โจรชิงทองกลางห้าง เจอพนักงานเตะตัดขาหน้าทิ่ม อ้างไม่มีเงินซื้อตั๋วรถไปหาลูก

โจรชิงทองกลางห้าง เจอพนักงานเตะตัดขาหน้าทิ่ม อ้างไม่มีเงินซื้อตั๋วรถไปหาลูก

โจรชิงทองกลางห้าง เจอพนักงานเตะตัดขาหน้าทิ่ม อ้างไม่มีเงินซื้อตั๋วรถไปหาลูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โจรชิงทองกลางห้าง พนักงานขายพบพิรุธเลยสะกิดพนักงานชายให้ไปสแตนด์บายนอกร้าน พอคนร้ายวิ่งหนีก็ตามไปเตะตัดขาจนล้ม

เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 4 มีนาคม 2565 ร.ต.อ.(หญิง) กัญญ์วรา แจ้งสว่าง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ได้รับแจ้งว่ากลุ่มพลเมืองดี สามารถจับกุมตัวคนร้ายก่อเหตุชิงทอง ห้างทองอยากมีตัง ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขา อ.ตาคลี จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในสังกัด พบว่า กลุ่มพลเมืองดี สามารถควบคุมตัวคนร้าย คือ นายฝน ภาษิต อายุ 38 ปี ชาว อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ไว้ได้ พร้อมของกลาง สร้อยทองคำน้ำหนัก 1 บาท 1 เส้น โดยคนร้าย อยู่ในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อยีนส์ ใส่แมสสีดำ สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า แต่ไม่มีอาวุธในการก่อเหตุแต่อย่างใด 

จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า คนร้ายได้ทำทีเข้ามาขอดูสร้อยทองที่ห้างทองอยากมีตัง ถึงสองรอบ ก่อนที่จะใช้จังหวะช่วงพนักงานเผลอ รีบชิงสร้อยทองหนัก 1 บาท 1 เส้นออกไป แต่ในระหว่างที่วิ่งหลบหนีออกไปทางหน้าห้างสรรพสินค้า ได้ถูกพนักงานร้านทองรายหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ เข้าช่วยเตะตัดขาคนร้ายจนล้มคว่ำ ก่อนจะมีพลเมืองดีคนอื่นๆ มารุมช่วยกันจับตัวได้ในที่สุด 

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายฝน ผู้ต้องหาไปสอบปากคำยังโรงพัก และนายฝนให้การรับสารภาพว่า เดินทางโดยรถไฟมาอยู่ที่ อ.ตาคลี เพื่อหางานทำได้หลายวันแล้ว แต่ไม่มีงานให้ทำ ประกอบกับ คิดถึงลูกมากด้วย แต่ไม่มีเงินกลับไปหาลูกที่ จ.หนองคาย จึงได้คิดสั้นตัดสินใจเดินเท้าจากสถานีรถไฟ ซึ่งอยู่ห่างจากห้างเทสโก้โลตัสไปประมาณ 7 กิโลเมตร แล้วไปก่อเหตุชิงทอง เพื่อจะนำไปขายแล้วจะซื้อตั๋วรถเดินทางกลับไปหาลูก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายฝน เดินทางกลับไปที่ห้างเทสโก้โลตัส เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพก่อน จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาฐานชิงทรัพย์ต่อไป 

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามพนักงานสาวห้างร้านทอง ที่เป็นผู้ที่ยื่นทองให้กับคนร้าย เปิดเผยว่า ขณะนั้นเห็นลักษณะคนร้ายรายนี้ดูมีพิรุธหลายอย่าง และเดินวนไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนจะเดินเข้ามาที่ร้านทอง และทำทีขอดูสร้อยทองน้ำหนัก 2 บาท 1 เส้น แล้วหลังจากนั้น คนร้ายก็บอกว่าจะขอออกไปถามภรรยานอกห้างก่อนที่จะเดินกลับเข้ามา และขอดูสร้อยทองอีกครั้ง ซึ่งขณะนั้น ตนเห็นว่าเริ่มดูมีพิรุธ จึงได้ไปสะกิดบอกให้พนักงานชายของร้านทองอีกคน ออกไปสังเกตการชายคนนี้ที่นอกร้านไว้ก่อน แล้วคนก็กลับมาพูดคุยการขายกับคนร้ายต่อ 

“ในช่วงสุดท้าย คนร้ายบอกกับหนูว่า เขามีเงินอยู่แค่ 3 หมื่นบาท ตนจึงได้เปลี่ยนไปหยิบสร้อยคอน้ำหนัก 1 บาทให้คนร้ายดู แต่ในระหว่างที่หนูเผลอ สิ่งที่คิดไว้ก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อคนร้ายรีบคว้าเอาทองหนัก 1 บาทวิ่งหนีออกไป ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมากที่ ตนและร้านห้างทองระวังตัวไว้อยู่แล้ว และพี่นักงานผู้ชาย ก็ได้เดินไปดักอยู่ที่หน้าห้าง จึงทำให้สามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ทัน” 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook