รัสเซียไล่ทูตอเมริกันออกจากประเทศ-ไบเดนเผยมีแนวโน้มสูงที่ปูตินจะสั่งบุกยูเครน

รัสเซียไล่ทูตอเมริกันออกจากประเทศ-ไบเดนเผยมีแนวโน้มสูงที่ปูตินจะสั่งบุกยูเครน

รัสเซียไล่ทูตอเมริกันออกจากประเทศ-ไบเดนเผยมีแนวโน้มสูงที่ปูตินจะสั่งบุกยูเครน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัสเซีย สั่งขับนักการทูตของสหรัฐอเมริกาออกจากประเทศ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เชื่อว่ายังคงมีแนวโน้มสูงที่ "ปูติน" จะสั่งเคลื่อนกำลังพลบุกยูเครน

เมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีแนวโน้มสูงที่รัสเซียจะบุกยูเครนในช่วงหลายวันข้างหน้าเมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนยังคงเชื่อว่าเป็นไปได้ที่จะหาทางออกด้วยแนวทางทางการทูต ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความกังวลของรัสเซียเรื่องขีปนาวุธขององค์การนาโต และการซ้อมรบทางภาคตะวันออกของยุโรป

ขณะเดียวกัน รัฐบาลรัสเซียได้สั่งขับ บาร์ท กอร์แมน อัครราชทูตที่ปรึกษาของสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโก ออกจากประเทศ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า กำลังพิจารณาแนวทางตอบโต้ทางการทูตต่อรัสเซียเช่นกัน

ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า รัสเซียยังคงเคลื่อนกำลังพลบริเวณพรมแดนติดกับยูเครน และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียกำลังถอนทหารตามที่กล่าวอ้าง

รมว.กลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมขององค์การนาโตว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นตรงข้ามกับที่รัสเซียได้บอกไว้ คือ มีการเพิ่มกำลังทหารจากจำนวนมากกว่า 150,000 คน ที่ประจำการบริเวณพรมแดนติดกับยูเครนแล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นการเพิ่มเสบียงเลือดสำรองในบริเวณดังกล่าวด้วย ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่การเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านแน่นอน

ทางด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัสเซียได้ส่งทหารอีก 7,000 คน ไปยังพรมแดนติดกับยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ทางรัสเซียได้ยืนยันว่ากำลังถอนทหารออกจากพรมแดนดังกล่าวซึ่งต้องใช้เวลา

รมต.ออสติน กล่าวว่า หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เลือกทำสงครามมากกว่าการเจรจาทางการทูต ผู้นำรัสเซียเองที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเลือกหนทางแห่งสันติภาพและความเคารพต่ออธิปไตยเหนือดินแดนของยูเครน ก็จะถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อรัสเซียและประชาชนรัสเซียเองเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังจับตามองความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียสนับสนุนกับกองกำลังยูเครนในแคว้นดอนบาสทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีประชาชน 14,000 คน ถูกสังหารในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ กองกำลังยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนดังกล่าว ได้กล่าวหากันและกันว่าเป็นฝ่ายยิงปืนใหญ่เข้าไปในเขตหยุดยิง ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความกังวลว่ารัสเซียอาจใช้วิธีนี้เพื่อหาข้ออ้างในการใช้กำลังทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ในแคว้นดอนบาส ซึ่งทางสหรัฐฯ กำลังจับตามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ทางด้าน เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การนาโต กล่าวว่า มีความกังวลว่ารัสเซียอาจกำลังหาข้ออ้างในการใช้กำลังทหารโจมตียูเครน พร้อมยืนยันว่าประตูของนาโตยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับวิกฤติยูเครน แต่นาโตจะไม่สามารถยอมรับได้หากมีการใช้กำลังทหารรุกรานประเทศอื่น

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (16 ก.พ.) เลขาธิการองค์การนาโตได้สั่งให้ผู้บัญชาการทหารเริ่มร่างแผนยุทธศาสตร์สำหรับการจัดตั้งกองกำลังนาโตชุดใหม่ในประเทศสมาชิกทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อเตรียมรับมือในกรณีที่เกิดการรุกรานของรัสเซียขึ้นจริงๆ

ในขณะที่ เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทสสหรัฐฯ ยืนยันต่อผู้สื่อข่าวว่า รัสเซียได้ส่งกำลังทหารไปเพิ่มในบริเวณพรมแดนติดกับยูเครนจริง และมีการเคลื่อนกำลังพลไปประจำการในจุดเตรียมพร้อมสำหรับการรบด้วย

“การบุกยูเครนอาจเกิดขึ้นพรุ่งนี้ หรือสัปดาห์หน้า หรืออาจเป็นช่วงก่อนจบการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวก็เป็นได้” เน็ด ไพรซ์ ระบุ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านข่าวกรองของเอสโตเนีย กล่าวว่า รัสเซียอาจเริ่มโจมตีแบบจำกัดต่อยูเครน ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยขีปนาวุธและเข้ายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่างๆ แต่จะยังหลีกเลี่ยงการเข้ายึดเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเพราะต้องใช้กำลังทหารจำนวนมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook