"ได๋ ไดอาน่า" สถานการณ์โควิดน่าห่วง ย้ำ! ถ้ามีอาการอย่ารอ ซื้อยาสามัญประจำบ้านติดไว้เลย

"ได๋ ไดอาน่า" สถานการณ์โควิดน่าห่วง ย้ำ! ถ้ามีอาการอย่ารอ ซื้อยาสามัญประจำบ้านติดไว้เลย

"ได๋ ไดอาน่า" สถานการณ์โควิดน่าห่วง ย้ำ! ถ้ามีอาการอย่ารอ ซื้อยาสามัญประจำบ้านติดไว้เลย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 อย่างต่อเนื่อง สำหรับนักแสดงสาวชื่อดัง ได๋-ไดอาน่า จงจินตนาการ

ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้มีโอกาสออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงการทำงานของตนเองและทีมงาน เราต้องรอด ในช่วงนี้ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดย ได๋ ไดอาน่า ได้เล่าให้เราฟังว่า

สถานการณ์โควิดที่เราดูแลอยู่ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“ก็ต้องบอกว่าจากสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ถ้าดูจากตัวเลข มันมากขึ้นกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมาจริงๆ ค่ะ คือถ้าเทียบกับระลอกก่อน ตัวเลขที่มากที่สุดคือ วันที่ 13 สิงหาคม ซึ่ง ตัวเลข ณ วันนั้น ยังไม่เยอะเท่ากับตอนนี้เลย ฉะนั้นก็ต้องบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงมากๆ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงก็ยังมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจได้บ้าง นั่นก็คือจำนวนของผู้ที่ฉีดวัคซีนมีเยอะกว่าระลอกก่อน และอัตราผู้ป่วยที่เป็นผู้ป่วยวิกฤตก็ลดน้อยลงกว่าระลอกก่อนเยอะมาก”

เห็นตัวเลขเยอะขึ้นทุกวันตกใจไหม ?
“ไม่ตกใจค่ะกับยอดที่ขึ้นมาเร็ว คือมันก็เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพอถึงเวลาที่คนหน้างานอย่างเราจะต้องรับมือกับสถานการณ์จริงๆ มันก็คอขวดอ่ะ อย่างเช่นเมื่อสักครู่นี้ตอนที่ขึ้นเวทีเพื่อทำงานพิธีกร หลังบ้านตรงนั้นมันก็มีปัญหาเรื่องการจ่ายฟาวิฯ เพราะว่าก่อนหน้านี้ทุกเคสเราก็สามารถที่จะขอฟาวิฯ ได้ แต่ว่า ณ ตอนนี้ เนื่องจากปริมาณยาจำกัด ฉะนั้นเราจึงต้องพยายามทำความเข้าใจกับผู้ป่วยว่า หากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการไม่ได้มากนัก ก็จะให้ดูแลตัวเองเบื้องต้นไปก่อน เป็นไข้ก็ทานยาแก้ไข เจ็บคอก็ทานยาแก้เจ็บคอ ทานวิตามินซี ทานฟ้าทลายโจร คือทานเพื่อดูแลตัวเองเบื้องต้นไปก่อนระหว่างรอการประสานงาน

เพราะในบางครั้งการจะประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ เราก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีเคสใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมากและการทำงานมันอาจจะไม่ทันท่วงที ฉะนั้นอย่ารอนะคะ ถ้ามีอาการผิดปกติก็ทานยาดักไว้ก่อนเลย และก็อย่าหลอกตัวเอง ถ้าสมมติเริ่มมีอาการอย่าคิดว่าตัวเองไม่เป็น ให้คิดไปเลยค่ะว่าเราติดแล้ว เราเป็นแน่นอน เพื่อที่จะได้ป้องกันตัวเอง

จริงๆ ได๋ต้องบอกว่า ช่วง 7-10 วันที่ผ่านมานี้ ได๋ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน เพื่อนของเพื่อน น้องๆ สื่อ รวมถึงคนในวงการเยอะมาก และความกังวลของเขาคือ เขาอาจจะยังไม่ติดจริงก็ได้ เดี๋ยวขอไปตรวจก่อน ซึ่งระหว่างรอผลมันก็ต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงในการคอนเฟิร์ม ฉะนั้นถ้าเราเริ่มสตาร์ทโดยการกินยาก่อนเลยมันจะดีกว่าไหม คือได๋อยากบอกทุกคนว่าถ้ามีอาการอย่ารอ กินยาบรรเทาอาการของตัวเองไปก่อน และส่วนมากเราก็จะหายเองได้ภายใน 3-5 วัน แต่ถ้ามีโรคประจำตัวหรือว่าไม่เริ่มทานยา มันก็อาจจะมีโอกาสในการที่มันจะรุนแรงกว่าปกติ”

ตอนนี้มีปัญหาอะไรบ้างที่เราเจอ ?
“น่าจะเป็นปัญหาเรื่องของคอขวดมากกว่า อย่างที่พี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนทุกคนก็รู้ว่าเรายังไม่เคยหยุดทำงานเลย ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ คือระบบทุกอย่างที่เราเซ็ตเอาไว้อยู่แล้ว มันก็คือแค่กลับมารันตามปกติ เพียงแต่ว่าปริมาณที่เราคาดการณ์ไว้พอมันเกิดขึ้นจริงๆ ปุ๊บ มันมาหนักเลย อย่างเช่นในส่วนของ เราต้องรอด สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการยาเพื่อทำ home isolation บางคนเขาก็กลัว เขาไม่กล้าออกจากบ้าน เขาไม่กล้าออกไปซื้อยา เพราะเขากลัวจะเอาเชื้อไปติดคนอื่น เราก็เลยต้องให้เขาอยู่บ้านและทำการจัดส่งยาให้ ฉะนั้นยาสัญประจำบ้านสำหรับบางคนที่เขาไม่ได้ซื้อติดไว้ ในส่วนนี้เราก็ต้องช่วยซัพพอร์ตเขาด้วยเหมือนกัน แต่เราก็จะมีหน่วยงานของ กทม. ไว้สำหรับติดต่อโดยตรง เพื่อที่จะประสานงานในการนำเอกสารหรือรายละเอียดต่างๆ เพื่อขอในการทำ home isolation ให้กับผู้ป่วย”

สถานการณ์ในศูนย์พักคอยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?
“สำหรับเราต้องรอด ตอนนี้มีทั้งหมด 3 ศูนย์ด้วยกันนะคะ คือที่เขตประเวศ ซึ่งตอนนี้ก็เต็ม เขตห้วยขวาง ก็เต็มเหมือนกัน และที่เขตคันนายาว ตอนนี้ก็ล้น คือทุกคนสามารถเห็นได้ทางเฟซบุ๊กอยู่แล้วเพราะเราจะโพสต์ตลอดว่าเต็ม แต่ก็จะมีบางคนเหมือนกันที่เขาไม่เชื่อว่าเต็ม แต่ ณ ตอนนี้เราได้ทำการเอาเตียงออก และเอาที่นอนปิกนิกมาปูแทน เพื่อที่เราจะได้สามารถบริหารจัดการเคสได้ เนื่องจากก็ต้องเข้าใจว่าบางคนเขาต้องแยกกักตัวจริงๆ และเขาไม่มีที่ไป ซึ่งเราก็แค่เอาเตียงออกและเอาที่นอนปิกนิกใส่แทน แต่ว่าเมื่อกี้ก่อนเข้างานก็ได้ทำการประชุมหารือกับท่านอธิบดีกรมการแพทย์ว่าเราจะร่วมมือกันยังไง เพราะทั้งทางกรมการแพทย์เอง ทาง กทม. เอง ก็กำลังหารือร่วมกันว่า เราอาจจะต้องมีการเปิดศูนย์พักคอยเพิ่ม และเราจะสื่อสารกันยังไงเพื่อให้ประชาชนไม่อยู่ในความวิตก ฉะนั้นย้ำไว้ก่อนเลยนะคะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้ามีอาการดูแลตัวเองก่อนอย่าเพิ่งรอใครเลยค่ะ”

เรากังวลไหมถ้าหากไม่สามารถช่วยคนได้ไม่เต็มที่ ?
“จริงๆ ตอนนี้อาสาสมัครก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคะ เริ่มเติมกำลังพลของเราให้เข้ามามากขึ้น และก็สแตนบายทุกคนเอาไว้ อย่างที่บอกค่ะเรายังไม่เคยหยุดทำ ฉะนั้นทุกอย่างที่แสตนบายเอาไว้เราก็แค่ปรับโหมดเข้าสู่การทำงาน ก็เหนื่อยหน่อยค่ะ แต่ยังสู้ไหว”

เราได้พักผ่อนบ้างหรือยัง ?
“ได้นอนไปช่วงก่อนปีใหม่แป๊บหนึ่ง และก็กลับมาช่วงนี้แหละค่ะที่ไม่ค่อยได้นอน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราแค่ต้องปรับระบบหลังบ้านให้มันทำงานดีขึ้น พยายามประสานทุกหน่วยงานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างมันสามารถรันได้แบบไม่สะดุด”

