หนุ่มวัย 17 ยอมรับลวนลามสาววัย 15 ใน รพ.สนาม อ้างคิดว่ามีใจให้ ฝากขอโทษ
หนุ่มวัย 17 ปี ยอมรับลวนลามสาววัย 15 ปี ใน รพ.สนาม อ้างคิดว่าฝ่ายหญิงมีใจให้ ชี้ไม่แยกโซนทำเกิดปัญหา
กรณี น้องฟิลม์ (นามสมมุติ) นักเรียนหญิง วัย 15 ปี โรงเรียนแห่งหนึ่งร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าว กรณีเข้ากักตัวเพื่อรักษาอาการป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนาม ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง และถูกชาย วัย 17 ปี ซึ่งเข้ามารักษาอาการเช่นเดียวกัน ก่อเหตุลวนลามและพยายามล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้ง เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา
ก่อนที่ทางญาติจะพาน้องฟิลม์เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง และร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ จนทางสาธารณสุขจังหวัดอ่างทองออกมากำชับให้เพิ่มมาตรการในการป้องกันการฝ่าฝืนกฏระเบียบในโรงพยาบาล ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของ นายมิก (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ใน ต.ตรีณรงค์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง พบเพียง นางชูก้าน อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นย่า อยู่กับหลานสาวอีก 3 คนภายในบ้าน
โดย นางชูก้าน ยังไม่ทราบเรื่อง และรู้สึกตกใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น พร้อมบอกว่า ปกตินายมิกจะไม่ค่อยได้อยู่บ้านเพราะต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง เพื่อหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งปกติก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ และนายมิกก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย ตอนไปอยู่ที่โรงพยาบาลสนามตนก็ยังบอกว่าอย่าไปแอบชอบใครเขานะ พอกลับมาก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง
ด้าน น้องแอ้ม อายุ 9 ขวบ น้องสาวของนายมิก ที่เข้าไปกักตัวเช่นกัน เล่าให้ฟังว่า เคยเห็นนายมิกกับพี่ฟิล์มพูดคุยกัน เพราะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลสนามพี่ฟิล์มก็จะคอยช่วยเหลือพาตนไปอาบน้ำบ้าง ช่วยเหลือเรื่องอื่นบ้าง แต่ตอนที่เกิดเหตุตนเองไม่เห็นแต่อย่างใด
ขณะที่ผู้สื่อข่าวตามหานายมิกจนเจอ ขณะกำลังเดินทางไปทำงาน โดย นายมิก ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่ตนเองเข้าไปในมุ้งของน้องฟิล์มนั้นทำจริง เพราะเข้าไปเตือนในเรื่องที่น้องฟิล์มขึ้นไปนั่งบนระเบียงชั้นบนในตอนเย็นเพราะเป็นห่วง
ในส่วนของการจับแขนจับขาก็ทำจริง ซึ่งหลังจากไปอยู่ในโรงพยาบาลสนามหลายวัน ก็คิดว่าน้องฟิล์มมีใจให้ แต่เรื่องที่เข้าไปพยายามลวนลามน้องฟิล์มในห้องน้ำนั้นไม่มี ซึ่งหลังทราบว่าน้องฟิล์มไปแจ้งความก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะถึงขนาดนั้น
ก็อยากจะขอโทษน้องฟิล์มหากคิดว่าที่ทำล่วงเกินลงไป เพราะไม่คิดว่าน้องจะคิดอย่างนี้ ในส่วนของโรงพยาบาลสนามที่ตนเข้าไปพักไม่แยกชายหญิงปะปนกันซึ่งก็เป็นข้อเสีย ซึ่งหากมีการปรับปรุงก็น่าจะดี
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเรียกผู้เสียหายมาสอบสวนเพิ่มเติม และจะประสานขอภาพกล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาลสนาม จากทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอ่างทองมาตรวจสอบ เพื่อรวบรวมหลักฐานที่จะดำเนินคดีต่อไป