"ทนายเดชา" ลั่น "ปอ-โรเบิร์ต" บวชไม่ได้ -"อ้วน รีเทิร์น" ขอความยุติธรรมให้ "แตงโม"
ยังคงเกาะติดประเด็นการเสียชีวิตของนักแสดงสาว แตงโม นิดา ที่พลัดตกเรือสปีดโบ๊ทเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แถมชาวโซเชียลยังมีประเด็นใหม่ผุดขึ้นมาทุกวัน และล่าสุด ปอ กับ โรเบิร์ต 2 คนใน 5 คนที่อยู่บนเรือในวันที่สาวแตงโมเสียชีวิตได้ติดต่อวัดดังเพื่อต้องการบวชให้นักแสดงสาว
ล่าสุด ทนายเดชา และ อ้วน รีเทิร์น คนที่สาวแตงโมสนิทและเรียกว่าคุณแม่มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง วัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เห็นข้อความนี้จากคุณแม่ทนายเดชาว่ายังไง?
ทนายเดชา : "ตามนั้นแหละครับคุณแม่ เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะว่าลูกความเขาจะจ้างใครเป็นทนายความมันต้องมีการแต่งตั้ง คนที่ไม่ได้แต่งตั้ง พูดง่ายๆ อย่างตั้ม ก็ไม่ต้องไปเผือก"
ทนายตั้มมาเมื่อวานบอกอย่าให้โดนเท แต่ตกดึกโดนเท ทนายเดชามาวันนี้จะโดนเทด้วยไหม?
ทนายเดชา : "ส่วนใหญ่ผมชื่นชมคุณแม่ตลอด โดยเฉพาะเทคนิกการเรียกค่าเสียหาย แกมีเทคนิกดี"
ถ้าทนายคนอื่นมีใจอยากมาช่วยเรื่องคดีความจะทำได้ไหม นอกเหนือจากทนายเดชาแล้ว?
ทนายเดชา : "คือการเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับคดีเนี่ย หมายถึงไปในฐานะตัวแทน หรือไปแทรกแซงการทำงานของทนายกฤษณะอันนี้ทำไม่ได้ มันผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ แต่อย่างผม ผมเป็นคนคนหนึ่งในสังคมที่มีข้อมูลเอาไปส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนได้ ถ้าเป็นประโยชน์กับคดีนะ"
ถ้าพี่อ้วนเป็นทนายวันนี้อยากเข้าไปช่วยไหม?
อ้วน : "อยากสิ เชื่อว่าคนไทยไม่ว่าเป็นอาชีพอะไรก็ตามแต่น่าจะอยากเข้าไปช่วยแตงโมกันทุกคน แต่ว่าเข้าไปต้องข้อมูลที่ถูกต้องด้วยจะได้ไม่โดนคุณแม่เขาพูดอะไรที่ทำให้เสียใจ แต่ทีนี้พอเข้าไปช่วยเสร็จปุ๊บหลายคนก็หอน ตรงนี้มันก็ทำให้คนที่อยากจะเข้าไปช่วยจริงๆ เหมือนกลายเป็นคนเผือก เขาก็ถอยออกมา เพราะฉะนั้นอะไรก็แล้วแต่คิดว่าอยากช่วยแตงโม แล้วอะไรที่มีประโยชน์ทำเลย ไม่ต้องไปไว้หน้าใคร"
นายตั้มบอกว่าทนายที่แม่ได้ มาจากคนที่แม่รัก แม่ปลื้ม?
ทนายเดชา : "ไม่ทราบหรอกครับว่ามาจากไหน แต่เท่าที่ทราบมาเนี่ย คุณแม่พูดหลายรายการ ช่อง 9 อีจัน ก็พูด ทำนองว่ามีตำรวจแนะนำ ทำนองอย่างนั้นนะซึ่งจริงเท็จยังไงเราไม่ทราบ แต่ฝากไปยังพนักงานสอบสวนนะ ต้องเป็นกลางนะ คุณมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน แล้วพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ไม่ใช่มีหน้าที่จัดหาทนายนะ"
ในมุมของทนายคิดว่าคดีนี้พนักงานสืบสวนเป็นกลางไหม?
ทนายเดชา : "ผมว่าอ่านคอมเมนต์ในโซเชียลก็รู้นะ กลางดวงใจใครหรือเปล่า คำว่ากลางมันกลางหลายอย่างนะ"
ทนายเดชา : "ถ้าเขาทำในสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง มันไม่เป็นความจริงก็ต้องมีความผิด เป็นตำรวจก็ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ"
คำถามคือใครจะไปเอาผิด คือสมมติว่าถ้าประชาชนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมและไม่เป็นกลาง แล้วใครจะไปเอาผิด?
ทนายเดชา : "เราก็แสดงความคิดเห็นทางโซเชียล แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตได้ ให้สื่อต่างๆ แต่ละช่องกดดัน"
แสดงว่าโซเชียลห้ามแผ่ว?
ทนายเดชา : "แผ่วไม่ได้ ถ้าไม่มีโซเชียลคดีนี้จบไปแล้ว"
แสดงว่าทนายคิดว่าเสียงของโซเชียลมาแรงกว่าเสียงของเหตุการณ์จริง?
ทนายเดชา : "มีคดีไหนบ้างล่ะที่พวกเราไม่ด่าแล้วเจ้าหน้าที่ทำงานบ้าง คดี ผผก.โจ้ จำได้ไหม ผมเนี่ยเปิดประเด็น ตั้มเอาคลิปมาปล่อย ถ้าเกิดตั้มไม่เอาคลิปมาปล่อย ตำรวจจะออกหมายจับไหม ทั้งๆ ที่เรื่องเกิดมาตั้งนานแล้ว"
ถ้าสุดท้ายคุณแม่เขาไม่ติดใจเอาความ มันก็เอาผิดใครไม่ได้?
ทนายเดชา : "ผมเคยพูดทุกรายการว่าคดีนี้มันเป็นทฤษฎีสมคบคิด ต่อมาก็สมยอม มันก็เลยจบไง เพราะคดีนี้เราจะไปกล่าวหาใครว่าประมาทเป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ความตาย เราต้องมีพยานหลักฐานพิสูจน์ ก็ในเมื่อคนที่อยู่บนเรือ 5 คน มันไปคุยกันที่ปั๊มน้ำมันมันก็จบแล้ว"
ที่พวกเราตามๆ กัน เราก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน?
ทนายเดชา : "ก็เป็นอุบัติเหตุจะมีเรื่องอะไรล่ะ ก็จบแล้ว แต่ว่าคำถามมันเยอะ แล้วคนก็ด่าตำรวจทุกวันๆ เช้า กลางวัน เย็น ตำรวจก็เลยต้องมาแถลงรายวัน บางคนก็มาตั้งคำถาม แถลงรายวัน โกหกรายวันหรือไม่ เราตั้งคำถามไม่มีความผิด เพราะคนเริ่มสงสัย ถามอะไรก็ความลับในสำนวน"
มันมีบางคนออกมาบอกว่าเรื่องราวมันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ มันมากกว่านั้น คนสองคนที่ออกมาพูดทางโซเชียลเขาไม่มีเสียงอะไรเลยเหรอไม่สามารถทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอา 2 คนนั้นมาพิสูจน์ความจริงได้เลยเหรอ?
ทนายเดชา : "ทุกวันนี้คดีแตงโม พยานหลักฐานมีแค่บนเรือ แล้วพวกที่เกี่ยวข้องก็มี 5 คนที่เมาไวท์อยู่นั้นแหละ แต่ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่คดีนี้ก็สามารถรื้อได้"
กฟผ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิต เขาอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำไมไม่เห็นมีใครเอากล้องวงจรปิดตรงนี้ออกมาเลย?
ทนายเดชา : "อยู่เฉยๆ สบายดีกว่าไหม คนส่วนใหญ่ในสังคมเราเป็นอย่างนั้น"
ซึ่งมันไม่น่ามีแค่ตัวเดียวนะ มีใครสงสัยตรงนี้ไหม?
ทนายเดชา : "ความละเอียดก็สูง"
พีเค : "พี่ว่าถ้าเขามี แล้วเขาช่วยเคสได้ เขาคงเอาออกมาแล้วล่ะ หรือเขาไปสแกนแล้วไม่มี หรืออย่างทนายเดชาบอก อยู่เฉยๆ สบายกว่า"
อ้วน : "สมมติว่าการที่เรารู้ความจริง แล้วเราปล่อยให้คนอื่นออกมาโกหกสังคม คนที่รู้ความจริงแล้วมีหลักฐานชีวิตจะมีความสุขเหรอ"
ทนายเดชา : "ทุกวันนี้สังคมตัวใครตัวมันนะ เราไม่สามารถจะพึ่งอะไรใครได้ ถ้าเรารวยก็วิ่งทางด่วน จนก็วิ่งข้างล่าง ทุกวันนี้ประเทศเราเป็นอย่างนั้น หมูแพงก็ไปกินไก่ ทุกคนก็เอาตัวรอดกัน"
ที่พี่ชายแตงโมเปลี่ยนคิดว่าเขาถูกกดดันทางฝั่งแม่ไหม?
ทนายเดชา : "ถ้าถามผมมันก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว อย่างที่ตั้มเขาบอกเลือดเข้มกว่าน้ำ แต่ถ้าถามว่าถ้าตั้มอยากจะช่วยพิสูจน์ความจริงต่อไป ก็ไม่ต้องพักหรอกวันนี้ก็เดินหน้าต่อเลย มีหลักฐานก็ไปส่งตำรวจไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่ต้องไปสนใจ เราไม่ต้องเป็นทนายของใครหรอก เรามีหลักฐานก็ไปส่งมอบพนักงานสอบสวน ทำได้เลย ถ้าตั้มฟังอยู่"
แล้วตอนนี้ทนายเดชามีหลักฐานอะไรบ้างที่มีข้อมูลแล้วพอจะเปิดเผยและส่งมอบพนักงานสอบสวนไปเรียบร้อยแล้ว?
ทนายเดชา : "ผมไม่ได้อยู่บนเรือนิครับ ผมไม่มี แต่ใครที่มีคลิปมีอะไรก็สามารถไปส่งพนักงานสอบสวนได้เลย แต่อย่าลืมก๊อปไว้ชุดนึง เผื่อเกิดหลักฐานหาย"
ทนายเดชาจะร่วมพิสูจน์ความจริงกับเขาด้วยไหม?
ทนายเดชา : "ยินดีครับ ถ้ามีหลักฐานจริงนะ ไม่ใช่ตัดต่อ พวกที่โพสต์ๆ แชร์ๆ เขาเรียกไปสอบสวนตั้ง 60 คนแล้ว เมื่อกี้ผมคุยกับเพื่อนที่เป็นนักข่าวอาชญากรรม พอหลังจากนี้เดี๋ยวเขาจะดำเนินคดีกับพวกนี้ ที่บอกว่ามีคนนั้น คนนี้ ที่มันไม่จริงเนี่ย ที่เขาเรียกไปสอบสวนเนี่ย เขาไม่ได้ให้เกียรตินะ ตอนแรกๆ คุณจะเป็นพยานก่อน หลังจากนั้นคุณจะเป็นผู้ต้องหา"
ที่เรียกไปสอบสวนทั้งหมด 65 คน?
ทนายเดชา : "ใช่ครับ"
มีการเรียกสอบสวนบรรดาคนรถทั้งหลายของคนที่อยู่บนเรือหรือเปล่า?
ทนายเดชา : "อันนั้นส่วนนึงครับ แล้วพวกที่ชอบโพสต์ ชอบแชร์ สัมภาษณ์ตามสื่ออะไรพวกนี้"
แสดงว่าคนรถแต่ละคนถูกเรียกสอบสวนแล้ว?
ทนายเดชา : "หมดครับ แล้วร้านอาหาร 3 ที่ แล้วที่ปั๊มน้ำมันที่ไปนั่งสุมหัวกัน แล้วร้านอาหารอิตาเลี่ยน ที่สุขุมวิท แล้วร้าน ม.ที่ราชพฤกษ 3 ร้านนี้เขาไปเก็บกล้องวงจรปิดมาแล้ว เรียกคนในร้านมาสอบ รู้เลยว่าไปคุยกับทนายชื่ออะไร เขามีครบหมดแล้ว"
สิ่งที่ไปเก็บจากตรงนั้น ตรงนี้ แต่สิ่งเดียวที่ตอบได้คือเหตุการณ์บนเรือ?
