ซาอุ-เอมิเรตส์เชิดใส่ไบเดน! หลังต่อสายวอนช่วยหาทางลดราคาน้ำมัน
เจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐและตะวันออกกลางหลายรายเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ สมเด็จเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร แห่งซาอุดีอาระเบีย และสมเด็จเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธคำขอพูดคุยผ่านโทรศัพท์ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ในยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูง
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ส่งเสียงวิจารณ์นโยบายในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียของสหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ
ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณว่าความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐถดถอยลงในยุคของนายไบเดน เพราะที่ผ่านมาซาอุดีอาระเบียต้องการการสนับสนุนจากสหรัฐมากขึ้นในการเข้าไปแทรกแซงสงครามกลางเมืองในประเทศเยเมนที่มีพรมแดนติดกัน และต้องการให้สหรัฐช่วยเหลือโครงการนิวเคลียร์ของตัวเองเพราะเห็นว่าอิหร่าน ซึ่งมีท่าทีไม่เป็นมิตรกันนัก กำลังพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของตัวเองไปมากแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น ซาอุดีอาระเบียยังต้องการให้สหรัฐคุ้มครองทางกฎหมายแก่สมเด็จเจ้าฟ้าชายขณะเสด็จพระราชดำเนินหรือขณะประทับในสหรัฐด้วย เพราะทรงเผชิญการฟ้องร้องหลายคดีในสหรัฐ อย่างเช่นคดีหนึ่งที่ทรงตกเป็นจำเลยฐานบงการฆ่าผู้สื่อข่าว นายจามาล คาชอกกี เมื่อปี 2561
ด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็มีความกังวลคล้ายกับซาอุดีอาระเบัยเกี่ยวกับการที่สหรัฐไม่ได้ตอบสนองต่อการที่กลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมน ที่อิหร่านสนับสนุน ยิงจรวดเข้ามายังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย ทั้งยังกังวลถึงแผนการฟื้นฟูสนธิสัญญานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ที่ไม่ได้ช่วยแก้ความกังวลด้านความมั่นคงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ 2 ประเทศนี้เพราะต้องการลดราคาน้ำมันลงจากการที่ราคาน้ำมันดิบดีดสูงไปถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (36.16 บาทต่อลิตร) เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 14 ปี และซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเพียงผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ 2 รายที่สามารถผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มอีกหลายล้านบาร์เรล ซึ่งจะช่วยลดราคาน้ำมันดิบลงได้อย่างมาก