"ชัยวุฒิ" เผยดินเนอร์พรรคร่วมฯ เย็นนี้ ปัดเช็กเสียงก่อนยุบสภา มั่นใจอยู่ครบเทอม
"ชัยวุฒิ" เผยนัดรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงเย็นวันนี้ เชื่อรัฐบาลอยู่ครบเทอม ปรามโลกโซเชียลหยุดทำสังคมสับสนในคดีแตงโม
วันนี้ (8 มี.ค.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นัดรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงเย็นวันนี้ เป็นเพราะพรรคพลังประชารัฐจะถูกลอยแพหรือไม่ว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่มีใครมาลอยแพได้ แต่เรื่องนัดรับประทานอาหารและการพูดคุยกันนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคและแกนนำ
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้พูดคุยรับฟังปัญหา รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้รัฐบาลทำงานได้ราบรื่นในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ซึ่งในอดีตก็มีการพูดคุยกันตลอด ส่วนที่มีเพียงหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคนั้น คิดว่าเป็นเรื่องของการจำกัดจำนวนคน เพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
ส่วนนอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์แล้วจะถือเป็นการเช็กเสียงก่อนเปิดประชุมสภาฯ ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เป็นกระแสของคนที่คิดต่าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่พรรคร่วมรัฐบาลมีการพูดคุยกันตลอดอยู่แล้ว ดังนั้น จึงมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม
"เรื่องยุบสภาคงไม่มี เป็นเพียงการคาดการณ์ของคนบางคน จากการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก็ยืนยันว่าจะทำงานขับเคลื่อนและอยู่ครบเทอม" นายชัยวุฒิ กล่าว
ส่วนกรณีการสนับสนุน นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น นายชัยวุฒิ ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐยังไม่มีมติในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าคงจะมีการหารือ เพราะกำลังจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในเร็วๆ นี้ ซึ่งกรุงเทพฯ ถือเป็นพื้นที่สำคัญของพรรคพลังประชารัฐ
ปรามโซเชียลหยุดทำสังคมสับสนคดีแตงโม มั่นใจตำรวจมีข้อมูลชัดเจน
นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึงคดี "แตงโม นิดา" ดาราสาวชื่อดังที่เสียชีวิตจากการพลัดตกเรือสปีดโบ๊ท ที่ขณะนี้มีข้อมูลมากมายจากโซเชียลมีเดียจนทำให้สังคมสับสน ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงดีอีเอสจะมีการกำชับอย่างไร ว่า ตนอยากให้คนใช้โซเชียลมีเดียด้วยความระมัดระวัง เพราะข้อมูลบางอย่างพูดไปมีผลในทางลบกับผู้เสียหายหรือผู้เกี่ยวข้องได้ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดีกว่า ซึ่งเท่าที่ติดตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานความคืบหน้าตลอด จึงเชื่อว่าข้อมูลชัดเจนไม่น่ามีปัญหา