ทนายเดชา : "ใช่"
ซึ่งมันมีแค่ 5 คนเท่านั้น?
ทนายเดชา : "ก็ทำให้มันครบ ประชาชนสงสัย ตำรวจก็สงสัย ดังนั้นประชาชนสงสัยอะไร ตำรวจก็เรียกมาสอบหมด แต่ถามว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีไหม พยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีคือก่อนเกิดเหตุกับหลังเกิดเหตุอันนี้สำคัญ"
ที่บอกว่าไปเจอแก้วไวน์
ทนายเดชา : "อันนี้อาจจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าเมา เมาเพื่อเสริมความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพราะขับเรือเมาแล้วขับมันไม่มีกฎหมาย มันมีเฉพาะทางบก"
ข่าวทั้งหมดที่ออกมาตั้งแต่แตงโมเสียชีวิตไปจนถึงตอนนี้ข่าวที่เราเห็น 100% กี่เปอร์เซ็นต์คือเฟคนิวส์?
ทนายเดชา : "ผมว่าครึ่งนึงนะ มันต้องมีสติ ควรจะฟังข่าวสารที่เป็นสำนักข่าวนะ ที่เขามีสังกัด ช่องดังๆ เขายังมีเกียรติมีอะไร"
อ้วน : "ที่ทนายตั้มโดนพี่ชายคนละพ่อของแตงโมเท ถ้าเกิดคนละพ่อกัน พี่ชายของแตงโมจะเป็นผู้เสียหายแล้วออกมาร้องทุกข์แทนคุณแม่ได้ไหม?"
ทนายเดชา : "พอแตงโมตาย คนที่มีอำนาจจัดการแทน ผู้เสียหายตามกฎหมายเนี่ย คือบุพการี ก็คือแม่คนเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องทรัพย์มรดกคนที่เป็นทายาทก็มีคุณแม่อยู่คนเดียว สรุปง่ายๆ เกมนี้คุณแม่เป็นทุกอย่างเลย ส่วนตัวพี่ชายเนี่ยไม่ใช่ทายาทและไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีเลย ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย แต่ถ้าเขาจะเอาหลักฐานไปให้ก็ทำได้ในฐานะประชาชนคนนึง เขาไม่ใช่ผู้เสียหายทางอาญา ไม่ใช่ผู้มีอำนาจจัดการแทน แล้วไม่ใช่ทายาท ไม่ใช่อะไรสักอย่างเลย"
แสดงว่าผู้เสียหายตอนนี้คือคุณแม่แค่คนเดียว ถ้าคุณแม่ยอมความเท่ากับว่าที่เราและชาวโซเชียลทำมาทั้งหมดคือสูญเปล่า?
ทนายเดชา : "เรื่องอะไรต่างๆ มันก็จะจบ ตำรวจก็มีสิทธิ์ดำเนินคดีต่อไป ส่วนคุณแม่เท่าที่ฟังข่าว ผมเข้าใจว่า คุณแม่ไม่ค่อยติดใจเรื่องสาเหตุการตายสักเท่าไหร่ แล้วก็ได้ให้อภัยไป 100% แล้ว คุณแม่อาจจะติดใจเรื่องอื่นก็ได้ เรื่องค่าปลงศพ ถ้าเกิดมาขอโทษทำบุญ ทำทาน โทรศัพท์มาร้องไห้กับคุณแม่ทุกวัน คุณแม่อาจจะมีความรู้สึกว่าเขาสำนึกแล้วก็เป็นไปได้ แล้วเหตุการณ์ก็ไม่ได้เกิดจากเจตนาเท่าที่ฟังนะ"
พี่อ้วนสนิทกับแตงโมมาก ถ้าแม่เขาโอเคทุกอย่างโดยไม่ติดใจการเสียชีวิต พี่อ้วนโอเคไหม?
อ้วน : "ฉันไม่โอเคนะ การที่แตงโมเสียชีวิตไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้แตงโมตาย ด้วยความเป็นแม่จะต้องหาความจริงให้มันถึงที่สุด เพื่อจะได้พิสูจน์รู้ ไม่อย่างนั้นจะตายตาหลับเหรอลูกคนนึงตายไป แล้วไม่อยากพิสูจน์ความจริง แล้วเราจะมีชีวิตได้ยังไงถ้าเราไม่รู้ถึงสาเหตุการตายของลูกตัวเอง"
แตงโมเรียกแม่อ้วนว่าแม่ ความรู้สึกในใจเราลึกๆ เลย อยากให้รูปคดีมันเป็นยังไง?
อ้วน : "อยากให้ออกมาถูกต้อง มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ หรือมันอาจจะมีเงื่อนงำอะไรที่ทำให้โมตายไป เชื่อว่าทุกคนในประเทศไทยรับได้ มนุษย์มันต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่มันจะต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าตายเพราะอะไร เป็นอะไรถึงตาย เมา หรือว่ามีอุบัติเหตุ หรือว่าความสะเพร่าอะไรตรงนั้น มันต้องรู้สิ ถ้าไม่รู้เลยเนี่ย แตงโมคือมนุษย์นะ จะไม่รู้ได้ยังไง เราอยากจะรู้ความจริงว่ามันเป็นอะไร"
ทนายเดชา : "บอกไม่ได้ความลับในสำนวน ปกปิดไว้ก่อน เพราะผู้ต้องหาทุกคนยังปฏิเสธอยู่ ไม่มีใครยอมรับสารภาพเลยนะ"
อ้วน : "ฉันว่าการโยนแก้วไวท์ หรือโยนอะไรต่ออะไรซึ่งเป็นหลักฐานทิ้ง มันก็บ่งบอกถึงเจตนาที่จะปิดบังอะไรแล้ว"
ทนายเดชา : "ไม่อยากให้รู้ว่ากินไปกี่ขวด"
อ้วน : "ถ้าทุกอย่างเป็นความจริงก็ไม่ควรปิดบังตั้งแต่แรก"
ทนายเดชา : "กลัวเมียรู้หรือเปล่า มาแล้วไม่ได้บอกเมียไง"
อ้วน : "ถ้าเกิดว่ากลัวว่าใครจะรู้ว่าทำไม่ดี ก็อย่าทำอะไรเลวๆ สิ"
ถ้าสมมติแม่แตงโมดูอยู่พี่อยากจะบอกอะไรแม่?
อ้วน : "อะไรก็แล้วแต่ถ้าเกิดมันเป็นความยุติธรรมของลูกสาวตัวเอง ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่จะเข้ามาช่วยฉันจะปล่อย ปล่อยให้ความจริงมันปรากฏ ถ้าสมมติว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ แล้วมีสิทธิ์ใครที่อยากมาช่วยลูกสาวฉันเพื่อความบริสุทธิ์ ฉันจะปล่อยให้เขาทำ เพราะว่าทุกคนที่เข้ามาช่วยแตงโมเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ทุกคนเข้ามาด้วยความรัก แล้วถ้ามันจะจบด้วยทุกคนกลายไปเป็นหมา ฉันว่ามันไม่ยุติธรรมกับคนที่รักแตงโม พี่อ้วนไม่ได้มองว่าใครโกหกหรือไม่โกหก แต่มองว่ามันเหมือนความจริงยังไม่เปิดออกมาทุกมุม เพราะถ้าคุณไม่เปิดเผยความจริง ไอ้ความลับจะเป็นบาดแผลในใจคุณไปตลอดชีวิต คุณจะมีความสุขไหม ถ้าเปิดเผยความจริงมามันจะรู้สึกโล่ง เพราะว่าคนถ้าทำไม่ดีหรือว่าทำอะไรที่ปิดบังไว้มันจะกัดกินหัวใจของคนที่ทำชั่วไปจนวันตาย แล้วคนทำชั่วจะมีกรรม"
อันนี้เป็นการเตือนหรือเป็นการแช่ง?
