เผยผลสอบสั่งพักราชการ เสธ.แดง ไม่หยุดป่วน-หมิ่นผบ.!!!
โฆษกกลาโหม พร้อมส่งผลสอบให้กรมพระธรรมนูญดูก่อนรมต.ชี้ความผิด ข้อบังคับกห.มีช่องเอาโทษพักราชการ-ตัดเงิน-ให้ออก
รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า หลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนความผิดทางวินัย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก โดยมี พล.ท. มาโนช เปรมวงศ์ศิริ รองเสนาธิการทหารบก เป็นประธาน และมีการตั้งกรอบความผิดไว้ 2 ข้อ คือ 1.การหนีราชการไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.การให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งในระหว่างการสอบสวนได้เรียก พล.ต.ขัตติยะ มารับทราบ และกำชับให้หยุดการให้สัมภาษณ์ที่ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา และหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกอย่าง ซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ รับปากที่จะหยุดการเคลื่อนไหว แต่พล.ต.ขัตติยะ กลับยังดำเนินการตามเดิม คือ นำอดีตทหารพรานมาร่วมชุมนุม ซึ่งถือเป็นสิ่งไม่เหมาะสม เพราะยิ่งทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และทำให้สถานการณ์บ้านเมืองบานปลาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางคณะกรรมการสอบสวน จึงมีมติเสนอถึงพล.อ.อนุพงษ์ ให้พักราชการพล.ต.ขัตติยะ ฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ซึ่งกองทัพบกได้ส่งเรื่องผ่านไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นผู้พิจารณาต่อไป นอกจากนี้ทางทางศาลทหารจะมีการพิจารณาถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งหากศาลทหารพิจารณาว่า มีความผิดอาจถึงขั้นไล่ออกจากราชการ เนื่องจากถือว่า เป็นทหารระดับนายพล แต่ปฏิบัติตัวไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดวินัยอย่างร้ายแรง
แหล่งข่าวกองทัพบก เปิดเผยว่า ในการนำอดีตทหารพรานมาแถลงข่าว เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ขัตติยะนำอดีตทหารพรานมาเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่จะนำคนเสื้อแดงมาแต่งชุดทหารพรานแล้วมาแถลงข่าว ซึ่งการกระทำดังกล่าว นายทหารชั้นผู้ใหญ่ติดตามการเคลื่อนไหวตลอด เพราะถือเป็นการกระทำที่ปลุกระดมให้ต่อต้านรัฐบาล และกองทัพ จึงพิจารณาเห็นสมควรที่จะลงโทษพล.ต.ขัตติยะ อย่างไรก็ตามการตัดสินขึ้นอยู่กับรมว.กลาโหม เพราะกองทัพบกเพียงเสนอแนวความคิดเท่านั้น เพราะข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมที่จะสั่งพักราชการนายทหารชั้นสัญญาบัตรนั้น รมว.กลาโหมจะต้องเป็นผู้สั่งการโดยตรง
ต่อไปนี้ เป็นข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ. 2528 มีรายละเอียด ดังนี้
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขปรับปรุงข้อบังคับเกี่ยวกับการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงออกข้อบังคับไว้ดังต้งต่อไปนี้
ข้อ 1. ข้อบังคับนี้เรียกว่า "ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ พ.ศ. 2528"
ข้อ 2. ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข้อ 3. ให้ยกเลิก
3.1 ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการสั่งให้ทหารประจำการพักราชการ พ.ศ. 2500
3.2 ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการสั่งให้ทหารประจำการพักราชการ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2504
3.3 ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการสั่งให้ทหารประจำการพักราชการ (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2504
3.4 ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการสั่งให้ทหารประจำการพักราชการ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2519
บรรดาข้อบังคับระเบียบ และคำสั่งอื่นในส่วนที่มีกำหนดไว้แล้วในข้อบังคับนี้ หรือซึ่งขัดแย้งกับข้อบังคับนี้ให้ใช้ข้อบังคั้บนี้แทน
ข้อ 4. ให้ข้อบังคับนี้ "ข้าราชการทหาร" หมายถึงข้าราชการทหาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521
ข้อ 5. ข้าราชการทหารผู้ใดถูกฟ้องคดีอาญา หรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา เว้นแต่ความผิดลหุโทษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือมีกรณีที่ต้องหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถูกสอบสวนเพื่อลงทัณฑ์สถานหลัก ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นว่าจะให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการระหว่างพิจารณาหรือสอบสวน จะเป็นการเสียหายแก่ราการ ก็ให้สั่งพักราชการตั้งแต่วันที่ออกคำสั่งนั้น
ข้อ 6. ผู้มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการคือ
6.1 ข้าราชการทหารต่ำกว่าชั้นสัญญาบัตร ให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งบรรจุเป็นผู้สั่งการ
6.2 ข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้สั่ง
ข้อ 7 การให้พักราชการนั้นให้พักตลอดเวลาที่คดียังไม่ถึงที่สุด หรือตลอดเวลาที่สอบสวนพิจารณา เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว หรือสอบสวนพิจารณาเสร็จแล้ว
7.1 ถ้าปรากฎว่าผู้สั่งให้พักราชการมิได้กระทำความผิด และไม่มีมลทินหรือมัวหมองเลย ผู้บังคับบัญชาที่สั่งพักราชการต้องสั่งให้ผู้นั้นกลับคืนตำแหน่งเดิม หรือเทียบเท่าตั้งแต่วันที่สั่งพักราชการ
7.2 แม้ไม่ได้ความว่าผู้ถูกสั่งให้พักราชการได้กระทำความผิด แต่ก็มีมลทิน หรือมัวหมองอยู่ ผู้บังคับบัญชาที่สั่งพักจะสั่งให้กลับเข้ารับราชการหรือให้ออกจากราชการก็ได้ แต่ต้องสั่งให้กลับเข้ารับราชการหรือออกจากราชการตั้งแต่วันที่ออกคำสั่งนั้น
7.3 ถ้าปรากฎว่าผู้ถูกสั่งให้พักราชการได้กระทำความผิดให้ผู้บังคับบัญชาที่สั่งพักราชการปฏิบัติดังนี้
7.3.1 ถ้าสั่งให้ออกจากราชการโดยไม่มีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญให้สั่งให้ออกตั้งแต่วันที่สั่งพักราชการ
7.3.2 ถ้าสั่งให้ออกจากราชการ โดยมีเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญให้สังให้ออกตั้งแต่ออกคำสั่ง
ในกรณีที่ปรากฎว่าผู้ถูกสั่งให้พักราชการได้กระทำความผิด แต่ศาลรอการกำหนดโทษ หรือ กำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ หรือลงโทษจำคุก และปรับแต่โทษจำคุกให้ยก หรือลงโทษจำคุก และปรับแต่โทษจำคุกให้รอการลงฮทษไว้ หรือลงโทษสถานเดียว หรือผู้บังคับบัญชาสั่งใหลงทัณฑ์ทางวินัย และความผิดนั้นไม่เกี่ยวกับการทุจริตต่อผลประโยชน์ทางราชการ ผู้บังคับบัญชาที่สั่งพักราชการจะสั่งให้กลับเข้ารับราชการ หรือให้ออกจากราชการตามความในข้อ 7.2 ก็ได้
ข้อ 8. เงินเดือน และเงินเพิ่มที่จ่ายเป็นรายเดือนของผู้ที่ถูกสั่งให้พักราชการ ให้ถือปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยตัด งด และ จ่ายเงินรายเดือน และให้ผู้บังคับบัญชาตามหน้าที่กำหนดไว้ในข้อ 6 สั่งจ่าย หรืองดจ่ายแล้วแต่กรณี
ประจำ ณ วันที่ 21 ก.ค. พ.ค. 2528
ลงชื่อ พล.อ.ป. ติณสูลานนท์ (เปรม ติณสูลานนท์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
หมายเหตุ หลักการ และเหตุผลในการประกาศใช้อข้อบังคับนี้ แก้ไขปรับปรุงข้อบังคับเกี่ยวกับการสั่งให้ข้าราชการทหารพักราชการ เพื่อให้มีความรัดกุมและสะดวกต่อการใช้ปฏิบัติราชการยิ่งขึ้น รวมทั้งแก้ไขเกี่ยวกับรูปแบบของข้อบังคับให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.2526
โฆษกกลาโหม พร้อมส่งให้นายทหารพระธรรมนูญ
พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า กองทัพบกส่งผลการสอบสวนทางวินัย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ว่า จากการตรวจสอบขณะนี้กระทรวงกลาโหมยังไม่ได้รับผลการสอบสวนดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างการเดินทางของเอกสารที่จะต้องเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา
ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกองบัญชาการกองทัพไทย จากนั้นจึงจะส่งมายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามลำดับ ซึ่งการพิจารณาจะเป็นไปตามขั้นตอน
"การดำเนินการไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อผลการสอบส่งมาถึง ก็ต้องพิจารณาว่ากองทัพบกสรุปผลสอบอย่างไร หากมีความเกี่ยวข้องในแง่มุมกฎหมาย จะส่งต่อให้กรมพระธรรมนูญดูในรายละเอียด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการพิจารณา" โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว