ผอ.รพ.แจง คนขโมยบัตร ATM เป็น "ผู้ดูแลคนไข้" ไม่ใช่พยาบาล สั่งสอบวินัยร้ายแรงแล้ว

ผอ.รพ.แจง คนขโมยบัตร ATM เป็น "ผู้ดูแลคนไข้" ไม่ใช่พยาบาล สั่งสอบวินัยร้ายแรงแล้ว

ผอ.รพ.แจง คนขโมยบัตร ATM เป็น "ผู้ดูแลคนไข้" ไม่ใช่พยาบาล สั่งสอบวินัยร้ายแรงแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี นางวิไลวรรณ อายุ 35 ปี พร้อมด้วย นางสาวณัฐกฤตา อายุ 40 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ยุทธพล บุญเกิด พนักงานสอบสวนร้อยเวรประจำวัน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังพ่อได้ไปรักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ต่อมาในช่วงเที่ยงของวันที่ 8 ก.พ. ทาง รพ.ได้แจ้งกับทางญาติว่า พ่อได้เสียชีวิตแล้ว ติดต่อให้ทางญาติผู้เป็นลูกมารับทรัพย์สินของผู้ตายกลับ ซึ่งหลังจากที่ตนเองไปรับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของพ่อกลับมา ก็พบว่าบัตร ATM ของพ่อหายไปพร้อมกับธนบัตรเก่าหลายใบและเงินสดจำนวนหนึ่ง อีกทั้งในโทรศัพท์ได้มี SMS แจ้งเตือน การถูกถอนเงินไปจำนวน 4,500 บาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ. เวลา 18.15 น. ซึ่งเป็นวันที่พ่อนอนไม่มีสติอยู่ในห้องไอซียู และก็ห้ามญาติเยี่ยม อีกทั้งมีการลบแอปฯ ธนาคารออกจากเครื่องอีกด้วย ก่อนที่ในที่สุด ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นผู้ดูแลคนไข้ก็ยอมรับสารภาพต่อตำรวจว่า เป็นผู้ขโมยบัตร ATM ของผู้ป่วยไปกดเงินสดจริง โดยขโมยไปเมี่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.พ. และนำบัตรไปกดเงินสดในวันที่ 2 ก.พ. เวลา 18.15 น. เหตุผลที่ทำแบบนี้เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเงิน

ล่าสุดวันนี้ (11 ก.พ.) นพ.วสันต์ แก้ววี ผอ.รพ.บางละมุง กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ที่นำบัตรเอทีเอ็มของผู้ป่วยไปคือ ผู้ดูแลคนไข้ ไม่ใช่พยาบาล ซึ่งทางญาติอาจจะสับสน หรือไม่เข้าใจในเรื่องของตำแหน่งในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม หลังตรวจสอบพบเราก็นำเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวส่งตำรวจ โดยมีหัวหน้างานเป็นผู้พูดคุยกับเจ้าทุกข์และดำเนินการคืนเงินตั้งแต่วันแรก

ล่าสุดทางโรงพยาบาลได้สั่งลงโทษ พักงานเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว และเนื่องจากเป็นความผิดทางอาญา จึงตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ โดยความผิดวินัยร้ายแรงมีโทษถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก

นอกจากนี้ ได้นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นบทเรียนในการปรับระบบการดูแลทรัพย์สินของคนไข้ ซึ่งตามปกติเราจะแจ้งให้ผู้ป่วยไม่ควรพกของมีค่ามาและต้องดูแลทรัพย์สินของตัวเอง ซึ่งผู้ป่วยรายนี้มาด้วยอาการโควิด ช่วงแรกรู้สึกตัวดี และอยู่ในห้องแยกไม่มีใครเข้าไป เราอาจมองว่าไม่มีคนนอกเข้าไปก็อาจปลอดภัย แต่ไม่ได้ประเมินพวกเรากันเอง

นพ.วสันต์ยังระบุอีกว่า ยอมรับว่ากรณีนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและคนไข้ ซึ่งเราประกาศเจตนารมณ์ของโรงพยาบาลแล้วว่า ให้เจ้าหน้าที่ดูแลคนไข้ด้วยเจตนาสุจริต เป็นบทเรียนที่ต้องเพิ่มกระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินให้ถูกต้อง คืนญาติให้เร็วที่สุด และมีการดูแลที่ดี ซึ่งปกติจะให้เจ้าหน้าที่ดูแลทรัพย์สินมากกว่า 1 คน และช่วยกันเช็กลิสต์ โดยมีหัวหน้ารับทราบ

ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 6 กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชายไทยอายุ 62 ปี ป่วยโรคไตเรื้อรัง เข้ารับการรักษาที่ รพ.บางละมุง เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 ช่วงแรกรู้สึกตัวดี มีอาการเหนื่อยเล็กน้อย ต่อมาวันที่ 28 ม.ค. 2565 มีอาการเหนื่อยมากขึ้น จึงย้ายมาที่หอแยกโรค (Isolated ward) ได้รับการฟอกไต 4 ครั้ง แต่อาการทรุดลงและเสียชีวิตในวันที่ 8 ก.พ. 2565 เวลา 11.50 น. รพ.ได้แจ้งให้ญาติมารับศพและทรัพย์สินที่ติดตัวระหว่างป่วยคืน

ซึ่งในเวลาต่อมา บุตรสาวของผู้เสียชีวิตได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า บัตร ATM และเงินสดในกระเป๋าหายไป โดยมี SMS ของธนาคารแจ้งมาที่โทรศัพท์ผู้เสียชีวิตว่ามีการกดเงินสดโดยใช้บัตร ATM เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2565 เป็นเงิน 4,500 บาท ทั้งนี้ รพ.ได้รับเรื่องและสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ส่วนญาติได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อเดินเรื่องตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางธนาคาร

นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่องได้กำชับให้ ผอ.รพ.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง จากบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และตรวจสอบกล้องวงจรปิดของ รพ. ล่าสุดได้รับรายงานว่า พบผู้กระทำความผิดแล้ว เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) ของ รพ. ตำแหน่งผู้ช่วยเหลือคนไข้ ได้รับสารภาพว่า เป็นคนนำบัตร ATM ของผู้ป่วยซึ่งขณะนั้นไม่รู้สึกตัวไปกดเงินสดเป็นจำนวน 4,500 บาทจริง รพ.บางละมุงจึงดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด

ส่วนในทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ได้นำกรณีที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียน ชี้แจงและกำชับบุคลากรทุกหน่วย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาภาพลักษณ์ที่ดีของวิชาชีพและขององค์กร และปรับปรุงระบบดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้ป่วยและญาติให้รัดกุมมากขึ้น

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ ผอ.รพ.แจง คนขโมยบัตร ATM เป็น "ผู้ดูแลคนไข้" ไม่ใช่พยาบาล สั่งสอบวินัยร้ายแรงแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook