“จอห์น วิญญู – แก้ว กรวีร์” ในวันที่แสนดีของความรักครั้งใหม่
Highlight
- จอห์น วิญญู และแก้ว กรวีร์ รู้จักกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย ก่อนจะพูดคุยกันในฐานะเพื่อนและพัฒนาเป็นแฟนกัน หลังจากที่เปิดใจถึงปัญหาและข้อกังวลจากประสบการณ์ความรักครั้งก่อนหน้า
- ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นรูปแบบพาร์ทเนอร์ ขณะเดียวกันแก้วก็สานสัมพันธ์กับลูกๆ ของจอห์น จนกระทั่งกลายเป็นเพื่อนของเด็กๆ ไปด้วย
- สำหรับจอห์น สิ่งสำคัญในการอยู่ร่วมกันในฐานะคนรัก คือการมองเห็นคนอื่นๆ เป็นคนเท่ากัน
- ความจริงใจของแก้วทำให้จอห์นรู้สึกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นไปอย่างสบายๆ ทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของทั้งคู่
เมื่อพูดถึงชื่อ “จอห์น – วิญญู วงศ์สุรวัฒน์” ไม่ว่าใครก็ต้องจดจำเขาในภาพพิธีกรชื่อดังตั้งแต่ยุค 90s จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ที่เขาได้ครองตำแหน่ง “พิธีกรปากแจ๋ว” ผู้กล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทุกขั้วอย่างเผ็ดร้อนในรายการออนไลน์อย่าง “เจาะข่าวตื้น” และ “Daily Topics” ทั้งยังเป็นหนึ่งในคนดังที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว จนกลายเป็นไอคอนด้านประชาธิปไตยอีกคนหนึ่งของสังคมไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องราวของจอห์นกลายเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง ทว่าไม่ใช่ในประเด็นการแสดงออกทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของหัวใจ ที่เขากำลังปลูกต้นรักครั้งใหม่กับนักแสดงสาว “แก้ว – กรวีร์ พิมสุข” พร้อมปล่อยภาพไลฟ์สไตล์ที่ทั้งหวานและสดใสในโซเชียลมีเดียรัวๆ ดังนั้น Sanook จึงไม่รอช้า ชวนทั้งคู่มาเปิดใจถึงความรักอย่างละเอียดเป็นครั้งแรก ต้อนรับวันวาเลนไทน์แบบหวานๆ สดใสๆ กันไปเลย
เริ่มต้นจากสถานะ “แฟนคลับ”
“จอห์นนี่แหละไปตามเขาในอินสตาแกรม เราติดตามเขามาตั้งนานแล้ว รู้ว่าคนนี้คือแก้ว กรวีร์ นะ รู้ว่าน้องเขาก็มีงานโฆษณา แต่เหมือนเขาจะไปเด่นในเรื่องงานแสดงในมาเลเซีย บอลลีวูด เมียนมา แล้วก็มีงานในต่างประเทศเยอะ จนพอถึงช่วงที่เราห่างจากความสัมพันธ์เก่าไป ก็เริ่มเข้าไปทักทายเขามากขึ้น” จอห์นเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเขาและแก้ว ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นพี่น้องในวงการบันเทิง ได้พูดคุยกันมากขึ้น ทว่าด้วยสถานการณ์โรคระบาด ทำให้การพูดคุยกันยาวๆ ครั้งแรกเกิดขึ้นผ่านวิดีโอคอล
แม้จะรู้สึกประทับใจฝ่ายหญิงอย่างมาก แต่ขณะนั้นจอห์นยอมรับว่ายังคงมีความกังวลจากประสบการณ์ความรักครั้งเก่า และทำให้เขาตัดสินใจรักษาระยะห่างของความสัมพันธ์เอาไว้ก่อน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ ก็จะเป็นแบบว่า ถ้าเราคุยกับคนนี้ เรารู้ตัวว่าเราจีบคนนี้ มันจะเหมือนมีธงตั้งไว้ว่าเราจะจีบ แต่กับเขา มันเหมือนเรารู้ตัวว่าสถานะเราตอนนี้มันเป็นอย่างไร เราเลยตั้งธงอย่างนั้นไม่ได้ เราก็รู้สึกว่าเราจะไม่มีวันให้มันเกิดเรื่องซ้ำสอง หรือเหตุการณ์ที่เราเคยผิดหวังหรือทำให้คนอื่นเสียใจอีก เราไม่อยากให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เพราะฉะนั้นก็ต้องเว้นระยะห่างตัวเองไว้นิดหนึ่ง แต่พอทำอย่างนั้นปุ๊บ เราก็รู้สึกว่า เฮ้ย! มันดีจังว่ะ มันเริ่มจากการเป็นเพื่อน เริ่มจากการไม่คิดอะไรกันก่อน มันก็เลยทำให้ได้รู้จักตัวตนเขามากขึ้น แล้วก็ทำให้เรารู้สึกสบายใจกับการเป็นตัวของตัวเองจริงๆ” จอห์นกล่าว
