บุกรวบ ผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ว. เอี่ยวแก๊งยา คิงส์ นนทบุรี ยึดทรัพย์ 130 ล้าน

บุกรวบ ผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ว. เอี่ยวแก๊งยา คิงส์ นนทบุรี ยึดทรัพย์ 130 ล้าน

บุกรวบ ผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ว. เอี่ยวแก๊งยา คิงส์ นนทบุรี ยึดทรัพย์ 130 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บุกรวบ "ผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ว." เอี่ยวแก๊งค้ายา คิงส์ นนทบุรี ยึดทรัพย์ 130 ล้าน ทั้งรถหรู เรือสปีดโบ๊ท เงิน ทอง และปืนจำนวนมาก

เมื่อเวลา 10.00 น. (3 มี.ค.65) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รองผบก.สส.บช.น. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. เข้าปิดล้อมตรวจค้น 14 จุด 7 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร จ.เชียงราย จ.ตาก จ.มหาสารคาม จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชลบุรี จ.นนทบุรี เบื้องต้นได้คุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ในฐานความผิดสมคบ 4 คน คือ นายวรวัฒน์ วังศพ่าห์ จับกุมได้ที่ จ.ประจวบคิรีขันธ์ นายเปี่ยมศักดิ์ บุญญชโลธร จับกุมได้ที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายสุนันท์ สุตินกาศ จับกุมได้ที่ อ.เชียงแสนจ.เชียงราย และนางศิริวรรณ บุญญชโลธร จับกุมได้ทึ่ อ.แม่สอด จ.ตาก

โดยจุดที่น่าสนใจ คือการตรวจค้นบ้านเลขที่ 12/60 ซอยจุฬาเกษม 16/3 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายวรวัฒน์ โดยบ้านดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีรั้วรอบขอบชิด เบื้องต้น
เป็นเครือข่ายคิงส์ นนทบุรี จากการตรวจสอบพบรถยนต์ซูบารุ สีดำ ทะเบียน ฉว 67 กทม. และรถยนต์ฟอร์ดมัสแตง สีขาว ทะเบียน ญต 67 กทม อาวุธปืน 40-50 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก นาฬิกาหรูหลากหลายยี่ห้อ อาทิ โรเล็กซ์ ปาเต๊ะ พานาราย มูลค่ารวมกว่า 14 ล้านบาท เรือสปีดโบ๊ท 14 ลำ (ตรวจยึดได้ที่ประจวบคิรีขันธ์) ทองคำ และเงินสด จำนวนมาก

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมปีที่ผ่านมา ทางบก.สส.บช.น ได้จับกุมนายพิทวัส แสงโสภา และ นายชยุต ศุขทัศน์ หลังขยายผลเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ทางตำรวจได้จับกุมเมื่อปี 2562 เป็นยาบ้ากว่า 1,043,800 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 86 กิโลกรัมเมื่อเดือนมีนาคมปี 2564 โดยจากการจับกุมสองผู้ต้องหาได้ทำการตรวจค้นที่บ้านพักพบโทรศัพท์มือถือภายในมีข้อความสนทนาเกี่ยวกับการติดต่อซื้อขายยาเสพติดและการชำระค่ายาเสพติด โดยมีการโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารที่อยู่ต่างประเทศ และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเงินดังกล่าว โดยนายวรวัฒน์ ทำการเล่นแร่แปรธาตุเป็นสินค้าน้ำมันเพื่อนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปให้กับเจ้าของยาเสพติด โดยเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นการซื้อขายน้ำมันส่งออกไปยังประเทศเมียนมาเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท

นอกจากนี้จากแนวทางการสืบสวน ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ทำหน้าที่รับโอนเงิน ที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาฟอกเงินเป็นสินทรัพย์อื่นๆ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับกลุ่มของนายวรวัฒน์และพวกรวมสี่คน ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิด, รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมีให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ และ ข้อหาสมคบเพื่อการฟอกเงิน พล.ต.ท.สำราญ เผย

ผบช.น. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนี้ทางบก.สส.บช.น. ค่อยๆ เกาะติดมาเรื่อยๆ จนถึงปี 64 ขยายผลตามมาตรการสมคบ ขยายผลต่อ จนขณะนี้ออกหมายจับรวม 7 คน จับกุมในวันนี้ได้ 4 คน อายัดตัวในเรือนจำ 2 คน และ อยู่ระหว่างหลบหนี1คน ส่วนทรัพย์สินที่ป.ป.ส. ยึดประมาณ 130 ล้าน ทั้งนี้ในส่วนอาวุธปืนที่พบจะนำส่ง พฐ.ตรวจสอบอาวุธปืนต่างๆ ว่าถูกใช้ในการกระทำความผิดอื่นๆหรือไม่ อย่างไรก็ตามเครือข่ายค่อนข้างใหญ่ รถยนต์ทรัพย์สินอื่นๆ ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งพิสูจน์ขยายผลการตรวจสอบเพราะเชื่อว่าได้มาจากการค้าขายยาเสพติด

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าขณะตรวจค้นทรัพย์สินในบ้าน ทางชุดสืบสวนพบบริเวณกระจกหน้ารถยนต์ทั้งสองคันมีพบสติกเกอร์เข้า-ออก รัฐสภาติดไว้ระบุสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เลขที่ 092 ทั้งสองคัน และบัตรคล้องคอที่ระบุสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตำแหน่งของนายวรวัฒน์คือ “ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา พลเอกบุญธรรม โอริส ซึ่งกรณีนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้ตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่านายวรวัฒน์ เป็นผู้ผ่านการฝึกอบรม เป็นชำนาญการศุลกากรหลักสูตรผู้ชำนาญการศุลกากร รุ่นที่ 17 ด้วย

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ส่วนทรัพย์สินรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด มัสแตง เชลบี จีที500 ปี 2020 ซึ่งเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ระบุว่า เป็นรถเกรย์มาร์เก็ต หมายถึงรถนำเข้าผิดกฎหมาย ไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรที่ถูกต้อง อาวุธปืนหลายขนาดจำนวนมาก ตั้งแต่ปืนไรเฟิลและปืนสั้นที่ตกแต่งอุปกรณ์ราคาแพง ตู้เซฟ 4-5 ตู้ที่ต้องเอาไปตรวจสอบ นาฬิกายี่ห้อโรเล็กส์,ปาเต๊ะ มูลค่า 14 ล้านบาท, ทองคำมูลค่า 10 ล้านบาท อีกทั้งพบธุรกิจของนายวรวัฒน์ นอกจากขายน้ำมันส่งออก ยังพบการทำเรือยอร์ช เจ๊ตสกี มีอู่เรืออยู่อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ นาจอมเทียน จ.ชลบุรี ซึ่งรวมมูลค่าทรัพย์สิน 130 ล้านกว่าบาทด้วย โดยในวันพรุ่งนี้ทางพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. จะนำทีมแถลงข่าวผลการปฎิบัติต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook