ตระกูล ล่ำซำ ทุ่ม 24 ลบ.เทคโอเวอร์รร.น่านฟ้า
ตระกูล ล่ำซำ ควักกระเป๋า24ลบ.ซื้อกิจการโรงแรมน่านฟ้า เล็งปรับโฉมใหม่เป็นบูติคโฮเทล ส.ท่องเที่ยวน่าน เผย 9 เดือน นักท่องเที่ยวเพิ่มกว่า 50%
นายอุทัย ตันตระกูล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวน่าน เปิดเผยกับ"กรุงเทพธุรกิจ"ว่า ภาพรวมการลงทุนในภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยวของจ.น่าน เริ่มมีสัญญาณความคักคักเกิดขึ้นหลังจากทิศทางและแนวโน้มการท่องเที่ยวเริ่ม ได้รับความสนใจในตลาดมากขึ้น
ล่าสุดนายบัณฑูร ล่ำซำ ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย ได้ซื้อโรงแรมน่านฟ้า โรงแรมที่สร้างจากไม้สักทั้งหลังเหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ถ.สุมนเทวราช ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน โรงแรมน่านฟ้ามี ทั้งหมด 3 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 76 ตารางวา เบื้องต้นจากข้อมูลการซื้อขายโรงแรมไม้สักเก่าแก่กลางตัวเมืองน่านครั้งนี้ สูงกว่า 24 ล้านบาท คาดว่า ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยรายนี้ จะปรับปรุงโรงแรมดังกล่าวให้เป็นโรงแรมในสไตส์ บูติก โฮเทล ที่หรูหราแห่งหนึ่งในจ.น่าน รวมทั้งยังลงทุนซื้อที่ดินในอ.บ่อเกลือและอ.แม่จริม ไว้เพื่อเตรียมพัฒนาในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนในท้องถิ่นก็เริ่มตื่นตัว โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม และที่พัก มีการลงทุนก่อสร้างโรงแรมตั้งแต่ขนาดเล็กและโรงแรมสไตส์ บูติก โฮเทล เพิ่มอีก 4 - 5 แห่ง เป็นโรงแรมขนาด 30 - 50 ห้อง ระดับราคาต่ำสุดตั้งแต่คืนละ 350 บาท จนถึงสูงสุดราคา 2,000 - 3,000 บาท
ส่วนเจ้าของโรงแรม -รีสอร์ทเดิมไม่ต่ำกว่า 5 แห่งก็ลงทุนปรับปรุงห้องพักใหม่ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนสะพัดในภาคธุรกิจโรงแรมทั้งโรงแรมที่ ก่อสร้างใหม่และปรับปรุงไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ทำให้จำนวนห้องพักโรงแรมเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 400 - 500 ห้อง จากเดิมมีห้องพักรวมประมาณ 1,000 ห้อง
ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากมีความเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่จากส่วนกลางเข้ามาลงทุน ในจ.น่าน รวมทั้งการปรับตัวของนักลงทุนในพื้นที่เองในอนาคตมีนักลงทุนรายอื่นทะยอ ยเข้ามาทำให้การลงทุนและการท่องเที่ยวของจ.น่านคึกคัก แม้ก่อนหน้านี้สายการบิน พีบีแอร์ จะยกเลิกบินเส้นทางสุวรรณภูมิ - น่าน ไม่มีกำหนดตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. แต่ล่าสุดสายการบิน เอสจีเอ แอร์ไลน์ ได้เปิดเส้นทางบินเชียงใหม่ - น่าน ไปกลับวันละ 2 ไฟล์ เริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา
"จ.น่านกำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเทรนใหม่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ปีนี้นักท่องเที่ยวจึงเดินทางมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้จากเดิมจะเริ่มทะยอ ยมาในช่วงเดือนพ.ย. แต่ปีนี้นักท่องเที่ยวเดินทางมาตั้งแต่เดือน ส.ค. - ก.ย. ส่งผลให้ห้องพักโรงแรมถูกจองจนเต็มไปจนถึงต้นปี 2553 ซึ่ง 3 ไตรมาสของปี 2552 จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 50%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาจ.น่านมากถึง 100,000 คน จากเดิมแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประมาณ 40,000 - 50,000 คน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นราว1-2 %"นายอุทัยกล่าว
นายอุทัย กล่าวอีกว่า เสน่ห์ของจ.น่าน คือ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สภาพเมืองยังมีความสงบเงียบไม่วุ่นวายจึงเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยว หลายคนอยากมาสัมผัส โดยเฉพาะจ.น่านได้รับการให้เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 3 ของประเทศ และมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ วัดพระธาตุภูมินทร์ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญติดอันดับ 1 ใน 9 ที่นักท่องเที่ยวต้องกลับมาเที่ยวอีกครั้ง
และหลังจากเทศบาลเมืองน่าน ใช้งบประมาณกว่า 70 ล้านบาท ปรับปรุงภูมิทัศน์ในเขตเมืองเก่าโดยนำสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ลงใต้ดิน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมาจนแล้วเสร็จในปัจจุบัน เพื่อรองรับการเป็นเมืองมรดกโลก หลังจากเคยยื่นเรื่องขอจากยูเนสโก้แต่ติดปัญหาเรื่องสายไฟจึงไม่ได้รับการอ นุมัติ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เชื่อว่าจ.น่านจะได้รับการพิจารณาให้เป็นเมืองมรดกโลกซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในอนาคต