เจอ ครม.เบรกหัวทิ่ม! สธ.กลับลำให้ผู้ป่วยโควิดยังคงใช้สิทธิ UCEP ได้ต่อไป

เจอ ครม.เบรกหัวทิ่ม! สธ.กลับลำให้ผู้ป่วยโควิดยังคงใช้สิทธิ UCEP ได้ต่อไป

เจอ ครม.เบรกหัวทิ่ม! สธ.กลับลำให้ผู้ป่วยโควิดยังคงใช้สิทธิ UCEP ได้ต่อไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครม.เบรกหัวทิ่ม! สธ.กลับลำให้ผู้ป่วยโควิดยังคงใช้สิทธิรักษาแบบ UCEP ได้ต่อไป "อนุทิน" มั่นใจสถานการณ์ไม่หนักอีก ยืนยันจำนวนเตียง ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์พร้อม สามารถรองรับสภาวะฉุกเฉินได้

วันนี้ (22 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเต็มคณะประจำสัปดาห์ ซึ่งทั้งก่อนและหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนและไม่ได้มอบหมายให้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจงแทนเหมือนทุกครั้ง ได้แต่เพียงพูดถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม ครม. ว่า นายกฯ ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

โดยกำชับให้บริหารจัดการระบบการรักษา ทั้งในระบบ Home Isolation และCommunity Isolation ให้เพียงพอ พร้อมทั้งยังห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะในเด็กที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคร่งครัดในมาตรการ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันถึงการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ขณะนี้จำนวนเตียง ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังเพียงพออยู่ และยังมีความพร้อมอยู่ พร้อมกับยืนยันว่าระบบสาธารณสุขยังสามารถรองรับหากเกิดสภาวะฉุกเฉินได้

ขณะที่ปัญหาการหาสถานที่ตรวจเชื้อแบบ RT-PCR ที่ยากขึ้นนั้น นายอนุทิน ระบุว่า วันนี้มีมาตรการออกมาแล้ว และทราบอยู่แล้วว่าโควิดสายพันธุ์โอมิครอนค่อนข้างติดกันง่ายแต่หายเร็ว ใช้มาตรการที่ทำให้เศรษฐกิจนั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งก็ต้องมีความพร้อมในทุกมิติ โดยมีเตียงเพียงพอรองรับการรักษาตัวของผู้ป่วยสีเขียวทั้งระบบ Home Isolation หรือ หากอยู่กันแบบรวมกลุ่มไม่สะดวกต่อการกักตัวที่บ้าน ก็จะให้เข้าระบบ Community Isolation

พร้อมกับย้ำว่า โรงพยาบาลไม่ได้ลดการให้บริการดูแลประชาชนลง และ Hospitel ยังเปิดบริการตามปกติ ไม่มีโรงพยาบาลใดที่ไม่รับคนไข้ พร้อมกับย้ำว่าเป็นไปไม่ได้เลย

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนาม หากมีความจำเป็นก็สามารถจัดตั้งได้ทันที และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามบุษราคัม 4-5 พันเตียง ยังอยู่ในลักษณะเตรียมพร้อม ไม่ได้หายไปไหนหรือขายทิ้ง ยังคงเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินตลอดเวลา

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ มีการพิจารณาเห็นชอบให้มีการเลื่อนประกาศใช้ข้อกำหนดเกณฑ์รักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน หรือยูเซ็ป (UCEP) ซึ่งจะมีการปรับให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาฟรีตามสิทธิสุขภาพของตนเอง เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2565 ออกไปก่อน เพื่อให้ประชาชนได้ทำความเข้าใจกับการใช้บริการด้านสุขภาพของตัวเอง และเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้น จึงขอให้ยึดหลักเจ็บป่วยวิกฤตฉุกเฉินรักษาฟรีทุกที่ หรือยูเซ็ป เช่นเดิม

ทั้งนี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องการออกประกาศเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้ออกจากภาวะฉุกเฉินวิกฤต รักษาทุกที่ หรือยูเซ็ป ฉบับใหม่ โดยที่ประชุมให้กระทรวงสาธารณสุขกลับไปทบทวนและชะลอการประกาศออกไปก่อน เพราะต้องมีการซักซ้อมทำความเข้าใจ ปรับการบริการรองรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ หรือกลุ่มสีเขียว ที่มีค่อนข้างมาก รวมถึงให้เพิ่มคู่สาย 1330 ให้การบริการครอบคลุม ก่อนที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวกลับมาสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้เช้า (23 ก.พ.) จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่จะมีการรายงานถึงสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาด รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ พร้อมกับมาตรการเปิดเรียนแบบ on-site อยู่ได้กับโควิดในสถานศึกษา การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร พร้อมแผนการให้บริการวัคซีนด้วย

สธ. แจงหลัง 1 มี.ค. ผู้ป่วยโควิดยังใช้สิทธิ UCEP รักษาได้ต่อไป

ขณะที่ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขไปทบทวนเรื่องกระบวนการนำโรคโควิด-19 ออกจากการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต (UCEP) ออกไปก่อน จากเดิมที่กำหนดจะเริ่ม 1 มี.ค.นี้ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการติดต่อเพื่อรับการรักษาผ่านช่องทางต่างๆ

ทั้งนี้ UCEP-Covid ยังมีผลอยู่ โดยขณะนี้ผู้ป่วยโควิดถือว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน สถานพยาบาลต้องให้การดูแล ห้ามปฏิเสธ หากโรงพยาบาลไม่มีศักยภาพในการรักษาที่เพียงพอ ให้ส่งต่อผู้ป่วย และไม่สามารถเรียกเก็บเงินมัดจำได้

“ตอนนี้ยังใช้ UCEP-Covid เหมือนเดิม โดยจะมีการซักซ้อมกระบวนการต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อม ส่วนกรอบเวลาในการทบทวนจะนำเข้าคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องและเสนอต่อไป” นพ.ธเรศ กล่าว

สำหรับ Hospitel ขณะนี้ยังมีให้บริการ 200 แห่ง มีเตียง 36,000 เตียง และยังให้บริการดูแลผู้ป่วยอยู่ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล แต่หลังจากที่สถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มขึ้น มีการเปิด Hospitel ประมาณ 2-3 แห่ง เนื่องจากมีอัตราการครองเตียงต่อแห่งประมาณ 30% เท่านั้น

นอกจากนี้ นพ.ธเรศ ยังกล่าวถึงกระบวนการรักษาว่า ปัจจุบันใช้การตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เป็นหลัก หากมีผลบวกให้เข้ารับการรักษาพยาบาลใน Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) แต่ยังมีบางบริษัทประกันที่ต้องการผลยืนยันด้วย RT-PCR ซึ่ง สธ. ได้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) แล้วว่าให้ทบทวนประเด็นนี้กับบริษัทประกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook