น้ำท่วมภาคใต้อ่วม รถครูนราธิวาสตกคอสะพาน จมทั้งคัน ดับ 6 สูญหาย 1

น้ำท่วมภาคใต้อ่วม รถครูนราธิวาสตกคอสะพาน จมทั้งคัน ดับ 6 สูญหาย 1

น้ำท่วมภาคใต้อ่วม รถครูนราธิวาสตกคอสะพาน จมทั้งคัน ดับ 6 สูญหาย 1
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี ภาคใต้ของไทย มีฝนตกอย่างหนักสะสมมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา ทำให้หลายจังหวัดทางภาคใต้เกิดน้ำท่วม ลมกระโชกแรง จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหลายร้อยหลังคาเรือน เส้นทางการเดินทางถูกตัดขาด รวมถึงได้รับความเดือดร้อนเพราะข้าวของ เครื่องใช้ และอาหาร น้ำดื่มสะอาด ได้ขาดแคลน เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ได้มีนักข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม จากหลากหลายพื้นที่ ดังนี้

นราธิวาส

สภาวะน้ำท่วมขังพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนที่วิกฤตหนักสุด มี 2 อำเภอ คือ สุไหงโกลก และแว้ง ทั้งนี้ มีน้ำทั่วมขังทั้งจังหวัด เนื่องจากมวลน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลสมทบกับมวลน้ำจากพื้นที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ลงสู่แม่น้ำสุไหงโกลก จากสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา

ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโกลก ที่ล้นตลิ่งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำสะสมจนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมามีสภาวะน้ำท่วมขังในระลอกแรก จากเหตุของผนังกันน้ำชำรุด แต่เหตุในครั้งนี้มาจากระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโกลก ล้นผนังกันน้ำ และได้ไหลบ่าเข้าท่วมตลาดชุมชนบ้านมูโนะ ซึ่งมีสถานการณ์ที่ร้ายแรงกว่าในระลอกที่ผ่านมา จนปริมาณไหลทะลักเข้าท่วมถนนทั้ง 4 เลน จนรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้

ด้านสถานีตำรวจภูธรมูโนะ น้ำได้ท่วมจนกลายเป็นเมืองบาดาล บ้านพัก และรถยนต์ของกลางรวมทั้งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวนกว่า 20 คัน ที่จอดอยู่รอบอาคารสถานีตำรวจถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา ซึ่งสาหัสกว่าในครั้งแรก

ภาพ : Police TV by UCI Media

นอกจากนี้ ยังมีอุบัติเหตุรถพลัดตกคอสะพานบ้านโนนสมบูรณ์ ม. 5 ต.ภูเขาทองซึ่งเป็นรถของ นายนพดล มะลิลา พนักงานราชการโรงเรียนนิคมพัฒนา10 อ.สุคิริน พร้อมสมาชิกในครอบครัว เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน กข 9562 นราธิวาส หงายท้องจมน้ำอยู่ โดยนักประดาน้ำได้ลงงมค้นหาบุคคลที่จมอยู่ในห้องโดยสาร พบเสียชีวิตแล้ว 6 คน และพบสูญหายอีก 1 คน คาดว่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวน่าจะพัดร่างไปไกลจากจุดเกิดเหตุหลายกิโลเมตร

ภาพ : เต็มสิริ พวงเพ็ชร

ยะลา

พบน้ำท่วม 8 อำเภอ ได้รับผลกระทบแล้ว มีประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน โดยที่ อ.บันนังสตา ที่หมู่บ้านตลาดนิคม หมู่ 6 ต.ตลิ่งชัน ว่าเกิดเหตุดินบนเขาปกโย๊ะ ได้ไหลลงมาทับถนนทางขึ้นเขา ทำให้ถนนถูกตัดขาด มีเจ้าหน้าที่ดูแลเสาสัญญาณ บนเจาปกโย๊ะ ติดอยู่บนเขา ชาวบ้านและผู้นำชุมชน ได้เข้าตรวจสอบ

พร้อมประสานกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจที่ 15 หน่วยทหารจากกองพันทหารราบที่ 152 เข้าดำเนินการช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังพบว่าจากสถานการณ์ที่ฝนตกหนัก ทำให้เส้นทางในหมู่บ้านถูกน้ำกัดเซาะได้รับความเสียหาย บางหมู่บ้านถูกตัดขาด ยังไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ 

ปัตตานี

ยังคงมีฝนตกหนักและลมกรรโชกแรงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับบริเวณริมชายหาดตาโละกาโบร์ อ.ยะหริ่ง ยังคงมีฝนตกลงมาประกอบกับมีลมกระโชกแรง ส่งผลให้มีคลื่นสูง 2-3 เมตร กระหน่ำซัดชายฝั่ง ทำให้ตลอดทั้งชายฝั่งได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรง ถนนถูกตัดขาดหลายจุด ขณะที่บ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมชายฝั่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังคาปลิว อีกทั้งต้นไม้หลายต้นได้โค่นล้มลงมา

สงขลา

หลายอำเภอได้เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านแล้วในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่บ้านแลแบง หมู่ 1 ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย ได้ถูกน้ำจากเทือกเขาสันกาลาคีรี รอยต่อ อ.สะบ้าย้อย กับ อ.กาบัง จ.ยะลา ไหลเข้าท่วมหมู่บ้านและระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

พัทลุง

สถานการณ์น้ำท่วมน่าเป็นห่วง จากฝนตกลงมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนวเทือกเขาบรรทัด บริเวณอำเภอศรีบรรพต ส่งผลให้น้ำไหลผ่านอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ลงอ่างเก็บฝ่ายท่าแนะ เป็นจำนวนมาก และล่าสุดน้ำในอ่างเก็บน้ำฝ่ายท่าแนะ ซึ่งตั้งอยู่ตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต น้ำได้ล้นสปริงเวย์ที่มีความยาวประมาณ 400 เมตร ระดับน้ำสูง 50-60 ซม. ไหลอย่างรวดเร็วลงสู่ลำคลองท่าแนะ อย่างต่อเนื่อง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง “ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้” ฉบับที่ 9 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 26-27 ก.พ. 65 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล 

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ รวมถึงให้ประชาชนเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน พื้นที่เสี่ยงริมแม่น้ำปัตตานี พื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง และ อ.เมืองยะลา รวมทั้งริมแม่น้ำสายบุรี ในพื้นที่ อ.รามัน อาทิ บ้านละแอ ต.บาลอ , ชุมชนตลาดล่าง ต.กายูบอเกาะ , บ้านสะโต บ้านกือเม็ง บ้านแยะ ต.อาซ่อง , บ้านพรุ ต.ท่าธง , บ้านเกะรอ ต.เกะรอ ริมคลองยะหา ในพื้นที่ อ.ยะหา อาทิ บ้านกาบุ ต.ยะหา , บ้านอาบอ บ้านละแอ บ้านตาเปาะ บ้านกือยา บ้านชะเมาะ บ้านกูแบรายอ ต.ละแอ

รวมทั้งให้ติดตามสถานการณ์น้ำ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ซึ่งฝนที่ตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้จะมีผลกระทบไปจนถึงวันที่ 27 ก.พ.นี้

ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับพร้อมสั่งการไปยังทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน ทั้งในเรื่องการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของประชาชน การอำนวยความสะดวกด้านจราจร การจัดเตรียมสถานที่รองรับหากมีการอพยพ และการเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภค สำหรับแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมเน้นย้ำในเรื่องของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยให้ยึดหลักการปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือไปยังประชาชน สามารถแจ้งเบาะแส ข้อร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือ มายังสายด่วน 191 และสายด่วน 1599 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสามารถสอบถามข้อมูลการจราจรได้ที่สายด่วน 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook