แม่เผยไทม์ไลน์ใจสลาย ลูกชายวัย 2 ขวบกว่า เสียชีวิตจากภาวะลองโควิด

แม่เผยไทม์ไลน์ใจสลาย ลูกชายวัย 2 ขวบกว่า เสียชีวิตจากภาวะลองโควิด

แม่เผยไทม์ไลน์ใจสลาย ลูกชายวัย 2 ขวบกว่า เสียชีวิตจากภาวะลองโควิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่เล่าไทม์ไลน์ ลูกชายวัย 2 ขวบกว่า เสียชีวิตจากภาวะลองโควิด อยู่ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง ก่อนอาการทรุดเสียชีวิตใน 4 วัน

เฟซบุ๊กแฟนเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3 เปิดเผยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ต้องสูญเสีย น้องฌอนห์ ลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง จากภาวะลองโควิด (Long COVID) แม้ว่าน้องจะหายจากโรคโควิด-19 แล้ว แต่ร่างกายกลับทรุดลง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา

โดย คุณแม่น้องฌอนห์ เปิดเผยว่า อาจารย์หมอวินิจฉัยว่าสาเหตุที่ลูกเสียชีวิตเพราะเป็นภาวะลองโควิด ซึ่งก่อนหน้านี้น้องติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ทุกอย่างจะปกติ จนรักษาหาย 2-6 สัปดาห์ น้องกลับทรุดลง เพราะภายในล้มเหลวหมดแล้ว โดยก่อนที่น้องจะเสียชีวิตนั้น อาการปกติดีทุกอย่าง ร่าเริง ขี้เล่น ไม่มีอาการซึมเศร้า หรืออ่อนแรงแต่อย่างใด

เผยไทม์ไลน์ลูกจากไปหลังอาการทรุด 4 วัน

  • คืนวันที่ 16 ก.พ. - น้องมีอาการไข้ขึ้นและตัวร้อน ตนก็คิดว่าคงเป็นไข้ปกติ จึงให้น้องกินยาแก้ไข้ และเช็ดตัว
  • 17 ก.พ. - ตอนเย็น กลับไข้ขึ้นสูง เมื่อพาน้องไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มีสิทธิ์รักษาอยู่ที่นั้น กลับถูกบอกว่าน้องถูกย้ายสิทธิ์ไปอีกโรงพยาบาลแล้ว พอถามพยาบาลว่าย้ายไปทำไมไม่บอก พยาบาลบอกว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้ง จึงต้องนั่งแท็กซี่พาลูกไปโรงพยาบาลใหม่ โดยที่ระหว่างทาง น้องมีอาการ เหมือนจะอ้วก และก็ถ่ายอุจจาระออกมา พอมาถึงโรงพยาบาลหมอก็ทำการช่วยชีวิต
  • 18 ก.พ. - หมอโทรมาแจ้งว่า น้องเป็นลองโควิด ต้องรีบส่งตัวไปให้อาจารย์หมอที่โรงพยาบาลศิริราชรักษาต่อ
  • 19 ก.พ. - ทางโรงพยาบาลศิริราช แจ้งว่าให้ครอบครัวทำใจ เพราะหัวใจน้องพร้อมจะหยุดเต้นนาทีต่อนาที แต่จะลองให้ยาที่แรงดู ถ้ารับไหวก็รอด ถ้ารับไม่ไหวก็ไม่รอด และสุดท้ายน้องก็รับไม่ไหว แม้คุณหมอจะพยายามปั๊มหัวใจช่วยหลายรอบ น้องก็ไม่กลับมา และน้องก็จากพวกเราไปในวันดังกล่าว แบบที่ทุกคนในครอบครัวไม่ทันได้ตั้งตัว

คุณแม่น้องฌอนห์ ยังฝากทิ้งทายถึงคนที่มีลูกว่า อยากให้แม่ๆ ทุกคนเฝ้าระวัง ถ้าลูกมีไข้ ไอ หรือเป็นหวัด การซื้อยามากินเอง มันจะยิ่งทำให้ไข้กดทับอาการไว้ ทางที่ดีแนะนำให้ไปหาหมอทันทีที่ลูกมีอาการผิดปกติ

ทั้งนี้ คุณแม่น้องฌอนห์ยังตั้งคำถามถึงเรื่องที่คาใจจากเหตุการณ์นี้ว่า ทำไมโรงพยาบาลที่พาลูกไปที่แรก ไม่รักษาให้ในขั้นต้นก่อน และย้ายสิทธิ์ไปโรงพยาบาลใหม่ก็ไม่แจ้งอะไรเลย แถมยังปล่อยให้ตนต้องนั่งแท็กซี่พาลูกย้ายโรงพยาบาลเองกัน 2 คนแบบนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook