"มิ้น I Roam Alone" เปิดใจเรื่องรักครั้งแรก และเรื่องหนักสุดในชีวิต
บล็อกเกอร์สาวนักเดินทางเจ้าของเพจ I Roam Alone ที่มีผู้ติดตามหลายล้านคน "มิ้นท์-มณฑล กสานติกุล" เปิดใจเล่าเรื่องรักครั้งแรก! กับเรื่องราวความรักที่มักไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ เหตุเพราะไม่ตรงปก แย้มสถานะตอนนี้ไม่โสดมีคนคุย และเรื่องหนักที่สุดในชีวิตเหตุการณ์ดราม่าที่เธอต้องเจอทั้งโลกจริงและโลกออนไลน์ ทั้งหมดนี้ในรายการ Woody FM
ถ้าต้องนึกถึง 1 เรื่องในชีวิต 10 ปีที่ผ่านมาที่ไม่เคยพูดเลยคืออะไร ?
มิ้น : ไม่ได้พูดเรื่องความรักเลย เพราะเป็นคนที่ให้ความรู้สึกกับความรักมาก และเราคิดว่าเป็นสิ่งที่เราไม่เคยประสบผลสำเร็จ เราก็เลยไม่พูด ความรักเป็นเรื่องใหญ่มากของมิ้น ความรักเป็นเรื่องใหญ่มากของมิ้น คืออะไรจะพังไม่เป็นไรเท่าความรัก แล้วก็เป็นคนที่มีความรักมาตลอด แต่ไม่ค่อยเปิดเผยเท่าไหร่ รู้สึกว่าเราไม่ได้ประสบผลสำเร็จในเรื่องนี้
คนที่เข้ามาในชีวิตที่ผ่านมาเขาต้องเจออะไรบ้าง ?
มิ้น : คนที่เข้ามาส่วนใหญ่เขาก็จะรู้สึกว่า เขาสั่งของมาแล้วของไม่ตรงปก เขาคงคิดว่าแบบเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องดูแลมาก ชิวๆ สบายๆ แต่ความจริงคือมิ้นเป็นคนที่ติดแฟนมาก เห็นแบบนี้คือ โอ้โห เราจะจัดทุกอย่างตารางได้หมด คือเราเดินทางอยู่ก็จริงแต่ว่าเราก็จะจัดทุกอย่างทุ่มเทมากเรื่องพวกนี้ คือเขามาก่อนเลย จะเป็นคนงอแงมาก ขี้น้อยใจ ชอบให้คนดูแล ต้องการความรักตลอดเวลา เวลาไปต่างประเทศต้องโทรตลอด คือสุด ถ้าโทรไม่ได้ก็คือ โทรเลยแบบเท่าไหร่ก็จ่าย แล้วก็จะเป็นคนควบคุม เพราะเราอยากให้เขาดีขึ้น แต่ความดีของคนมันก็ไม่เหมือนกันอีกอ่ะ บังคับออกกำลัง บังคับไปกินอาหารคลีน ทำแบบนั้น แบบนี้สิ ลองอันนี้ไหม เราไปสร้างระเบียบแบบแผนให้เขาอีกที เขาจะอยู่กับเราแล้วเหนื่อยมาก
คุณก็เลยอาจไม่เจอตัวตนของเขา ที่เขาจะเป็นกับคุณในบางที ?
มิ้น : ใช่ เขาก็จะพยายามปรับเพื่อเรา ทุกคนก็พยายามปรับเพราะรู้สึกว่าเราก็หวัง แต่อยู่กับมิ้นแล้วมันเหนื่อย
ส่วนใหญ่ที่ต้องแยกทางกัน ?
มิ้น : มิ้นจะเป็นคนขัดแย้งอยู่ในตัวเอง คือเราอยากให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้นเอง พอไปบังคับคือรู้สึกว่าเราไม่น่าไปบังคับเลย แต่พอไม่ไปยุ่งกับเขาก็รู้สึกว่าทำไม มันก็จะผลักๆ ดึงๆ แล้วในจังหวะที่เรารู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นตัวเองในระหว่างที่อยู่กับเราเลย เราเฟล งั้นเลิกก็ได้ เพราะอยากให้เธอได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ทำในแบบของเธอไม่ต้องมาเปลี่ยนเพื่อเรา
คุณรู้ตัวมาสักพักหนึ่งแล้วใช่ไหม ?
มิ้น : รู้ตัวค่ะ เพิ่งมารู้ตัวหนัก ๆ เมื่อปีที่แล้วเป็นต้นมาเมื่อเราเริ่มกลับมาโฟกัสกับความรู้สึกของเราเอง พยายามค้นหาว่าอะไรที่ทำให้เรารู้สึกเป็นแบบนี้ เพราะเราเห็นแพทเทิร์นของเรา แล้วถ้ามิ้นยังไปแพทเทิร์นแบบนี้ต่อ มิ้นไม่มีความสุขแน่ๆ คนที่อยู่กับมิ้นก็ไม่มีความสุข ก็ค่อยๆ พยายามในการจะแกะพวกนี้ อะไรทำให้เรารู้สึกแบบนี้ รู้สึกว่าต้องควบคุม อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันควบคุมไม่ได้แล้วไม่ปลอดภัย พยายามบอกตัวเองว่ามันปลอดภัย ลองคิดว่าควบคุมไม่ได้แต่มันปลอดภัย ลองเปลี่ยนเงื่อนไขมันอาจจะดีขึ้น
ตอนนี้มีแฟนไหมครับ ?
มิ้น : ตอนนี้มีคุยๆ ค่ะ มิ้นมีคนเข้าหาตลอด ซึ่งมันเป็นโชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ (หัวเราะ)
คนที่เข้ามาในชีวิตคุณเข้ามาในช่วงจังหวะไหนส่วนใหญ่ ?
มิ้น : คนชอบคิดว่ามิ้นโสดตลอดเวลา ซึ่งมันไม่จริง (หัวเราะ) บางทีก็มาแบบเพื่อนของเพื่อน เพราะมิ้นเจอคนเยอะ บางทีก็รู้จักกันจากการทำงาน แพทเทิร์นการเลือกทรงเราก็จะประหลาด ไม่ค่อยใช้สมองเท่าไหร่ จะใช้หัวใจนำเสมอ มิ้นเป็นคนตกหลุมรักเร็ว
สเปคของมิ้นเป็นยังไงสำหรับผู้ชาย ?
มิ้น : ไม่มีสเปคค่ะ มิ้นจะหลงรักคนที่มิ้นชื่นชม หรือรู้สึกว่าเขามีแพชชั่นกับอะไรบางอย่าง คนที่แบบมีพลังเวลาออกไปทำอะไร หรือมีเป้าหมาย มีอะไรที่รู้สึกว่าอยากจะไป
ถ้าแต่งงานจะแต่งที่ไหน ?
มิ้น : จริงๆ อยากได้แค่งานแต่งเล็กๆ น่ารักๆ ที่ไหนก็ได้ เป็นคนไม่ติดเรื่องพวกนี้เลย เอาที่เขาสบายใจ ส่วนถ้ามีลูกอยากพาลูกไปเที่ยวรอบโลก แล้วถ้าอยากรู้เรื่องอะไรก็ให้เขาไปรู้เรื่องนั้น
ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น ?
มิ้น : อยู่ดี ๆ มันมาโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ผิดหวังกับความรักด้วย ทำงานหนัก มันเหมือนโดนหลายๆ อย่าง แล้วรู้สึกว่างานบางงานทำไมเราเหมือนไม่ได้เป็นตัวเอง เหมือนมันสะสมก็เลยเป็นโกโก้ครั้นช์
ปีที่แล้วสูญเสียอะไรไปหรือเปล่าครับ ?
มิ้น : ความรักค่ะ จัดการไม่ได้รู้สึกว่าเฟลไปหมดเลย เป็นจังหวะที่คอนโทรลอะไรไม่ได้เลย การงานก็ไม่ได้ ความรักก็ไม่ได้ อารมณ์ก็ไม่ได้
ปีที่ผ่านมาเรื่องไหนที่คิดว่าหนักที่สุด ?
มิ้น : อัฟกานิสถานค่ะ
ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรคือสิ่งที่ มิ้น I Roam Alone ต้องไปยืนตรงนั้น ?
มิ้น : มิ้นไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนั้น ไม่ใช่แค่มิ้นนะคะ ทุกคนรอบตัวก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะเปลี่ยนเร็วขนาดนั้น เราเข้าปุ๊บออกปั๊บน่าจะไม่เป็นอะไร เพราะว่าหลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะได้ไปอีกเมื่อไหร่ แล้วก็เป็นประเทศที่เราอยากไป ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนที่อัฟกานิสถานคนน่ารักมาก แล้วมิ้นเป็นคนที่ไปแต่ละประเทศเพราะคน เพราะมิ้นชอบคน มันเติมพลังให้กับมิ้นในการที่เราไปเจอคนที่เราไม่รู้จัก แล้วยิ่งเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวน้อย มันยิ่งเป็นการเชื่อมกันระหว่างมนุษย์แท้ๆ โดยไม่มีอะไรมาขั้น แล้วคอนเทนส์ในเพจมิ้นก็เป็นแบบนี้เสมอ คืออยากให้ทุกคนได้เห็นอีกมุมหนึ่งของโลกที่มันมีมนุษย์อยู่จริงๆ คนแบบเรามีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม แล้วมันก็เป็นสิ่งที่มิ้นทำมาตลอด เราก็เลยตัดสินใจไป แล้วก็พัง มันอาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น อย่างที่เราไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ยิ่งทำให้เราควบคุมความโกรธหรือความกลัวไว้ไม่ได้แบบที่เราเคยคุมได้ค่ะ
ในตอนนั้นเวลาเราอ่านเพจมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ?
มิ้น : คือจริงๆ ตอนนั้นข้อความเป็นห่วงมิ้นก็เยอะมากนะ แต่เราไม่เห็น เหมือนเราไปจดจ้องแต่สิ่งที่ไม่ดี แช่งมิ้นให้ถูกข่มขื่น ให้มิ้นถูกลักพาตัวไปตัดคอ แล้วก็โดนกล่าวหาเรื่อง Human Zoo ซึ่งเราระวังเรื่อง Human Zoo มาตลอด เพราะว่าทำงานกับคนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้นหรือเห็นเขาเป็น Object ของเรา แล้วการที่โดนแบบนั้น รู้สึก ทำไมเขาถึงทำกับเราแบบนี้ ทำไมเขาเอาความตั้งใจเราไปบิดเบือนขนาดนั้น แล้วทุกครั้งที่เลื่อนไปในเฟสบุ๊คอะไรที่โดนกดไลฟ์เยอะมันคือฟีดที่รุนแรง รู้สึกว่าทุกคนเกลียดเราหมดเลย ระหว่างนั้นที่เราเขียนโพสต์ที่ยาวๆ ไร้สาระอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด เราคิดถึงแต่คนที่เขาเกลียดเรา เราใช้พื้นที่ผิด เพราะพื้นที่ในเพจเรามันคือพื้นที่ๆ คนรักเรา เป็นห่วง ติดตาม แต่เราดันไปให้พื้นที่สื่อนี้ไปสื่อสารกับความคิดเห็นใจร้าย คนที่เขามีแค่คีย์บอร์ดกับความเกลียดเป็นต้นทุน ตอนทำลงไปยังไม่รู้สึกอะไรนะ เพราะรู้สึกว่าทุกคนเกลียดเราก็ต้องปกป้องตัวเอง
โพสต์ไปแล้วรู้สึกดีขึ้นไหม ?
มิ้น : ไม่ค่ะ ความเกลียดแล้วตอบโต้ด้วยความเกลียดไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก แต่ว่าโชคดีมากเพราะว่ามีเพื่อนโทรมา บอกมิ้นยูตั้งสตินะ คนที่เขาอยู่ในเพจเธอเขารักเธอนะ เขาเป็นห่วงเธอนะ เธอสื่อสารออกไปแบบนี้มันผิดที่ผิดทาง มันไม่โอเค เธอทำไม่ถูก ก็เลยเป็นที่มาของการที่เราไปตั้งสติก่อนให้ภาพมันชัดขึ้นก่อน ให้อารมณ์เรานิ่งก่อน ก่อนที่เราจะเลือกสื่อสารออกไปอีกครั้ง ว่าเราขอโทษเราสื่อสารผิดที่ แล้วครั้งนี้ที่เราพิมพ์ออกไปให้กับคนที่รักเราจริงๆ หลังจากนั้นมันดีมากเพราะเรารู้สึกว่าคนที่เขายังอยู่ เขาเห็นด้านดีและด้านไม่ดีของเรา ก็คือคนที่เขารักเราจริงๆ ซึ่งเราโล่งใจมากขึ้น ไม่รู้สึกว่าเราแบกความคาดหวังในวันนี้แล้ว การที่เขายังอยู่ก็เหมือนยอมรับในความเป็นเรา มีฝั่งไม่ดี มีฝั่งดี การที่เขายังอยู่ ยังเตือนเรา เขายังเชื่อมั่นว่าเราจะโตไปด้วยกันได้ ได้เรียนรู้ไปด้วยกันในความไม่สมบรูณ์แบบของเราแบบนี้ ตอนนี้เราเลยเห็นคุณค่าเขามาก ความรู้สึกกังวลหายไปหมดแล้ว รู้สึกขอบคุณ ในวันที่ล้มเขาอยู่กับเรา ความรักมันพิสูจน์ตรงนี้
สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน เวลา 18.00 น.
คลิกชมย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=p25UFeJBfxg
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