หนุ่มหัวร้อนทุบแท็กซี่ บนรถมีเด็ก 2 คน ผู้โดยสารร้องไห้ โกรธตำรวจไม่รับแจ้งความ
หนุ่มหัวร้อนทุบแท็กซี่-ทำร้ายคนขับ ทั้งที่มีเด็กซึ่งเป็นลูกของผู้โดยสารอยู่บนรถ หลังเกิดเหตุแม่เด็กไปแจ้งความ แต่ตำรวจบอกว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
(20 ก.พ.65) สืบเนื่องจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Ploen Ishida' โพสต์คลิปวิดิโอเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งทำร้ายโชเฟอร์แท็กซี่ โดยในรถมีลูกของผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวนั่งอยู่ 2 คน และเมื่อไปแจ้งความที่ สน. เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่รับแจ้งความเนื่องจากไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นภายในรัชดาภิเษกซอย 7 แยก 13 เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
"โกรธตำรวจมากขนาดยืนร้องไห้หน้าสน.ห้วยขวาง โทรไปร้องไห้กับเพื่อนว่าตำรวจไม่รับแจ้งความ เพราะเราไม่ใช่ผู้เสียหาย โกรธที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ จะไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่ผู้เสียหาย ทั้งที่ๆเราเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์ แล้วมันกำลังเกิดกับเรา คุณภาพชีวิตประชาชนแม่งไม่มีอะไรดี เมื่อตำรวจไม่สามารถช่วยอะไรได้เราก็ต้องช่วยตัวเองขอบคุณป้าร้านค้าแถวนั้นมากนะคะที่ช่วยให้ข้อมูลหนู"
เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ นางเพลิน อายุ 31 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนกดเงินอยู่ที่ตู้เอทีเอ็ม เมื่อกดเสร็จก็เรียกแท็กซี่ และให้ลูกสองคนเข้าไปในรถแท็กซี่ก่อน โดยเอารถเข็นไว้ข้างเบาะคนขับ จากนั้นชายที่ปรากฎในคลิปก็ลงจากรถจักรยานยนต์ แล้วเข้ามาด่าโชเฟอร์แท็กซี่ และเอามือทุบรถ ตนจึงร้องขอให้หยุดเพราะในรถมีเด็กอยู่ 2 คน ซึ่งผู้ก่อเหตุก็พยักหน้าแต่ไม่หยุด และได้เดินอ้อมไปฝั่งคนขับ พยายามจะเปิดประตูรถ ตนจึงตัดสินใจเข้าไปในรถและให้โชเฟอร์ขับรถออกไป ยังไม่ทันที่จะขับออกไป ผู้ก่อเหตุก็เปิดประตูฝั่งคนขับและทำร้ายร่างกายโชเฟอร์ ตนตกใจจึงรีบอุ้มลูกลงมาจากรถ และนำรถเข็นออกมา เมื่อตนตั้งสติได้จึงถ่ายคลิป ซึ่งผู้ก่อเหตุก็พยายามทำร้ายโชเฟอร์อยู่ตลอด แต่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยห้าม ทั้งนี้ตนไม่ได้รับอันตราย แต่มีผลกระทบต่อจิตใจลูกสาว ทำให้ลูกสาวหวาดผวาและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา กลัวคนเข้ามาทำร้ายอีก ซึ่งลูกสาวตนอายุเพียง 7 ขวบ กับ 2 ขวบ
นางเพลิน เผยอีกว่า หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนตัดสินใจไม่ขึ้นรถแท็กซี่คันดังกล่าว และรอดูว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ แต่ลูกบอกให้ตนไป ตนจึงเรียกแท็กซี่ที่อื่น แต่ก็ยังกลัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตนเข้าแจ้งความเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. แต่ตำรวจบอกว่าแท็กซี่ไม่ได้แจ้งความ ตนจึงต้องการแจ้งความแทน เพราะมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ อยากรู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ทำไมต้องทำแบบนี้ ตนไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก รวมถึงอยากได้ภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ทางตำรวจไม่สามารถรับแจ้งความได้ เพราะตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และผู้ก่อเหตุไม่ได้เข้ามาทำร้ายตน ทั้งที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ และลูกของตนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทั้งนี้ตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด เพียงแค่บอกว่าถ้ามีคนมาแจ้งความ จะนำคลิปของตนไปเป็นหลักฐาน
นางเพลิน เผยอีกว่า รู้สึกดีใจที่ตำรวจได้ตัวผู้ก่อเหตุได้ อยากถามว่าทำไมไม่พูดกันดีๆ หากตนผิดจริงก็ยอมรับ ทำไมถึงเกรี้ยวกราดขนาดนี้ อยากขอบคุณสื่อและโซเชียล ที่ตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาได้ ทั้งนี้อยากฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าให้ใจเย็นกว่านี้ ไม่อยากให้ทำแบบนี้กับใครอีก ไม่อยากให้มาสำนึกผิดทีหลังและนำกระเช้ามาไหว้ทีหลัง หากทำผิดก็ต้องยอมรับผลการกระทำ การนำกระเช้ามา กราบไหว้แล้วบอกว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบนั้น ตอนมองว่าเป็นเรื่องตลก
ต่อมาเวลา 17.00 น. นายวิชัย แก้วใส อายุ 42 โชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าว เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.พงศธร วงศ์ธรรมนันท์ สว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีกับ ณัฐพล แน่นอุดร อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้ก่อเหตุ พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนขับรถมารับผู้โดยสารตามปกติ โดยเด็กขึ้นรถไปก่อน จากนั้นผู้ต้องหาก็มาโวยวายว่าตนไม่เปิดไฟเลี้ยว และด่าทอตน จากนั้นก็ทุบรถ แม่ของเด็กก็ขอร้องว่ามีเด็กอยู่ในรถ และได้นำเด็กออกไปก่อน ตนก็พยายามพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ แต่สุดท้ายผู้ก่อเหตุก็เปิดประตูรถและทำร้ายร่างกายตน แต่ตนไม่ได้ตอบโต้อะไรไป ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แค่ช้ำบริเวณลำตัว ตอนแรกตนไม่แจ้งความเพราะไม่อยากมีเรื่องมีราว อยากอยู่แบบสงบสุข อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัย ขณะนั้นตนก็ตกใจ โชคดีที่ผู้ก่อเหตุไม่มีอาวุธ ซึ่งตนไม่โกรธเคืองแต่อย่างใด แต่ไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใคร อยากให้ปรับปรุงตัวใหม่ มีสติ จะไปหาเรื่องใครสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ อยากให้พูดคุยกันก่อน โดยในวันนี้มาแจ้งความในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