดปังแล้วเนอะ เขาอยู่ที่นู่น เขามาได้แหละ”
เพิ่งจะหายจาก โควิด-19 ตอนนั้นอาการของเราเป็นยังไงบ้าง ?
“ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่นะคะ จริงๆ หญิงต้องบอกก่อนว่าในฐานะคนที่เคยติดโควิดมาล่าสุด หญิงเองก็อยู่ Hospital ประมาณ 5 วัน และก็กลับมากักตัวต่อที่บ้านอีก 5 วัน คือหญิงเจอกับผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 11 มกราคม เป็นการเจอกันในกองถ่ายละคร และหลังจากนั้นประมาณวันที่ 13-14 หญิงก็ค่อยๆ มีอาการ อย่างเช่น เริ่มคันคอ เริ่มไอ จากนั้นก็มีอาการของไข้ต่ำๆ และก็คิดว่าตัวเองน่าจะมงลงแล้วแหละ ก็เลยไปตรวจ และได้ผลออกมาว่าใช่”
เราบอกว่าติดจากกองละคร คือเราไปทำงานตามปกติ ?
“ถ่ายละคร ใช่ค่ะ จริงๆ หญิงค่อนข้างดูแลตัวเองหนักมากเลยนะ เพราะว่าตั้งแต่มีโควิดมา 2 ปี หญิงก็ไม่เคยมงลงมาก่อน แต่สำหรับรอบนี้มันติดง่ายมาก เพราะนักแสดงคนแรกที่ติดกับหญิงเนี่ย คือเราสองคนแทบจะไม่มีซีนที่ต้องคุยกันเลย แต่ด้วยความที่เรามีโมเมนต์นั่งพักในห้องเดียวกัน ใช้แอร์ตัวเดียวกัน ฉะนั้นเลยนะคะ หน้ากากอนามัยสำคัญมาก”
ช่วงที่อยู่ Hospital เราดูแลตัวเองยังไงบ้าง ?
“ด้วยความที่หญิงจะต้องกินยาทุก 12 ชั่วโมง ดังนั้นหญิงจึงต้องตั้งนาฬิกาไว้ค่ะว่าหญิงต้องกินตอน 7 โมงเช้า กับตอน 1 ทุ่ม โดยทุกวันหญิงจะตื่นมานั่งทอดอารมณ์สักนิดหนึ่ง และก็ออกกำลังกาย คือบอดี้เวทไปเลย (หัวเราะ) แต่วันแรกๆ จะรู้สึกทานอะไรไม่ค่อยลงนะคะ ทานแล้วไม่รู้สึกว่าอร่อย”
ร่างกายมันเหนื่อยล้ากว่าเดิมไหม ?
“ความรู้สึกตอนนั้นนะคะ แค่รู้สึกว่ามันเหนื่อย มันหอบ และก็หายใจแรงขึ้นเร็ว แต่ว่าพอร่างกายเริ่มชินมันก็ค่อยๆ รู้สึกโอเคค่ะ อีกอย่างสำหรับการไป Hospital ข้อดีของมันคือ เราจะมีพยาบาลคอยตรวจเลือดเราแบบวันเว้นวัน และเราก็จะได้ตรวจปอดด้วย เนื่องจากเขาจะมีรถเอ็กซ์เรย์ให้เราได้ลงไปตรวจกันเป็นช่วงเวลา ซึ่งคุณหมอก็จะมาคุยกับเราทุกวัน หญิงคุยกับหมอเยอะมาก และก็ได้ความรู้อะไรหลายๆ อย่างในช่วงเวลา 5 วันนั้นเยอะเลย”
เครียดบ้างไหมในตอนที่รู้ว่าตัวเองติดโควิด ?
“วันแรกเครียดค่ะ วันแรกร้องไห้ (ยิ้ม) คือเราไม่เคยเป็น และด้วยตอนที่ไปถึง Hospital มันไม่มีใครอยู่กับเราเลย เขาจะมีแค่เอกสารให้เราเขียน กับแจ้งว่าอาหารเช้าของเรามีอะไรบ้าง นอกเหนือจากนั้นเราต้องทำทุกอย่างเองหมด คือมันเป็นอะไรที่หดหู่นะ จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 2 วันที่ 3 หญิงก็เริ่มเห็นแล้วว่า อ๋อ ห้องอื่นๆ ก็มีคนเหมือนกัน เราก็ไม่ได้อยู่คนเดียว”
เรื่องการทานยา มีผลกระทบอะไรกับร่างกายเราบ้างไหม ?
“เอ่อ…อันนี้เป็นของหญิงเองนะคะ ไม่ได้เกี่ยวกับเอฟเฟคจากยาหรืออะไร ก็คือคืนแรกหญิงนอนไม่ค่อยหลับ เพราะหญิงไม่เคยต้องกินยา 9 เม็ด ซึ่งมันเยอะมาก และหญิงก็รู้สึกว่าถ้าหญิงเป็นอะไรไปตอนกลางคืนมันจะเป็นยังไง ใครจะมาช่วยเราไหม แต่หลังจากนั้นพอทานไปได้สักประมาณ 3 วัน อาการต่างๆ มันก็เริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการไอน้อยลง อาการปวดกล้ามเนื้อดีขึ้น และก็สบายตัวมากขึ้นค่ะ”
เรากลัวไหมว่าหลังจากนี้จะมีเอฟเฟคอื่นๆ ตามมา อย่างที่บางคนก็มีอาการผมร่วง ?
“ผมหญิงยังไม่ร่วงค่ะ ตอนแรกเพื่อนก็บอกเหมือนกันว่ามีนะเคสแบบนั้นแบบนี้ แต่ของหญิงเป็นยาฟาวิญี่ปุ่น คือหญิงเห็นโลโก้แบบญี่ปุ่นๆ อยู่ แต่ก็มีเรื่องของอาการไอค่ะ เพราะว่าเจ้าตัวไวรัสโควิดมันจะเข้าไปทำลายหลอดลม ดังนั้นเวลาที่หญิงพูด หญิงก็จะรู้สึกได้ว่ามันไม่เต็มเสียง มันจะมีความระคายคอ ซึ่งก็ต้องค่อยๆ ให้มันแข็งแรงขึ้นเอง อีกอย่างคือโดยปกติหญิงเป็นคนที่มักจะเป็นภูมิแพ้บ่อยอยู่แล้ว แค่กินน้ำเย็นหรือกินไอศกรีมหญิงก็ไอแล้วค่ะ ดังนั้นหญิงจึงต้องเลี่ยงทุกอย่างที่ทำให้มีอาการ รวมถึงอาหารจำพวกขนมหรือครีมก็ให้หยุดทานไปเลย”
กลัวไหมว่าจะส่งผลกระทบต่อการร้องเพลง ?
“ก็กลัวมากค่ะ แต่ว่าทุกวันนี้ก็พยายามตะบี้ตะบันร้องอยู่ (หัวเราะ) พยายามอยู่บ้านร้องเพลง ซึ่งก็ทำได้ค่ะ ทำได้ปกติ”
เคสของเราไม่ได้ลงปอดใช่ไหม ?
“ไม่ได้ลงปอดค่ะ เพราะหลังออกมาจากกักตัวหญิงก็วิ่งเลย โดยตอนแรกหญิงเริ่มวิ่ง 5 กิโลเมตร ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกนะคะว่ามันเหนื่อยกว่าปกติ”
คุณตุลย์รอดจากการติดโควิดครั้งนี้ของเราใช่ไหม ?
“งงมาก (หัวเราะ) คือหญิงถ่ายละครไม่ได้ใกล้ชิดกับนักแสดง หญิงติด แต่พี่ตุลย์เขาอยู่กับหญิงในวันที่หญิงพีคที่สุด คือมีอาการ ไอ จาม เสมหะ ทุกอย่างเลย แต่ว่าเขาไม่ติด ไม่ติด ตอนแรกก็ลุ้นมากว่าอยากให้เขาติด เขาจะได้มาอยู่ด้วยกัน จะได้มีเพื่อน (หัวเราะ)”
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