"ทนายตั้ม" ชี้ “แม่แตงโม” ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกเองไม่ได้ ต้องให้ศาลมีคำสั่ง
“ทนายษิทรา” ชี้ “แม่แตงโม”ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกเองไม่ได้ ต้องให้ศาลมีคำสั่ง -มองเร็วเกินไปแม่ให้อภัยผู้เกี่ยวข้องและเรียกค่าเสียหายทั้งที่ยังไม่รู้ลูกตายเพราะสาเหตุใด
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เปิดเผย ภายหลังเข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ตกเรือจมน้ำเสียชีวิตว่า กรณีที่นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโมตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของแตงโมว่า ไม่สามารถตั้งตนเองได้มองว่าอาจจะเข้าใจผิด เพราะการจะเป็นผู้จัดการมรดกแต่จะต้องไปขอคำสั่งจากศาล
ซึ่งคดีนี้แตงโม เสียชีวิตผ่านมาไม่กี่วันจึงไม่มีทางที่จะยื่นคำร้องต่อศาลได้ทันอย่างน้อยต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ซึ่งตามกฎหมายแล้วพี่ชายของแตงโมสามารถเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับแม่ของแตงโมได้ส่วนสมบัติของแตงโมและการเรียกค่าเสียหายแม่แตงโมและพี่ชายถือว่ามีสิทธิ์
พร้อมระบุ คดีอาญาและคดีแพ่งมีความเชื่อมโยงกันอยู่แล้วเพราะหากมีการตกลงกันว่าจะชดใช้ 30 ล้านบาทจริง ก็จะต้องมีการตกลงทั้งทางอาญาและแพ่งด้วยไม่มีใครยอมจ่ายสองเด้ง อย่างไรก็ดีมองว่าการออกมาเรียกค่าเสียหายและให้อภัยกับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้เป็นอะไรที่เร็วเกินไป เพราะควรจะให้ทุกอย่างคลี่คลายก่อน ควรต้องรู้สาเหตุว่าแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไรก่อน
ส่วนการให้ปากคำวันนี้เนื่องจากตนเองไม่ได้เป็นพยานที่ใกล้เหตุการณ์ เพียงแต่ตำรวจมาขอความเห็นว่าน่าจะมีพิรุธอะไรหรือไม่ ซึ่งตนเองก็ตอบไม่ได้ว่าใครมีพิรุธ เพราะสิ่งที่คนบนเรือเล่าให้ตนเองฟัง และที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อก็เหมือนกัน ประกอบกับวันที่มาปรึกษาตนเองใช้เวลาพูดคุยไม่นาน และบางคนก็มีท่าทีไม่พอใจเพราะตนเองได้ไปฟันธงว่าต้องถูกดำเนินคดีทั้งคู่
ส่วนที่ตนเองไม่ได้รับเป็นทนายให้ เพราะส่วนตัวรู้จักกับแตงโมและฝ่ายผู้ต้องหาก็มีทนายอยู่แล้ว และมองว่าการมาปรึกษาไม่ใช่ต้องการช้อปปิ้งทนาย แต่คงอยากฟังความเห็นของตนเองเท่านั้น
ส่วนกรณีมีการเสนอข่าวว่ามีผู้ต้องหารับสารภาพไปแล้วนั้น ตนเองไม่ขอยืนยันโดยขอให้สอบถามกับทางตำรวจดีกว่าเพราะไม่ทราบสำนวนการสอบสวน ส่วนการสรุปสำนวนคดีแม้ว่านายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร.จะกำชับให้ทำรอบคอบและปิดคดีโดยเร็ว แต่เชื่อว่ายังไม่ปิดคดีเร็วๆ นี้อย่างน้อยคงอีกครึ่งเดือน
ส่วนการแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทกับผู้ที่บนเรือขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เพราะเรื่องประมาทเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล โดยทฤษฎีของกฎหมายไม่มีประมาทด้วยกันเพราะไม่สามารถมีเจตนาได้ ซึ่งกรณีของแตงโมพนักงานสอบสวนเห็นว่าเข้าข่ายประมาท 2 คน จึงแจ้งข้อหาแค่ 2 คน
กรณีของแซน จะโดนข้อหาประมาทฯ ด้วยหรือไม่ เพราะเป็นคนที่อยู่ใกล้กับแตงโมมากที่สุดเชื่อว่าตำรวจได้สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว และคิดว่ายังไม่มีการดำเนินคดีกับแซน แต่หากผลการพิสูจน์พบว่าท่านอนบนเรือเล่นมือถือไม่สามารถนอนได้จริงหรือไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ก็จะเท่ากับมีคนโกหกต้องเป็นดุลยพินิจของตำรวจว่าจะดำเนินคดีข้อหาให้การเท็จหรือไม่
ทั้งนี้ ส่วนกรณีพบว่ามีการดื่มแอลกอฮอล์จนมึนเมาแล้วขับเรือนั้น เนื่องจากไม่มีกฎหมายขับเรือขณะนี้มึนเมา คงมีการพิจารณาความผิดอื่นๆ แต่ตนเองเห็นด้วยหากจะมีการพิจารณาเสนอให้เพิ่มกฎหมายความผิดนี้