“ตอนแรกเราก็ยอมรับว่าเรื่องของครอบครัวเขา กลัวจะมีการเข้าใจผิดหรืออะไรต่างๆ แก้วก็รู้ว่าตรงนั้นเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็คือเรารู้จักกันตามปกติ ไม่ได้เข้าไปเป็นมือที่สาม ก็ใช้เวลา พอทุกอย่างมันเริ่มลงตัว เริ่มพัฒนาขึ้น มันก็เป็นไปตามนั้น” แก้วเสริม
จังหวะที่ใช่
จอห์นเล่าว่า ประสบการณ์ความรักในอดีตทำให้เขาเรียนรู้ว่าเขาควรมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออีกฝ่ายจริงๆ ก่อนที่จะเดินหน้าบอกความในใจ ซึ่งก็ทำให้เขาใช้เวลานานมาก กว่าจะแสดงตัวอย่างจริงจังว่ากำลังจีบแก้วอยู่ ซึ่งแก้วเล่าความรู้สึก ณ ขณะนั้นว่า
“ตอนนั้นที่มาแสดงตัว แก้วคิดในใจว่าแสดงทำไม จะบอกทำไม นี่ก็นึกว่าเราอะไรกันตั้งนานแล้วนะเนี่ย แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นการสร้างความชัดเจน แก้วว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีในวันที่เขามาสร้างความชัดเจน เราก็ อุ๊ย! ตายแล้ว เราก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันนะเนี่ย เราก็ไปไกลแล้วเหมือนกันนะเนี่ย”
แก้วเปิดเผยว่า ในวันที่จอห์นตัดสินใจสานสัมพันธ์ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอกลับมาหาจุดยืนใหม่ให้ตัวเอง พร้อมเปลี่ยนมุมมองเรื่องความรัก อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เธอมีเวลาอยู่กับตัวเองและทบทวนเรื่องราวต่างๆ และพร้อมที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับจอห์น ที่ได้เรียนรู้จากชีวิตครอบครัวในอดีต
“หลังจากที่ผ่านชีวิตครอบครัวมา เราจริงใจกับตัวเองมากขึ้น รู้สึกอย่างไรก็ควรจะพูดไปอย่างนั้น ไม่ใช่มาเก็บไว้ แล้วท้ายที่สุดมันก็จะมีปัญหาภายหลัง ซึ่งเราประสบเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้ว และเราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก เพราะว่ามันทรมานทั้งเราและอีกฝ่ายหนึ่งมาก เพราะฉะนั้น เราสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก เราก็เลยตั้งใจว่าถ้าเราจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา เราต้องเปิดทุกอย่าง เราต้องบอกทุกข้อกังวล ทุกข้อที่เราเป็นห่วงกับเขา” จอห์นกล่าว
ดังนั้น ความสัมพันธ์ของจอห์นและแก้วในฐานะคนรัก จึงเริ่มต้นที่การเปิดเผยทุกสิ่งที่อยู่ในใจ ซึ่งแก้วมองว่าการไม่มีความลับต่อกันถือเป็นสิ่งสำคัญระหว่างเธอและจอห์น
“แก้วก็อยากทำให้มันเวิร์ก เพราะว่าที่ผ่านมา แก้วก็อะไรยังไง ก็แชร์ให้เขาไป งั้นเรามาอยู่กันแบบไม่มีความลับต่อกันนะ เราอยู่กันแบบสบายใจทั้งคู่ เราอยู่กันแบบเพื่อน แบบพี่น้อง แบบแฟน คืออยากอยู่เหมือนเป็นพาร์ทเนอร์ เราอยากอยู่แบบมีความสุขในบ้านหลังเดียวกัน แล้วก็รู้สึกว่ามันหรรษา มันอบอุ่น มันให้เกียรติกันด้วย” แก้วกล่าว
หลังจากฝ่าฟันข้อกังวลในใจของแต่ละคนแล้ว ด่านต่อมาที่ทั้งคู่ต้องผ่านให้ได้ คือลูกชายทั้งสองของจอห์น ที่ถือเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งจอห์นเล่าว่า ก่อนที่เด็กๆ กับแก้วจะพบกัน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าลูกจะชอบแก้ว เพียงแต่ต้องหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะเปิดตัวให้เด็กๆ รู้จัก
“ผมว่าเขารู้ว่าเรามีใครสักคนที่ใจเราก็ไปผูกอยู่ด้วยเหมือนกัน เขารู้แหละว่าเรากับลูกๆ ทั้งสองคน ใจเรามันผูกกันอยู่แล้ว เขารู้ว่าเขาสองคนคือคนสำคัญที่สุดในชีวิตเรา แต่ในขณะเดียวกัน ผมมั่นใจว่าเด็กๆ ทั้งสองคนก็รู้ว่าใจเราก็มีอีกคนหนึ่งที่เราก็ผูกอยู่เหมือนกัน แล้วผมว่าเขาก็รอกันอยู่ว่าจะมาเมื่อไรล่ะพ่อ แล้วมันก็มีจังหวะนั้นพอดีที่เราพาเขาเข้ามา เหมือนทำให้เขารู้ว่าคนนี้เป็นเพื่อน เป็นพาร์ทเนอร์จริงๆ” จอห์นเล่า
“ตอนนี้มันอยู่ในความสัมพันธ์ที่ว่า เหมือนเราเป็นเพื่อนกัน เขาอาจจะรู้ว่าแก้วเป็นแฟนป่าป๊านะ แต่สำหรับแก้วกับเขาก็คือเป็นเพื่อนกัน ก็เล่นกันได้ พอเด็กๆ วางแผนว่ามีอะไรน่าทำ ก็จะมาเรียกเราไป หรือว่าจะมาบอกแผนกับเราว่าเดี๋ยวจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนเป็นการมัดมือชกไปเลยว่าเธอคือหนึ่งในแก๊งค์ของเรา วันนี้เราจะไปทำอันนี้ๆ ด้วยกัน แล้วแก้วก็จะเป็นธรรมชาติไปเลยว่า อ๋อ ได้สิ มันก็เหมือนคุ้นเคยไปแล้วค่ะ เพราะว่าแก้วก็ไฮเปอร์เหมือนกัน ทำนั่นทำนี่ตลอดเวลา เป็นสายกิจกรรม พอเด็กๆ ชวนทำอะไรก็ชอบมาก” แก้วกล่าว
พื้นที่ปลอดภัยของกันและกัน
“คิดว่าตั้งแต่อยู่กับเขามา เราน่าจะหัวเราะเยอะสุดตั้งแต่อยู่ใน relationship มาแล้วแหละ” จอห์นเริ่มเล่าถึงความประทับใจอย่างหนึ่งในความสัมพันธ์ครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่ได้เกินจากความเป็นจริงเท่าไรนัก เพราะไม่ว่าในขณะที่ให้สัมภาษณ์ หรือในโซเชียลมีเดีย เราจะเห็นว่าทั้งคู่จะหยอกล้อกันและหัวเราะเฮฮาตลอดเวลา
“อยู่ดีๆ ก็มาเส้นตื้นกับคนนี้ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คือมันไม่ใช่แค่โมเมนต์หวานๆ เท่านั้น ที่เราอยู่ด้วยกัน แต่มันมีโมเมนต์ตลก มันมีโมเมนต์เปิ่นๆ มันมีโมเมนต์แบบโป๊ะ มันมีโมเมนต์แบบจริงจัง มันได้หลากหลายอารมณ์ดีครับ ซึ่งเราก็รู้สึกดีจัง” จอห์นเปิดเผยถึงความรู้สึก ซึ่งนอกจากอารมณ์ที่หลากหลายแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาครั้งนี้ยังยืดหยุ่นและเรียกว่า “กำลังดี” ทีเดียว
“มันไม่ตึงเกินไป แล้วเหมือนกับต่างฝ่ายต่างช่วยกัน เหมือนพอเริ่มตึง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ก็จะมีแบบไม่เป็นไรนะ ตอนนี้เธอตึงอยู่ บางทีเขาก็จะเตือนว่าเราตึงอยู่ เราก็ เออว่ะ... เราก็จะผ่อนลงมา แล้วก็ช้าลงนิดหนึ่ง แล้วก็ได้หันกลับมามองคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น ว่าจริงๆ แล้วเราคิดไปนู่นน่ะ แต่คนที่สำคัญก็อยู่ข้างๆ เรา การได้มีโมเมนต์ที่ realize หรือว่าการได้จำตรงนี้ขึ้นมาได้ มันเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน แล้วจอห์นว่ามันส่งเสริมความสัมพันธ์ให้มันแนบแน่นมากยิ่งขึ้น แล้วก็อุ่นใจมากยิ่งขึ้น” จอห์นอธิบาย
สำหรับแก้ว สิ่งที่เธอประทับใจในความรักครั้งนี้ คือการที่จอห์นให้เกียรติเธอในทุกด้าน และการรับฟังปัญหาต่างๆ
“ก็ต้องขอบคุณเขาที่ให้เกียรติตลอด ทุกเรื่อง ให้เกียรติครอบครัวเราด้วย ให้เกียรติเราในเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องความสบายใจ แล้วก็ให้เกียรติในเรื่องการรับฟังปัญหาต่างๆ ของแก้ว แล้วก็ให้เกียรติในการแสดงตัวตนด้วย เพราะแก้วจะเป็นคนที่ถ้าไม่โอเคก็บอกว่าไม่โอเคน่ะ ไม่โอเคเราก็จะบอกว่าตอนนี้บ้งมากค่ะ ตอนนี้เครียดมากค่ะ ขออยู่คนเดียว เขาก็จะให้เราอยู่ห้องนี้ เขาจะลงมานั่งดูทีวี เราโอเคแล้วก็ลงมา” แก้วเล่า
“สักพักเขาก็จะลงมาบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันมีเรื่องอะไรที่เขาไม่สบายใจหรืออึดอัดหรือไม่โอเค เราก็โอเค ก็นั่งคุยกันตรงเคาท์เตอร์ จิบกาแฟ คุยกันไปเรื่อยๆ แล้วทุกอย่างก็คลี่คลาย ซึ่งก็ดีจัง มันเป็นความสัมพันธ์ที่ศิวิไลซ์ดีเนอะ” จอห์นเสริม
การเมืองกับความรัก
สำหรับคู่รักคู่อื่นๆ การเมืองอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลักที่เป็นบทสนทนา แต่สำหรับจอห์นและแก้ว การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสังคมและการเมืองถือเป็นหัวข้อที่พวกเขาสามารถหยิบมาพูดคุยกันได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา โดยเฉพาะการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่น จากการที่แก้วเติบโตมาในต่างจังหวัด ซึ่งถือเป็นการ “เปิดโลก” ให้คนกรุงเทพฯ อย่างจอห์น
“เราก็อาจจะรู้จักแต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ การเลือกตั้งสนามใหญ่ แต่เราไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ชุมชนท้องถิ่น การดูแลซึ่งกันและกัน การกระจายอำนาจลงไป พอเรานั่งฟังสิ่งที่เขาเล่าให้ฟัง หรือว่าคุณพ่อคุณแม่เขาแชร์ให้ฟัง เราก็รู้สึกว่ามันเจ๋งมากเลย แล้วเราคุยกันได้เป็นชั่วโมง ซึ่งสำหรับผมมันเกินความคาดหมายมาก แล้วก็รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้เรายังหาจุดเชื่อมโยงกันได้ แล้วพอคุยกันแล้วก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ หรือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เครียด แต่ว่าทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น ทำให้เราเชื่อมโยงและเห็นภาพของปัญหาของโครงสร้างอะไรต่างๆ มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม” จอห์นกล่าว
จอห์นเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่า คนที่เห็นต่างทางการเมืองสามารถอยู่ร่วมกันได้ และสิ่งที่เขาเน้นย้ำอยู่เสมอก็คือ “ทุกคนมีความเป็นคนเท่ากัน ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไรก็ตาม”
“ตอนนี้จอห์นมาอยู่ที่จุดนี้แล้ว มันไม่ใช่แค่แนวคิดทางการเมืองต่างกันแล้วอยู่กันได้ไหม ต่างกันก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่สำคัญมากก็คือว่า คุณมองคนอื่นเป็นคนเหมือนกันใช่ไหม คุณมองคนอื่นที่เขายากลำบากหรืออยู่ในสังคมเป็นคนเหมือนกันใช่ไหม”
“ตอนช่วงที่ส่องเขาก็จะไปดูข่าวเกี่ยวกับเขา เขาก็เคยไปช่วยเหลือชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบอะไรต่างๆ ในอดีต ซึ่งเราก็รู้สึกว่าเราก็ว้าว แน่นอน ถ้าเกิดจะทำกิจกรรมหรืออีเวนต์อะไรต่างๆ ให้มันสร้างภาพ มันทำได้ไง แล้วทำไมคุณไปทำอันนี้ล่ะ มันมีอย่างอื่นที่สร้างภาพได้อีกเยอะ แต่เขาเลือกจะไปทำอันนี้ เพราะเขาอินกับเรื่องเหล่านี้จริงๆ เขามองแฟนๆ ชาวเมียนมาด้วยกันว่าเป็นคนที่เขารักมาก ซึ่งสำหรับจอห์นก็รู้สึกว่าดีจังเลยที่ได้เจอคนที่นึกถึงคนอื่น” จอห์นเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อแก้ว ในช่วงแรกที่ติดตามผลงานของเธอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จอห์นกังวลอีกอย่าง คือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับแก้ว ในฐานะ “แฟนของจอห์น วิญญู” ทั้งเรื่องงานในวงการบันเทิงและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งแก้วเปิดเผยว่า เธอไม่สามารถบังคับให้ใครชอบเธอได้ และถ้าการเป็นคนรักของจอห์นทำให้คนอื่นไม่ชอบเธอ ก็เป็นเรื่องที่แก้ไขอะไรไม่ได้ ดังนั้น เธอจึงขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
“แก้วไม่เคยคิดกังวลว่าเขาจะชอบเราไหม เพราะเราเป็นแฟนพี่จอห์น แต่หลักๆ เรารู้สึกว่า ถ้าเราอยู่บนหลักการของความถูกต้อง ยึดหลักสากลโดยการสนับสนุนประชาธิปไตย แก้วว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องมานั่งกังวลนะ มันไม่ใช่เรื่องดีเหรอคะที่เราสนับสนุนประชาธิปไตย ฉะนั้น ใครจะมีความคิดเห็นอย่างไร ต่างกัน เห็นตรงกัน หรืออะไรก็ตามแต่ ก็สิทธิของเขา แต่ในส่วนของแก้ว โชคดีที่แก้วก็รู้สึกว่าประชาธิปไตยเป็นอะไรที่เราต้องสนับสนุนอยู่แล้ว แก้วก็ไม่ต้องคิดอะไรต่อแล้วล่ะ” แก้วกล่าวอย่างมั่นใจ
วันที่ดีของเราสองคน
“ความจริงใจของเขาทำให้เราสบายใจ” ประโยคสั้นๆ ที่จอห์นใช้อธิบายความรู้สึกของเขาที่มีต่อความรักครั้งนี้ โดยเขาขยายความว่า ความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นความสัมพันธ์ที่เขาไม่ต้อง “พยายาม” ทำหรือนำเสนออะไรเลย
“พอเป็นวันอาทิตย์ที่ส่งเด็กๆ กลับบ้านไปแล้ว แล้วเราจะทำอะไรกัน บางทีก็วันนี้อยู่บ้านไหม บางทีก็ออกไปทานข้าว บางทีก็ออกไปผจญภัยที่นั่นที่นี่ แล้วมันกลายเป็นว่าเราจะหันมาคุยกันระหว่างที่ขับรถกลับบ้านว่า เออ...วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ดีเนอะ” จอห์นเล่า
“เวลาตอนเย็นๆ หรือหัวค่ำ ไม่ใช่แค่วันอาทิตย์นะคะ ในบางวัน หลายๆ ครั้ง เราก็จะ It was a good day นะวันนี้” แก้วเสริม
จอห์นกล่าวว่า ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนี้ และการมีช่วงเวลาที่ได้ทบทวนเรื่องราวดีๆ ในแต่ละวัน ก็เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจของคนทั้งคู่ ให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากความผูกพันที่มีกับลูกชายทั้งสองแล้ว จอห์นยอมรับว่าเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
“จอห์นรู้สึกว่าไม่เคยประสบกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แล้วสำหรับจอห์นมันเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ครั้งนี้ ก็เลยยิ่งเห็นคุณค่าและความสำคัญของความสัมพันธ์ครั้งนี้มาก นั่นเป็นส่วนใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งเลยที่เราประทับใจในตัวเขา ก็คือความจริงใจของเขาที่มันส่งผลให้เรารักและแคร์เขามากยิ่งขึ้นตลอดเวลา” จอห์นปิดท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อัลบั้มภาพ 33 ภาพ