อ้วน : "พุทธศาสนาหรือคนบนโลกใบนี้ไม่ต้องแช่งหรอกใครที่ทำกรรม เขาจะต้องรับกรรมนั้น ถ้าสมมติว่าทำกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วออกมาเปิดเผยเรื่องราวให้ความยุติธรรมกับศพพี่ว่ากรรมนั้นมันจะเบาบาง ไม่ใช่ว่าทั้งหมดทำผิด หรือไปฟันธงว่าทั้งหมดบนเรือทำผิดแล้วไม่ใช่นะ เพียงแต่ว่าทุกคนสงสัย และความสงสัยตรงนั้นมันก็ต้องมีความจริงออกมา"
ตอนที่หมอกระต่ายโดนมอเตอร์ไซค์ชน แล้วคนที่ชนเขาไปบวช แต่ผมอ่านมาว่าเขาบวชไม่ได้ แล้วอย่างนี้คุณปอเขาบอกว่าหลังงานศพเขาจะบวช บวชได้ไหม?
ทนายเดชา : "มันทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่ากฎมหาเถรสมาคมเขาห้าม ใครที่มีคดีความเขาห้าม แต่ที่ผ่านมาก็บวชหมด เสี่ยเบนซ์จำได้ไหม"
แสดงว่าหลังงานศพเขาไปบวชได้?
ทนายเดชา : "จริงๆ แล้วมันบวชไม่ได้ กฎเถรสมาคมเขาห้ามอุปัชฌาย์ เขาไม่ได้ห้ามคนไปบวชนะ ห้ามอุปัชฌาย์ในการที่จะไปอุปสมบท"
เห็นว่าจะจัดวันที่ 16 มีนาคม ที่วัดท่าไม้?
ทนายเดชา : "มันก็ไม่ได้อยู่แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่ากฎกติกาในสังคมมันเลือกปฏิบัติได้ไง ตำรวจขับรถชนหมอตาย บวชไม่ได้ กดดันต้องรีบสึก เสี่ยเบนซ์ได้ นี่เจ้าของเรือเป็นไฮโซได้ ก็แล้วแต่ไง ประเทศเราจะอยู่กันแบบนี้หรือเปล่า มันจะกลายเป็นว่ากฎกติกามีข้อยกเว้น"
ข่าวล่าสุดบอกว่า 1 ใน 5 มีการใช้สารเสพติด อันนี้จริงไหม?
ทนายเดชา : "ตำรวจเขาให้สัมภาษณ์แล้วทีวีช่องหนึ่ง เขาบอกว่าพิธีกรไปสรุปเอง ท่านรองบอกแล้วว่าท่านไม่ได้พูด พิธีกรสรุปเอง"
รายการนั้นก็บอกว่า 1 ใน 5 คนมีคนรับสารภาพความจริง และมีคนโกหก รายการนั้นก็สรุปแล้วว่าใช่?
ทนายเดชา : "ท่านไม่ยอมรับ หลังจากนั้นก็ไปอีกช่องนึง แต่ข่าวที่ผมทราบมาลึกๆ จริง เท็จ ยังไงไม่รู้ มันมีคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด แต่ตอนนี้ท่านรองผู้บัญชาการ ท่านอุดร ที่ยังไม่กล้ายืนยันเพราะว่า ผลตรวจสารเสพติดมันยังไม่ออก เขากลัวว่าพูดไปแล้ว แล้วผลออกว่าไม่มีเขาก็ซวย แค่นั้นแหละ"
อย่างเมื่อวานกรณีที่อยากได้ผมของคุณโรเบิร์ตไปตรวจ DNA แล้วคุณโรเบิร์ตไม่ให้เจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรไม่ได้ อันนี้มันได้ด้วยเหรอ?
ทนายเดชา : "เขาไม่สามารถไปบังคับได้ครับ เนื้อ ตัว บังคับ ไม่ได้ครับ มันเป็นเสรีภาพ"
มันยิ่งทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยแค่เส้นผมเส้นเดียวกลัวอะไร?
ทนายเดชา : "เขาไม่ให้ความร่วมมือก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคดีนี้เป็นคดีที่แปลกนะ คุณแม่ผู้เสียหายก็มีทนาย พี่ชายก็มีทนาย ผู้ต้องหาก็มีทนาย คนที่อยู่บนเรือทุกคนไม่ได้เป็นผู้ต้องหาก็มีทนาย พยานจะไปพบตำรวจยังต้องมีทนายเลย แสดงให้เห็นว่าทุกคนกลัวติดคุกทั้งนั้น"
แม่อ้วนมีอะไรสงสัย?
อ้วน : "สงสัยตั้งแต่น้องเสียชีวิตแล้วว่ามันมีอะไรหรือเปล่า ก็สงสัยเหมือนที่ทุกคนสงสัย อันนี้สมมติว่าเป็นตัวเอง ถ้าสมมติว่ามันมีเรื่องจำเป็นที่ต้องขอเส้นผม สำหรับตัวฉันนะไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ฉันให้นะ"
ทนายเดชา : "ถ้าให้แล้วไปตรวจ มันตรงเขาก็ติดคุกอะสิ"
นั่นคือความจริงไม่ใช่เหรอ?
ทนายเดชา : "ความจริงมันติดคุก สังเกตสิพอเกิดเรื่อง เกินราวทำไมเขาต้องปรึกษาทนายตั้ง 2-3 คน แทนที่ว่าเพื่อนเราตกน้ำ ต้องโทรหาตำรวจ กู้ภัย พยาบาล นี่เพื่อนตกน้ำโทรหาทนาย แสดงว่าอะไร ทนายมีไส้ทำไม มีไว้แก้คดี"
มันมีข้อสงสัย อย่างกรณีที่เพื่อนตกน้ำ แล้วเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น เราหายตัวไปกว่าจะออกมาสู่สังคม พนักงานสอบสวนได้ตั้งคำว่าเอ๊ะตรงนั้นไหม?
ทนายเดชา : "มันต้องเอ๊ะ แต่แถลงไม่เห็นพูดถึงเลย เขามีแต่พูดเรื่องความลับในสำนวน จริงๆ มันต้องสงสัยสิ เพื่อนเราตกน้ำเราก็ต้องนั่งคอยดู คอยเฝ้า กระโดดไม่ได้ ต้องคอยอำนวยความสะดวกชี้จุด ไม่ใช่เดินไปที่นั่น ที่นี่ต่างๆ ไม่ใช่ไปอยู่กับทนายวางแผนอะไรต่างๆ มันแปลกคนทั่วไปใครจะทำ"
เขาบอกว่ามี 1 ใน 5 ยอมรับสารภาพหมดเปลือก แล้วสติแตกมาก มีการเก็บตัวคนคนนั้นไว้ในเซฟเฮ้าท์แล้วด้วย?
ทนายเดชา : "ไม่จริง โกหก เพราะถ้าเกิดรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาก็ต้องพาไปทำแผนสิ คดีดังขนาดนี้ คุณนั่งยังไง ถีบเขาตกยังไงอะไรต่างๆ"
แล้วทำไมคดีมันช้าๆ?
ทนายเดชา : "คดีมันช้าเพราะอะไรล่ะ เพราะว่าเท่าที่ผมดูพยานหลักฐานมันน้อย ประจักษ์พยานบนเรือไม่มีใครยืนยันที่เป็นประโยชน์ต่อการแจ้งข้อหาเลย แล้ว 5 คนบนเรือพูดเหมือนกันหมดเลย เหมือนอ่าน ท่องมา ละครอันเดียวกัน เหมือนลอกข้อสอบ"
เขาบอกว่า 5 คนบนเรือ 1-2-3 คนไม่แน่ใจมีแบล็กดีมาก?
ทนายเดชา : "เป็นไปได้หมด ประเทศเราถ้ามีเงิน มีเส้นมันก็มีโอกาสรอดสูงนะ มันเป็นเรื่องปกติ ผมยังต้องมีเส้นเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องเส้นสาย ที่จอดรถ คุณไปตามห้าง คุณขับรถราคาแพงก็มีที่จอด มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย"
พี่อ้วนเชื่อไหมว่าแตงโมไปฉี่ท้ายเรือ เมาด้วย?
อ้วน : "ตั้งแต่รู้จักกับแตงโมมา 10 ปี ยังไม่เคยเห็นแตงโมเมาเลย ขนาดเลี้ยงปิดกล้องยังไม่เมาเลย นางอาจจะมีจิบอะไรต่ออะไร เพื่อสังคม แต่เมายังไม่เคย ถ้าถามว่าไปฉี่ท้ายเรือเชื่อไหม คือแตงโมมีความเป็นสาวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ถามว่าฉันเชื่อไหม ฉันก็ไม่เชื่อว่าแตงโมไปฉี่ได้ แต่ความที่เราไม่เชื่อมันก็อาจจะไปฉี่จริงก็ได้ แต่ว่าฉันไม่เชื่อแค่นั่นเอง"
ทนายเดชา : "ผมก็ไม่เชื่อครับ มันดูพิเรนยังไงไม่รู้ เป็นดารา เป็นนักร้อง เป็นคนดัง เป็นนางเอก"
อย่างคุณสันธนะเขาออกมาให้สัมภาษณ์บอกว่าเป็นฆาตกรรม?
ทนายเดชา : "ผมก็รู้จักกับพี่ต่อนะ เขาก็อยู่ในวงการธุรกิจพวกเทาๆ พวกบ่อน คือแกเปิดตัวอยู่แล้ว แกชอบเล่นการพนัน แกก็มีข้อมูลเชิงลึกลับอะไร แต่คราวนี้การตั้งข้อสังเกตของรองต่อมันตั้งข้อสังเกตได้ แต่มันต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนไง ถ้าพูดลอยๆ ไม่ได้"
คดีนี้อะไรที่มันพอจะเป็นพยานหลักฐานได้บ้าง?
ทนายเดชา : "ข้อมูลกล่องดำของเรือ สมองเรือเนี่ยแล้วข้อมูล GPS ของเรือที่ผ่านดาวเทียม 2 ดวง อันนี้มันชัดเลย วิ่งมาความเร็วเท่าไหร่ วนจุดไหน เท่าที่ผมทราบข้อมูลมา มันมีการวนหารอบแรก วนประมาณ 18 รอบ วนนานมากไม่เจอ ใช้เวลานาน เท่าที่ทราบมานะ จริงเท็จยังไงไม่รู้ แต่ข้อมูล GPS มันจะบอกเลยว่าวิ่งมาตรงไหนยังไง ไปทิศทางไหน อันนี้ชัดเจน เสร็จแล้วเอาไทม์ไลน์ใน GPS เปรียบเทียบกับคำให้การของพวกที่อยู่บนเรือทั้งหมด ถ้าไม่ตรงกันพวกนั้นก็คือพวกโกหกตอแหลทั้งนั้นแหละ ก็ตั้งถูกดำเนินคดี"
เท่าที่ติดตามข่าวสารมาเขาบอกว่าตอนแรกก็มาเนือยๆ แล้วพอจุดจุดนึงก็เหมือนกระชากเรือแล้วออกเร็วเลย?
ทนายเดชา : "กระชากยังไม่ถึงชัดครับ มันมีแต่ความเร็วเปลี่ยนแปลง ความเร็วเปลี่ยนแปลงมันมีหลายสาเหตุ อันนี้ต้องไปพิสูจน์กัน ทุกวันนี้ที่เขาบอกว่าโกหกเพราะอะไร ก็เพราะมันขัดกับ GPS ของเรือแค่นั้น"
ที่ตำรวจเขาตัดเรื่องการเป็นเด็กเอ็น เรื่องจริงไหม?
ทนายเดชา : "ไปพูดอย่างนั้นก็ไม่เป็นธรรมกับตำรวจ คือมันไม่มีหลักฐาน"
แม่อ้วนบอกเลยว่าไม่เชื่อว่าอันนี้เป็นงานเอ็น ?
อ้วน : "ไม่มีวันที่แตงโมจะทำอย่างนั้น ถ้าน้องเดือดร้อน น้องจะปรึกษา แม่ๆ ที่พร้อมจะช่วยเหลือแตงโมเนี่ย แตงโมจะไม่ทำ เพราะมีแม่คอยซัพพอร์ตอยู่หลายคน แล้วแม่แต่ละคนคือรวยหมด แล้วแตงโมถ้าต้องใช้เงินเขาจะบอกแม่เขา แล้วเขาไม่มีวันจะทำอย่างนั้น เพราะว่าแตงโมเนี่ย ถ้าไม่รักไม่ชอบ มึงจะมานั่งใกล้มันยังไม่ยอมเลย เพราะฉะนั้นตรงนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด"
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