หนุ่มใหญ่ราชบุรี ชักว่าวขึ้นฟ้า เรียกร้องสันติภาพ-ยุติสงคราม

( 7 มี.ค. 65 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณทุ่งหญ้าหมู่ 4 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้มีกลุ่มคนอนุรักษ์ว่าวไทย จ.ราชบุรี ได้มีการทำว่าวนานาชนิด เพื่อเล่นกันแบบวิถีชาวบ้านแบบไทยๆ ซึ่ง “ว่าว” มีการทำเล่นมากันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทุกปีเมื่อถึงหน้าลมว่าวช่วงเดือน มีนาคม – เมษายน จะมีการนำว่าวหลากหลายชนิดมารวมตัวกันชักขึ้นสู่ท้องฟ้ากันอย่างสนุกสนาน และสวยงาม แต่พบว่าปัจจุบันการเล่นชักว่าวได้ลดน้อยถอยลง และกำลังเลือนหายไป  เพราะไม่มีผู้สืบทอดและศึกษาการทำ “ว่าวไทย”

นายพันธุ์ แก้วนุ้ย วัย 54 ปี ชาวบ้านในตำบลอ่างทอง หนึ่งในกลุ่มอนุรักษ์ว่าวไทย จ.ราชบุรี ได้นำว่าว อาทิ ว่าวจุฬา ว่าวควาย และว่าปั๊กเป้า ออกมาสาธิตวิธีการทำว่าว ที่ใช้ไม้ไผ่ ไม้ลวก มาหลาวเป็นโครงโดยใช้เชือกขึงเป็นรูปร่าง ก่อนนำกระดาษแก้ว มาปะติดกับโครงว่าว ให้ผู้สื่อข่าวดู และสาธิตวิธีการชักว่าวแบบไทยๆ ที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จนกระทั่งติดลมบน โดยลมจะเป็นตัวบังคับว่าวให้ ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าโดยมีเชือกว่าวดึงรั้งไว้ และส่ายไปมาเป็นจังหวะตามกระแสลม

แต่ที่น่าสนใจจะมีว่าวตัวหนึ่ง มีขนาดใหญ่ความกว้างของตัวอกประมาณ 55 นิ้ว  ความสูง 58 นิ้ว เกือบเท่าคน และมีการเขียนข้อความบนตัวว่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า “ STOP WAR FOR PEACE” หมายถึง “ หยุดสงคราม เพื่อสันติภาพ” จากกรณีเกิดการณ์สู้รบระหว่าง รัฐเซีย – ยูเครน ทำให้ประชาชนที่อยู่ในภาวะสงครามได้รับความเดือดร้อน แม้แต่ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบ ด้านบนว่าวมีสีแดง ขาว น้ำเงิน เป็นสีธงชาติไทย ด้านล่างมีหางยาว โดยนายพันธุ์ แก้วนุ้ย เผยว่า การที่ตนเองประดิษฐ์ว่าวและเขียนข้อความดังกล่าว เพื่อต้องการสื่อความหมายอยากให้เกิดความสงบสุข และเพื่อโปรดหยุดสงครามเพื่อสันติภาพโลก เนื่องจากปัจจุบัน ชาวโลกก็มีความเดือดร้อน ทั้งในด้านความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และ ต้องมาเจอกับโควิด-19 อีก ตนจึงอยากสื่อแสดงออกผ่านตัวว่าวนี้ไปยังประชาคมโลก

โดยว่าว “STOP WAR FOR PEACE” นายพันธุ์ แก้วนุ้ย ได้นำชักขึ้นทะยานสู่ท้องฟ้าอย่างสวยงาม และ ขึ้นไปลอยโดดเด่นอยู่บนท้องฟ้าและติดลมบน ลอยอยู่บนท้องฟ้านานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนจะนำลงกลับสู่พื้นดินเวลา 23.00 น. ของวันเดียวกัน

นายพันธุ์ แก้วนุ้ย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้ทำว่าวเล่นมาทุกปี แต่ที่คิดทำแบบนี้เกิดจากความเป็นห่วงในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ที่มีภาวะสงครามเกิดขึ้นมา ประชาชนชาวโลกได้รับความเดือดร้อน จึงไม่อยากให้เกิดสงคราม และอยากรณรงค์ให้หยุดการสู้รบกัน จึงคิดไอเดียนี้ขึ้นมา มองว่าว่าวถือเป็นสื่อที่ดีแล้วในช่วงนี้ เพราะช่วงมีนาคม- เมษายน เป็นช่วงการเล่นว่าว เพื่ออยากสื่อความหมายให้ชาวโลกรู้ว่าเราอยากรักษาสันติภาพจะทำอย่างไร เลยมีแนวคิดทำว่าวเกิดขึ้นมาแบบนี้

สำหรับว่าวตัวนี้ทำโดยอาจารย์วีระ แจ่มใส อดีตข้าราชการบำนาญ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และผู้เชี่ยวชาญด้านการทำว่าวหลายชนิด เช่น ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวใบไม้  สำหรับคนเขียนข้อความ คือ อาจารย์ อุดม นิลรัตน์สุวรรณ อดีตข้าราชการบำนาญ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ส่วนคนติดกระดาษและคนนำว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นหน้าที่ตนเอง เพราะอยากอนุรักษ์ว่าวไทยโบราณไว้เพื่อสืบสานศิลปวัฒนธรรมของไทยให้อยู่คู่แผ่นดินไปนาน ๆ  ให้เด็กได้มีโอกาสได้รู้จักว่าวไทยมากขึ้น  เพราะปัจจุบันนี้เด็กหลายคนมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์มือถือ การเล่นเกม ไม่รู้จักว่าวไทย ก็อาจจะเลือนหายไป ไม่มีการสืบทอดอีก  ตอนนี้ได้เป็นมีโอกาสไปสอนนักเรียนที่โรงเรียนหลายแห่ง จากการสอบถามเด็กทราบว่าเด็กอยากเล่นว่าว อยากทำว่าวเพราะไม่เคยเล่นมาก่อน จึงมีโอกาสไปสอนเทคนิคการทำว่าวเบื้องต้นให้ เพื่อเด็กสามารถนำไปทำเล่น หรือ ทำเป็นอาชีพเสริมรายได้อีกทางหนึ่งด้วย