หนุ่มแจ้งความถูกสาวหลอกเปย์ 7 หมื่น ฝ่ายหญิงฉุนจัดกระโดดถีบหน้าโรงพัก

หนุ่มแจ้งความถูกสาวหลอกเปย์ 7 หมื่น ฝ่ายหญิงฉุนจัดกระโดดถีบหน้าโรงพัก

หนุ่มแจ้งความถูกสาวหลอกเปย์ 7 หมื่น ฝ่ายหญิงฉุนจัดกระโดดถีบหน้าโรงพัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มแจ้งตำรวจถูกสาวหลอกเปย์กว่า 7 หมื่น ฝ่ายหญิงฉุนจัดกระโดดถีบหน้าโรงพัก โต้ไม่ได้หลอกแต่ผู้ชายให้เอง แถมรบเร้าขอมีเซ็กซ์

(22 ก.พ.65)  นายชนัญชัย อายุ 27 ปี หนุ่มเซลส์ชาวอำเภอนางรอง  จ.บุรีรัมย์  ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นารอง  โดยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าได้ถูกสาวสวยคนหนึ่ง ชื่อ กุ้ง (นามสมมุติ)  อายุ 30 ปี  หลอกให้หลงรักและหลอกให้โอนเงิน ซื้อทองให้หมดเงินไป 75,000 บาท  แต่สุดท้ายฝ่ายหญิงกลับบล็อกช่องทางการติดต่อทั้งมือถือ และเฟซบุ๊ก จากนั้นทางพนักงานสอบสวนก็ได้โทรศัพท์ติดต่อฝ่ายหญิงเพื่อให้มาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก

แต่พอฝ่ายหญิงเดินทางมาถึง สภ.นางรอง ทันทีที่เห็นนายเจน ยืนอยู่ที่ศาลาด้านหน้าโรงพัก ฝ่ายหญิงก็เดินตรงเข้าไปต่อว่าฝ่ายชายด้วยความไม่พอใจแล้วได้กระโดดถีบฝ่ายชายไป 1 ครั้ง ทั้งถอดรองเท้าพยามยามจะเข้าไปตีฝ่ายชายอีก ซึ่งฝ่ายชายก็ไม่ได้มีท่าทีจะตอบโต้อะไร ก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นไปพูดคุยกันบนโรงพัก    

จากการสอบถามนายเจน เล่าให้ฟังว่า เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อนได้แนะนำให้รู้จักกับ น.ส.กุ้ง ซึ่งตนเห็นแล้วก็รู้สึกชอบ จึงได้ทักเฟซบุ๊กไปคุยด้วย  จากนั้นก็แชตและโทรคุยกันมาเรื่อย  บางครั้งก็นัดกินข้าวด้วยกัน แล้วฝ่ายหญิงก็เริ่มเอ่ยปากขอเงินตนเองบอกว่าจะเอาไปจ่ายค่าโน่น ค่านี่บ้าง  ด้วยความที่ตนเองชอบและคิดว่าฝ่ายหญิงจะชอบตนเองเหมือนกัน ก็โอนเงินให้หลายครั้ง  กระทั่งวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ก็นัดไปกินข้าวกันแล้วตนก็ซื้อแหวนทอง ราคา 7,800 บาท ให้ฝ่ายหญิงอีก 1 วง  รวมๆ แล้ว ทั้งเงินที่โอนไปให้และแหวนทองที่ซื้อให้ก็ประมาณ 70,000 กว่าบาท แต่พอมาวันนี้ได้นัดจะไปทำบุญด้วยกันแล้วหลังจากทำบุญเสร็จก็จะไปรีสอร์ตตามประสาหนุ่มสาวที่คบหากัน แต่ฝ่ายหญิงกลับบล็อกการติดต่อไปเลย ตนจึงคิดว่าฝ่ายหญิงไม่ได้จริงใจน่าจะหลอกเอาเงินตนเอง จึงได้มาแจ้งความ  

นายเจน ยังบอกอีกว่า ตนจริงใจกับฝ่ายหญิงตั้งใจจะคบหาเป็นแฟน  แต่ฝ่ายหญิงกลับทำเหมือนไม่ได้จริงใจกับตนเอง  ก็รู้สึกเสียใจ เงินที่เสียไปก็เป็นเงินเก็บจากที่ตนทำงาน แต่ก็ไม่ได้เสียดาย เสียความรู้สึกมากกว่า  แต่ในเมื่อฝ่ายหญิงบอกว่าไม่ได้รักก็คงต่างคนต่างจบกันแค่นี้

ด้าน น.ส.กุ้ง  บอกว่า ฝ่ายชายเป็นคนทักมาหาแต่ตนบอกว่าไม่ได้ชอบ แต่ฝ่ายชายก็บอกว่าขอโอกาสหน่อย ตนก็เลยบอกว่าอยากคบก็คบแต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าคบเป็นแฟนกัน แค่ลองคุยกันดู จากนั้นเขาก็ทักเฟซบุ๊กทักไลน์มาชวนไปกินข้าว ตนก็บอกว่าขอตังหน่อยสักพันสองพัน  พอออกไปกินข้าวกับเขา เขาก็เป็นฝ่ายโอนเงินให้   ส่วนวันวาเลนไทน์ตนก็พูดว่าวันวาเลนไทน์จะได้อะไรน้อ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวพี่จะพาไปซื้อแหวน จากนั้นเขาก็พาไปซื้อแหวนทองที่ร้านทองซึ่งเขาก็ซื้อให้เอง  ส่วนที่ฝ่ายชายบอกว่าตนเองหลอกให้โอนเงินนั้นไม่เป็นความจริง  เพราะเขาโอนให้เองด้วยความเสน่หาตนไม่ได้บังคับ  และยอดที่โอนมาก็ไม่ใช่ 70,000 กว่าบาทตามที่เขากล่าวอ้าง  ตนมีสลิปหลักฐานว่าเขาโอนมาให้แค่ประมาณ 30,000 บาท ซึ่งหลังจากพูดคุยไกล่เกลี่ยกันตนจะยอมจ่ายเงินคืนให้เขา 4,000 บาท ตามที่เอ่ยปากขอยืมเท่านั้น ก็จะผ่อนจ่ายให้คืน 2 เดือน และขอยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงเงินที่โอนมาเขาให้ด้วยความเสน่หา แต่ที่ตนเองรับไม่ได้และไม่ชอบคือฝ่ายชายพยายามจะรุกเร้าขอมีเซ็กซ์  ซึ่งจริงๆ หากจะคบหากันก็ควรจะต้องใช้เวลาพูดคุยดูใจกันก่อน  

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตำรวจ และทนายอาสา  เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยกับทั้งสองฝ่าย  ก็จบลงกันได้ด้วยดี ฝ่ายหญิงก็พร้อมจะคืนเงิน 5,000 บาท ที่เอ่ยปากขอยืมฝ่ายชาย  ซึ่งฝ่ายชายก็ยอมรับและทั้งสองฝ่ายก็ไม่ติดใจเอาเรื่องซึ่งกันและกัน  และยืนยันว่าจะไม่พูดคุยคบหากันอีก

                                                             

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook