สัมภาษณ์พิเศษ "แรมโบ้อีสาน" นักปั้นนายกรัฐมนตรี

สัมภาษณ์พิเศษ "แรมโบ้อีสาน" นักปั้นนายกรัฐมนตรี

สัมภาษณ์พิเศษ "แรมโบ้อีสาน" นักปั้นนายกรัฐมนตรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"แรมโบ้ อีสาน" นักปั้นนายกรัฐมนตรี

เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าว Sanook News เปิดใจแบบหมดเปลือกถึงจุดยืนทางการเมืองและดราม่าตั้งแต่ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จนถึงการก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ

เส้นทางการเมือง "แรมโบ้ อีสาน" บุคคลที่ทักษิณควรสำนึกบุญคุณ

เสกสกล หรือ สุภรณ์ ส.ส. นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย องครักษ์รัฐบาลที่คอยลุกขึ้นประท้วงตอบโต้ฝ่ายค้าน หรือแม้กระทั่งตรวจสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติของผู้นำฝ่ายค้านในสมัยนั้น จนได้ฉายาว่าเป็น "แรมโบ้ อีสาน" คู่หู "อีโต้ อีสาน" หรือ ธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย

เส้นทางการเมืองของ เสกสกล เริ่มต้นจากการเป็นลูกข้าราชการ และชาวนา ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่มีใจรักในการทำกิจกรรมและการเมือง เป็นหัวหน้าห้อง ประธานนักเรียน จนมาถึงตอนเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ทำกิจกรรมการเมือง ออกเดินช่วยผู้สมัครผู้ว่า กทม. หรือ ส.ส. หาเสียงและปราศรัย ไม่ว่าใครจะมาชวนก็ไปช่วยหมด จนสุดท้ายได้มาทำงานเป็นผู้ช่วย ส.ส. ของ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา จนได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าพรรคกิจสังคม ต่อมาย้ายมาช่วยก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ ร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และร่วมอดข้าวประท้วงร่วมกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ต่อมา พล.อ.เชษฐา ฐานจาโร ผบ.ทบ. ในตอนนั้น ติดต่อให้ตนไปช่วยคนชื่อทักษิณ ชินวัตร ลงสมัคร ส.ส. ในนามของพรรคพลังธรรม เพราะตนเคยเป็นผู้ช่วย ส.ส. และรู้จักหัวคะแนน ตนก็ไปช่วยจนสุดท้าย ทักษิณ ชนะการเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. สมัยแรก แต่เขาก็ไม่ได้เรียกใช้งานอะไรต่อ จนปี 2539 ก็ตัดสินใจกลับบ้านไปลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไร่ชาวนาอีสานให้ดีขึ้น แต่ในการเลือกตั้งครั้งนั้นตนไม่ชนะ จึงตั้งใจเดินลงพื้นที่ตลอด จากโนเนมจนกลายเป็นที่รู้จัก คะแนนเริ่มแน่น ประกอบกับช่วงที่ทักษิณ ตั้งพรรคไทยรักไทย จึงให้คนมาติดต่อตนไปลง ส.ส. ในนามพรรคไทยรักไทย เพราะผลโพลพบว่าตนคะแนนเสียงดี และสุดท้ายก็ได้เป็น ส.ส. สมัยแรกในปี 2542 จึงถือว่าตนไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณทักษิณ แต่ทักษิณต่างหากที่เป็นหนี้บุญคุณตน

"เป็นนักปั้นอย่างที่น้องว่า เป็นนักปั้นมาหลายคนแล้ว เป็นผู้ช่วย ส.ส. มาหลายคนแล้ว ช่วยผู้ว่า กทม. อย่างท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็เคยช่วยมาแล้ว ดังนั้นเราไปลงเองดีกว่า...แล้วสรุปแล้วเนี่ย ถ้าผมไม่ดี เขาจะทาบผมไหม? ถ้าไม่ดี เขาจะไปจีบผมไหม ก็เพราะเสียงผมดีไงถึงไปจีบ จะมาบอกว่าเขามีพระคุณกับผมได้อย่างไร ก็ผมลงพรรคไหนผมก็ต้องชนะในวันนั้น...ไม่ใช่บอกทักษิณมีบุณคุณกับพี่ แต่พี่สิ ทักษิณต้องสำนึกในบุญคุณว่าพี่เคยช่วยให้ทักษิณเป็น ส.ส. สมัยแรก ในปี 2538 พรรคพลังธรรม เพราะพี่เป็นคนที่ช่ำชองพื้นที่นี้ แล้วพี่ก็เอาหัวคะแนนมาช่วย แล้วพี่ก็เอาทีมงานมาช่วยจนชนะ ถล่มทลาย" เสกสกล กล่าว

จากเพลงกตัญญูทักษิณ พลิกสู่เจ้าแม็กซ์ สุนัขแว้งกัดเจ้าของ?

หลังจาก โทนี่ วู้ดซัม ไลฟ์พูดคุยกับกลุ่ม "แคร์ คิด เคลื่อน ไทย" ในช่วงที่มีคนถามถึงเสกสกลที่ไปทำงานกับ พล.อ.ประยุท์ จันทร์โอชา และโทนี่ หรือทักษิณ ไม่ตอบคำถามโดยตรง แต่เล่าเรื่องสุนัข 50 ตัวที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มี 1 ตัวที่ชอบกัดเจ้าของชื่อ เจ้าแม็กซ์

เสกสกล กล่าวตอบความสีหน้าขึงขังว่า จริงๆ แล้วบ้านจันทร์ส่องหล้าไม่มีหมา และ โอ๊ค พานทองแท้ ก็ไม่เคยเลี้ยงหมา แต่ช่วงเวลานั้นมี ส.ส. ในบ้านจันทร์ส่องหล้า 50 คน จากกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มวังบันบาน, วังน้ำเย็น เป็นต้น ซึ่งตนมองว่าวิธีพูดจาดูถูกดูแคลนผู้แทนประชาชนว่าเป็นหมาในคอกของเขา เป็นสิ่งที่ไม่ควร ขณะเดียวกัน ถ้าจะเปรียบตนเป็นไอ้เจ้าแม็กซ์ ตนก็จะเปรียบกลับได้ว่าก็เจ้าแม็กซ์ตัวนี้แหละที่เคยทำให้ทักษิณเป็น ส.ส. สมัยแรก เป็นคนยกมือให้เจ้าของคอกหมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นกระบอกเสียง เป็นปากเป็นเสียง สู้ให้กับเจ้าของคอกหมาอย่างยาวนานร่วม 20 ปี แต่ตอนหลังไอ้เจ้าแม็กซ์มันฉลาด มันจับทางได้ว่าไอ้เจ้าของคอก ใช้ตนเป็นเครื่องมือ หาประโยชน์ให้กับครอบครัวและพวกพ้อง

"ไอ้เจ้าแม็กซ์คนนี้มันเคยยกมือให้เจ้าของคอกหมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วนะ ไอ้เจ้าแม็กซ์คนนี้ ตัวนี้มันเคยทำให้คุณทักษิณ เป็น ส.ส. สมัยแรกในปี 2538 ในนามพรรคพลังธรรมมาแล้วนะ และที่สำคัญที่สุดไอ้เจ้าแม็กซ์คนนี้มันเป็นกระบอกเสียง เป็นปากเป็นเสียง สู้ให้กับเจ้าของคอกหมาอย่างยาวนานร่วม 20 ปีนะ" เสกสกล กล่าวด้วยท่าทีขึงขัง

ขณะเดียวกัน เสกสกล เล่าว่าเพลงกตัญญูทักษิณ ตนไม่ได้เป็นคนแต่ง แต่เป็นการร้องเพลงบนเวทีให้แฟนเสื้อแดงที่มาชุมนุมฟัง ตอนนั้นตนไม่รู้ความจริง แต่เมื่อตนรู้ความจริง โดยเฉพาะเรื่องคดีทุจริตจำนำข้าว ตนรู้สึกเจ็บปวด เพราะพ่อแม่พี่น้องของตนก็เป็นชาวนา แถมยังออกกฎหมายมาเอื้อประโยชน์ให้พี่น้องตัวเอง ตนรู้สึกทุกข์ที่เหมือนร่วมกับเขาไปทำบาปทำกรรม ให้มาโกงเกษตรกรชาวนา เป็นตราบาปที่ทำให้เขาเข้าสู่อำนาจและกอบโกยประโยชน์ จึงตัดสินใจแล้วว่าอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพลงที่เคยร้องลบทิ้งเมื่อไรก็ได้ แต่ความเสียหายต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน ต่อชาวไร่ชาวนา มันมากมายมหาศาล

"บอกตรงๆ นะ อันนี้พูดจากใจจริงเลยนะ พี่เป็นคนรักใครรักจริง วันหนึ่งพี่เคยทำงานให้กับทักษิณกับยิ่งลักษณ์ พอทำไปแล้วเราก็รักเขานะ แต่ทำไปแล้วเขาไม่ได้รักประชาชนหรือรักพวกเรา แต่เขารักแต่ผลประโยชน์ตัวเอง" เสกสกล กล่าวทิ้งท้าย

ลมหายใจคือปกป้องสถาบัน ขอสร้างบ้านให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

วันนี้ลมหายใจเข้าออกของตนมีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องที่หนึ่งคือการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนพร้อมถวายชีพพลี เรื่องที่สอง ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่คอร์รัปชั่น ไม่โกง ไม่กิน ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่คิดเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของครอบครัว วงศ์ตระกูล และคนนั้นตนยังมองไม่เห็นว่าคนที่ทำได้ดีคือคนอื่น นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมยืนยันว่าไม่มีโปรโมชั่นย้ายค่าย เพื่อผ่อนผันคดีความตอนเป็นแกนนำเสื้อแดงของตน

ตนมาทำงานสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ คนใจซื่อมือสะอาด ไม่มีประวัติด่างพร้อย เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่เคยคิดกู้มาโกง มีแต่กู้มาเยียวยา หรือว่าช่วยเหลือทุกอย่างไปสู่การแก้ปัญหาความเดือดร้อนในภาวะวิกฤติโควิด แม้ว่าหน้าที่ของตนจะเหมือนกับสายล่อฟ้า ต้องช่วยรับคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม แต่ตนมองว่าท่านเป็นคนดี การที่ตนอยู่ตรงนี้จึงเป็นโอกาสที่พี่สร้างความดีทดแทนคุณแผ่นดิน และตนอยากสนับสนุนให้ท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย จนถึงปี 2570 เพื่อประเทศชาติ ซึ่งแนวทางที่เหมาะสมที่สุดคือการลงมาเป็นแม่ทัพนำพรรคการเมืองเอง เพื่อความง่ายต่อการประชาสัมพันธ์นโยบายและหาเสียง

ส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับความนิยมจากคนไทยทั้งประเทศ แม้กระทั่งจังหวัดอุดรธานีที่เคยเห็นเมืองหลวงเสื้อแดง ตนก็ได้เปลี่ยนหมู่บ้านเสื้อแดงให้กลายมาเป็นหมู่บ้านปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ช่วยรัฐทำงาน และตอนที่ท่านไปลงพื้นที่ คนอุดรฯ ก็มาต้อนรับท่านมากมายกว่า 2,000 คน ซึ่งถ้าไม่มีสถานการณ์โควิด ตนเชื่อว่าจะมีชาวบ้านมาต้อนรับอีกเป็นหมื่นคน ประกอบกับผลการสำรวจความเห็นต่างๆ ก็ยังมีประชาชนสนับสนุนให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจำนวนมาก ในมุมมองของตนจึงเห็นว่าหากพรรคพลังประชารัฐยังเป็นบ้านที่แข็งแรงไม่ทรุดโทรม ตนก็พร้อมสนับสนุน และพรรครวมไทยสร้างชาติจะพร้อมเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงที่สนับสนุนให้ท่านเป็นายกรัฐมนตรีต่อ แต่มีข้อแม้คือต้องเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียวเท่านั้น

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติก็พร้อมจะเป็นบ้านสำรองให้กรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เช่น พรรคพลังประชารัฐถูกยุบ เป็นต้น พรรคนี้ก็พร้อมจะเป็นฐานให้ แต่ตอนนี้ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่มาร่วมพรรคมากมาย ตามที่เป็นข่าว เช่น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และยังมีเซอร์ไพรส์อีกมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องของผู้หลักผู้ใหญ่จะคุยกันต่อไป ตนเป็นเพียงแค่หัวหน้าคนงานคุมการก่อสร้างบ้านหลังนี้ ให้คนที่เหมาะสมอยู่ แต่ไม่ใช่เจ้าของบ้าน

"ถึงพี่จะสร้างบ้านแต่ไม่ใช่ว่าพรรคนี้เป็นของพี่ พี่บอกว่าพี่แค่เหมือนคนมาขุดหลุมเป็นหัวหน้าคนงาน พี่จะอยู่ฉากหลัง บ้านที่ชื่อว่ารวมไทยสร้างชาติ เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งสำหรับท่านที่จะให้ท่าก้าวสู่บันไดในการเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย" เสกสกล กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook