ลุง64ป่วยหัวใจ-ความดันถูกจนท.รพ.ดังซ้อมสลบคาที่

ลุง64ป่วยหัวใจ-ความดันถูกจนท.รพ.ดังซ้อมสลบคาที่

ลุง64ป่วยหัวใจ-ความดันถูกจนท.รพ.ดังซ้อมสลบคาที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังมีปากเสียงเรื่องส่งประวัติคนไข้ล่าช้า ระบุ ก่อนหน้ามีปากเสียงกันมาตลอดเรื่องการบริการจนเกิดระเบิดอารมณ์ใส่ต่อหน้าคนไข้ทั้งรพ.

วันนี้( 9 ธ.ค.) นายพิชัย อรุณไวกิจ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ซอยจรูญพลขันฑ์ แขวงยานนาวา เขตสาทร เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อังกูร ศิริปริญญานันท์ พงส.(สบ 3) สน.ยานนาวา กรณีถูก เจ้าหน้าที่เวชระเบียนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสีลมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดภายในโรงพยาบาลดังกล่าว โดยนายพิชัย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณเวลา 12.30 น. วันนี้ ได้เข้าไปทำการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอกเพราะตนป่วยเป็นโรคหัวใจ และความดันสูง หลังทำการตรวจเสร็จเรียบร้อยแพทย์ก็ได้ให้ยานอนหลับแต่ไม่มียาคลายเครียด ตนจึงสอบถามไปว่าทำไมไม่ได้ยาคลายเครียด แพทย์แจ้งให้ทราบว่าหากต้องการยาคลายเครียดก็ให้ไปเอาแฟ้มประวัติการรักษาที่แผนกเวชระเบียนมายื่น

นายพิชัย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนจึงเดินไปที่แผนกเวชระเบียนเพื่อที่จะขอแฟ้มประวัติก็พบเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องแฟ้มประวัติจัดคิวคนไข้ เป็นชาย อายุประมาณ 28 ปี ซึ่งเคยมีปากเสียกันมาก่อนหน้านี้ ตนจึงสอบถามเรื่องแฟ้มประวัติตน เจ้าหน้าที่บอกว่าส่งไปแล้ว ตนจึงเดินกลับไปที่ห้องฉุกเฉินแต่แพทย์บอกว่าแฟ้มยังมาไม่ถึง ตนเลยเดินกลับไปที่แผนกเวชระเบียนพบเจ้าหน้าที่คนเดิมตนก็บอกว่าแฟ้มยังไปไม่ถึงเลย แต่เจ้าหน้าที่กลับแสดงอาการฉุนเฉียวแล้วมีปากเสียงกัน

นายพิชัย เล่าอีกว่า หลังจากมีปากเสียงกันดังลั่น ชายคู่กรณีได้ขว้างเหล็กยาวใส่แต่ไม่ถูกตน จากนั้นได้วิ่งมาต่อยตนเข้าที่ขมับซ้ายจนล้มไปฟาดกับราวเหล็กจนสลบไป กระทั่งตนมารู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ซึ่งพยาบาลและเจ้าหน้าที่บอกว่าตนเป็นลม ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง ตนจึงใช้ช่วงจังหวะที่จะเข้าห้องน้ำหนีออกมาจากรพ.ดังกล่าวแล้วมาแจ้งความกับตำรวจดังกล่าว

พ.ต.ท.อังกูร กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลที่เกิดเหตุ โดยในวันศุกร์ที่ 11 ธ.ค.นี้ จะพาตัวผู้เสียหายไปชี้ตัวเจ้าหน้าที่เวชระเบียนคู่กรณี จากนั้นจะเชิญตัวมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะแจ้งข้อหาให้ทราบก่อนดำเนินการต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook