“ต่อ ธนภพ” พูดถึงแฟนได้น่ารักมาก “มีน” ยิ่งกว่าคนรัก เขาคือกำลังใจสำคัญของผม
ทำเอาบรรดาสื่อมวลชนที่ล้อมวงสัมภาษณ์กรี๊ดกร๊าดกันน่าดู สำหรับการออกมาพูดถึง มีน หวานใจนอกวงการ ของพระเอกหนุ่ม ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ในงานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ หลังเจ้าตัวถูกถามถึงแพลนวันวาเลนไทน์และวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 28 ปี ที่จะถึงในอีกไม่มีวันข้างหน้า
โดย ต่อ ธนภพ เผยว่า “วันวาเลนไทน์เหรอครับ ไม่รู้ น่าจะโปรโมตหนังอยู่เพราะมันเข้าช่วงวาเลนไทน์พอดี แต่ถ้าถามว่าวันวาเลนไทน์กับวันเกิดผมโฟกัสอันไหนมากกว่ากัน จริงๆ ช่วงหลังมานี้ผมยกให้เป็นวาเลนไทน์ดีกว่า คือผมเชื่อว่าทุกคนก็อยากจะใส่ใจกับคนที่ตัวเองรัก ผมไม่ค่อยซีเรียสกับวันเกิดเท่าไหร่ ก็คิดว่าอาจจะมีแพลนในวาเลนไทน์ แต่ด้วยสถานการณ์มันทำอะไรไม่ได้หรอกครับ”
แอบเสียความรู้สึกไหม เพราะเราเกิดในวันเทศกาล เลยอาจจะถูกลืมว่าจริงๆ แล้ววันนี้มันเป็นวันเกิดเราด้วย ?
“ที่เสียความรู้สึกเป็นตั้งแต่เด็กแล้วครับ สมัยมัธยมที่เราติดเพื่อนก็จะรู้สึกว่าวันนี้วันเกิดเรา ผมเรียนชายล้วนมา พอเย็นวันวาเลนไทน์ ทุกคนแตกฮือไปตามทางของตัวเอง เราก็โดดเดี่ยว”
แต่ตอนนี้ไม่ถูกใครลืมแล้ว มีเตรียมของอะไรไว้ไหม ?
“ไม่ทันเลยครับ พูดด้วยความสัตย์จริงไม่มีเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรเลย โฟกัสแต่ One for the Road แต่ส่วนใหญ่ก็ชอบให้นะครับ ไม่ค่อยให้ตรงวันพิเศษ จะให้วันอื่นๆ มากกว่า ก็ยังไม่รู้ว่าจะให้อะไร ไม่ค่อยเป็นคนที่เป็นความรักสายเปย์เท่าไหร่ เป็นเรื่องความรู้สึกมากกว่าครับ”
วันนี้ได้ชวนคนพิเศษมาดูหนังด้วยกันไหม ?
“มาครับ วันนี้มาครับ เพราะวันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญของผมเหมือนกัน และเขาก็เป็นกำลังใจสำคัญในการทำงานของผมด้วย”
มีของขวัญอะไรให้ตัวเองไหม ?
“จริงๆ แค่วันนี้เขามาดูก็เป็นของขวัญแล้วนะครับ เพราะวันนี้คุณพ่อคุณแม่ผมมาได้ไม่ครบ วันนี้ใครที่มาดูหนังเราได้ก็คือเป็นของขวัญวันเกิดเราไปเลย ผมตั้งใจกับหนังเรื่องนี้มาก ผมได้อะไรเยอะมากหลังจากที่ถ่ายเรื่องนี้เสร็จ ในฐานะนักแสดงมันโตขึ้นไปอีกสเต็ปคือผมสามารถรับงานที่หลากหลาย ถ้าย้อนไทม์ไลน์ ผมถ่ายเรื่องนี้เสร็จก่อนผมถึงไปเล่น Ghost Lab ถ้าเท้าความตั้งแต่แรกเลย เขาจะไม่ให้ผมแคสต์บทที่ผมเล่นนะ เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา แต่เหมือนกับว่า One for the Road มันช่วยอะไรบางอย่างที่ทำให้มันมีฟิลบางอย่างที่ออกมาจากเราในแบบที่ผู้กำกับฯ ไม่เคยเห็นมากกว่า ”
ตอนที่ภาพยนตร์ปล่อยทีเซอร์ปล่อยมา แล้วมีฉากที่ค่อนข้างวาบหวิว เขาว่ายังไงบ้าง ?
“ผมว่าสุดท้ายเราควรจะเลือกโฟกัสให้ถูกจุด ผมทำงานประเภทนี้ผมทำศิลปะ ผมไม่ได้ทำจากอารมณ์ สุดท้ายสิ่งที่ผมทำมันมีเหตุและผลแล้วมันคือความสวยงามของศิลปะ”
แสดงว่าตัวเขาเองก็เข้าใจ ?
“ไม่กล้าตอบแทนเลยครับ (หัวเราะ)”
มันมีฉากค่อนข้างวาบหวิวเยอะ เราอธิบายให้เขาฟังไหม ?
“ถึงจุดหนึ่งมันคงต้องมีการอธิบายกันแหละครับ แต่ว่าสุดท้ายแล้วผมว่าเขาเข้าใจเราอยู่แล้วในสิ่งที่เราเป็น แล้วผมเชื่อว่าผมไม่เคยทำอะไรที่มันดูไม่มีเหตุผล ผมก็ย้ำตลอด พี่ๆ GDH ช่วยกันตลอดช่วงที่โปรโมตเรื่องนี้ เพราะว่ากลัวคนจะโฟกัสผิดจุด ซึ่งขอบคุณคนดูมากเลย เขาไม่ได้ผิดจุดกันเลย เดี๋ยวเข้าไปดูหนังกันแล้วจะเข้าใจแล้วอยากชวนตรงนี้อีกทีว่าเข้ามาดูหนังเต็มกันเถอะ แล้วยิ่งถ้าดูในโรงยิ่งเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผมและทีมงาน”
อย่างฉากวาบหวิวถ้ามันเยอะกว่าทีเซอร์ที่ออกมา ต้องอธิบายกับเขาที่นั่งดูข้างๆ เลยไหม ?
“ไม่ขนาดนั้นครับ ในแง่ความรู้สึกมันเคลียร์กันชัดเจน งานคืองาน ส่วนตัวก็คือส่วนตัว”
ทุกครั้งในการทำงานต้องเล่าให้เขาฟังหมดไหมว่ามีแบบไหนบ้าง ?
“ไม่ครับ บอกแล้วว่าผมเป็นคนแยกงานกับส่วนตัว ไม่ค่อยรู้หรอกว่าผมทำอะไร แต่ส่วนใหญ่ถ้าเกิดว่าเราเอ็นจอยกับมันมากๆ จนรู้สึกว่าเราอยากแชร์จังเลย ก็จะมีแชร์ให้ฟังว่าเราทำสิ่งนี้อยู่ มันเวิร์กนะ ผมว่าเขาไม่ใช่คนงี่เง่า เป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่าผมในบางทีด้วยซ้ำ อย่างการถ่ายทำเรื่องนี้ค่อนข้างหนัก เขาก็คอยให้กำลังใจให้เรามีแรงที่จะยืนในวันต่อไปไหว เพราะจริงๆ เรื่องนี้ถ้าแชร์กับคนดู มันหนักมากจริงๆ”
อัลบั้มภาพ 16 ภาพ