อย่างเคสหนักๆ ที่ไม่สามารถพาไปยังศูนย์พักคอยได้ เราต้องทำยังไง ?
“ถ้าเจอเคสที่ศูนย์พักคอยไม่สามารถรับได้ เราก็ต้องรับก่อนค่ะ เนื่องจากเราไม่สามารถปล่อยให้ผู้ป่วยที่อาการหนักและยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาอยู่โดยที่ไม่มีการดูแลค่ะ คือเราก็จะรับเขาเข้ามาก่อน และค่อยว่ากันในวันรุ่งขึ้นว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะประสานเขาไปที่ไหน คือเราก็ต้องยอมรับว่า ถึงแม้โอมิครอนจะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ก็มีคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และมีผู้ป่วยติดเตียงที่อาการรุนแรงอยู่เหมือนกัน กลุ่มนี้ยังคงหาเตียงยาก เตียงเหลือง เตียงแดง ไม่ได้หาง่ายๆ ฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องของการบริหารจัดการและก็การประสานงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เราสามารถช่วยเหลือทุกคนได้อย่างทันท่วงที”

ตอนนี้สถานการณ์คนเริ่มกลับมานอนข้างถนนอีกแล้ว เรารู้สึกยังไง ?
“ก็รู้สึกว่าเขาอยู่ที่ไหน เดี๋ยวไปหา เท่านั้นเองค่ะ ถามว่ามันไม่หนักเท่ากับระลอกก่อน ที่มันดึงความรู้สึกเราให้ดิ่งลงไปมาก เนื่องจากว่าระลอกก่อนหน้านี้ เราเจอคนเสียชีวิตทุกวันเยอะมากๆ ตอนนี้มันเป็นแค่โอเค ไหนเคสอยู่ที่ไหนคะ นอนอยู่ข้างถนนใช่ไหม ศูนย์เราถึงเราจะเต็มแค่ไหน แต่พื้นก็ยังว่าง เพราะฉะนั้นแทนที่เขาจะไปนอนพื้นถนน มานอนพื้นเราก็ได้ เรามีข้าวมีน้ำให้ มีแอร์ มีที่นอนให้ค่ะ ให้เขานอนพักผ่อนให้สบาย แล้วพรุ่งนี้ค่อยประสานได้ เพราะฉะนั้นคือถามว่ามันบริหารจัดการได้ไหม มันไม่ได้แย่เหมือนก่อน เหมือนกับว่าเราซ้อมกันมาเยอะแล้วค่ะ”

อยากบอกให้คนระวังตัวยังไงบ้าง ?
“ขออนุญาตพูดสองแบบแล้วกันนะคะ อย่างแรกเลยก็คือว่า จำได้ไหม ณ วันที่ผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเป็นหลักหน่วย ตอนนี้ทุกคนกลัวกันมาก ไม่กล้าออกไปไหนเลย แต่วันนี้เดินไปในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านอาหารต่างๆ คนอยู่กันเยอะแยะมากมาย โดยที่ลืมไปแล้ว แล้วก็อาจจะไม่สนใจแล้ว ไม่เป็นไรหรอกติดโควิด คนนั้นคนนี้ก็ติด ถามดีกว่าว่าใครยังไม่ติดบ้าง บางคนติดจนหายแล้วก็ยังไม่รู้ตัว ต้องบอกแบบนี้ว่า บางคนตรวจ ATK ไม่ขึ้น RT-PCR ไม่ขึ้น แล้วก็เลยรู้สึกนอยด์ เลยไปตรวจภูมิ ปรากฎว่าภูมิขึ้น คุณหมอบอกว่าเนี่ย คุณติดโควิดเพิ่งหาย แบบนี้มีเยอะ เพราะฉะนั้นก็สบายใจได้

อยากให้ทุกคนนำ mindsets เดิมกลับมา ว่าเราเคยกลัวและหวาดระแวงกันยังไง หลายคนอาจจะบอกว่าเวอร์หรือเปล่า สร้างความวิตกหรือเปล่า คือคนที่แข็งแรงไม่เป็นไรไงคะ ร่างกายเราสามารถขจัดเชื้อออกไปได้ แต่เราอย่าลืม ว่าเรามีคนที่เรามีคนที่บ้าน มีคนแก่ที่บ้านที่เราต้องดูแลหรือเปล่า พ่อแม่เขาแข็งแรงหรือเปล่า เด็กเล็กเบบี๋ เด็กเดือน เขาไม่สามารถที่จะพูดได้ เขายังไม่ได้รับวัคซีน กลุ่มเปราะบางต่างๆ ก็ยังต้องให้เราดูแลอยู่ เพราะฉะนั้นให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดีที่สุด นี่คือข้อที่หนึ่ง

ส่วนข้อที่สอง เนี่ยจากว่าตอนนี้ สถานการณ์ของตัวเลข มันเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ ทุกวัน ลองคิดดูนะคะ ว่า 2 หมื่นๆ ติดกัน 3-4 วัน เคสที่ตกค้างอยู่ในระบบมันจะเยอะขนาดไหน บางทีถ้าเราจะรอประสานงานอย่างเดียว มันอาจจะไม่ทันใจเรา เพราะฉะนั้นพูดและย้ำครั้งหนึ่ง หากคุณไม่ได้มีอาการเยอะมาก ดูแลตัวเองไปก่อน ในระหว่างนั้นก็ประสานไปด้วย อย่ารอเด็ดขาดนะคะ ไม่ใช่ว่าแบบเจ็บคอ ปวดหัว ไม่เป็นไร ฉันรอประสานก่อน เป็นอะไรทานยาตามอาการไปก่อนเลย เพื่อที่ว่าเราจะได้เซฟที่ Hospitel หรือว่าโรงพยาบาล ให้สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์จริงๆ”

เราอยู่ท่ามกลางแบบนี้ทุกวัน ต้องดูแลตัวเองหนักขนาดไหน ?
“เชื่อไหมคะ ทุกครั้งที่เพื่อนโทรมา จะชอบพูดว่า อะไรวะ ทำไมพี่ได๋ไม่ติด บางคนจะชอบคิดว่า เราทำงานอยู่ใกล้กับผู้ป่วย แล้วทำไมเราถึงไม่ติด คือต้องบอกว่าเวลาเราไปศูนย์พักคอย เรารู้ว่าอันนี้คือคนไม่ติด ตรงนั้นคือคนที่ติด เราก็สามารถระวังตัวเองได้ แต่ปัจจุบันนี้ทุกคนใช้ชีวิตกันแบบปกติ ทำให้การใช้ชีวิตปกติ น่ากลัวกว่าการทำงานในศูนย์พักคอย เนื่องจากเราไม่รู้เลยว่า ซ้ายขวาหน้าหลังตอนนี้ใครติดบ้าง ก็เลยทำให้เราชิล แล้วก็ทำตัวแบบสบายๆ ก็ฝากเอาไว้ให้ทุกคนดูแลตัวเอง หากยังไม่เป็น ช็อปปิ้งซื้อยาสามัญประจำบ้านติดไว้ที่บ้านก่อนเลย เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมาลุยเอาเมื่อไหร่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ เพราะว่ามันไม่จากเราไปง่ายๆ มันก็จะไม่จบง่ายๆ ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ”

น้าเน็กเป็นยังไงบ้าง เขานอยด์หรือเครียดไหม ?
“ก็ต้องบอกว่า หลังจากที่เจอกันวันนั้น น้าเน็กก็ได้โทร.มาบอกว่า เดี๋ยวมีอะไรน้าจะขอเป็นคนพูดเอง เพราะก่อนหน้านี้ก็จะมีสื่อขอสัมภาษณ์ใช่ไหมค่ะ เราก็จะตอบว่าไม่สะดวกตอบ เนื่องจากน้าขอ ว่าถ้ามีอะไรน้าจะขอพูดเองค่ะ”

เราก็โดนโยงไปด้วย ?
“ลืมแล้วอะ มันนานแล้วไง ถามว่ารู้สึกยังไง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วค่ะ แต่แค่รู้สึกว่า ดีใจที่ได้ทำรายการแบบนั้น เพราะเรารู้สึกว่า ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่ สามารถเชื่อมกับหน่วยงานหลายๆ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง แล้วเราก็สามารถใช้ตัวเองเป็นกระบอกเสียงได้อย่างแท้จริง ก็เลยรู้สึกดีใจ และดีใจที่สองก็คือได้เพื่อนใหม่ คือไพรวัลย์ค่ะ”

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ ของ "ได๋ ไดอาน่า" สถานการณ์โควิดน่าห่วง ย้ำ! ถ้ามีอาการอย่ารอ ซื้อยาสามัญประจำบ้านติดไว้เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook