รับบทโคนัน! ส.ส.เต้ ลั่น คดีแตงโมเป็นฆาตกรรม 98% ขอวงจรปิดจากสภาตอนเรือแล่นผ่าน
วันนี้ (10 มี.ค. 65) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยศรีวิไลย์ ลุยเช็กกล้อง CCTV ตามหาหลักฐานสำคัญ กรณีที่ น.ส. ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ได้พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ทจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยหลังจากได้ลุยเช็กกล้อง CCTV ที่วัดสร้อยทองและกรมทางหลวงชนบท ใต้สะพานพระราม 7 ซึ่งตั้งติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วนั้น ในช่วงบ่ายก็ได้ลุยตรวจสอบกล้องที่บริเวณ CPAC, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, โกดังภูมิพัฒน์ และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง
โดยนายมงคลกิตติ์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบกล้อง CCTV ของ 3 แห่งแรกนั้นพบว่าเป็นภาพมุมแคบและบางแห่งนั้นไม่มีกล้องริมแม่น้ำ รวมถึงมีเรือขนทรายมาบัง ทำให้ไม่เห็นภาพในส่วนที่ต้องการ จึงได้ติดต่อประสานไปยังการไฟฟ้าฯ เพื่อขอดูกล้องวันเกิดเหตุ ซึ่ง ผู้ว่าการกฟผ.ก็ได้กล่าวว่า ได้มอบข้อมูลให้แก่ตำรวจและกรมเจ้าท่าแล้วเรียบร้อย
สำหรับตอนนี้ นายมงคลกิตติ์คิดว่าเป็นการฆาตกรรม 98% จากเดิม 95% เนื่องจากได้เห็นภาพจากกล้องว่าในช่วงเวลาคาดการณ์เกิดเหตุนั้นไม่มีลักษณะของเงาของมนุษย์ที่กระโดดลงไป ประกอบกับภาพจากกล้องกรมทางหลวงชนบท ช่วงเวลา 22.29.32 จะเห็นได้ว่าเรือวิ่งค่อนข้างช้า ซึ่งความเร็วระดับนั้นไม่น่าจะพลัดตกลงไปได้ และยังมั่นใจอยู่ว่าบริเวณที่แตงโมตกจากเรือนั้นอยู่แถวเทเวศร์
นายมงคลกิตติ์ยังกล่าวต่อ ว่าต้องหาหลักฐานให้รัดกุมที่สุดเนื่องจากคดีนี้มีโอกาสหลุดฟ้อง ซึ่งตนเป็นนักวิทยาศาสตร์ต้องสงสัยไว้ก่อน จึงยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดของคนบนเรือ อีกทั้งยังพร้อมจะมอบหลักฐานให้แก่ทนายกฤษณะ รวมถึงพร้อมสนับสนุนทีมทนายความของพรรคไทยศรีวิไลย์หากมีการต่อสู้คดีแก่ทนายกฤษณะ และนางภนิดาอีกด้วย
ซึ่งนอกจากนี้ยังได้กล่าวเสริมว่า ตนเข้าใจว่าเบี้ยของการสืบสวนสอบสวนนั้นไม่มากเท่าไหร่ ทำให้ความตั้งใจในการหาหลักฐานไม่เหมือนกัน ส่วนตนนั้นได้เงินเดือนหลักแสน ซึ่งมาจากภาษีของพี่น้องประชาชน และมากกว่าเงินเดือนของผบ.ตร. ความตั้งใจในการหาหลักฐานก็จะเยอะขึ้นและไปได้ไวกว่า
หลังจากนั้น นายคลกิตติ์ได้เดินทางไปตรวจสอบกล้อง CCTV ที่รัฐสภา เนื่องจากว่าบริเวณริมแม่น้ำมีกล้อง 4 ตัวที่สามารถหมุนได้ถึง 180 องศา โดยพบว่ามีคลิปทั้งหมด 2 คลิป ปรากฏภาพเรือของแตงโมขับผ่านอาคารรัฐสภา 2 ครั้ง แต่ภาพไม่ชัดเจน
โดยนายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตามกฎจราจรทางเรือที่สอบถามจากเจ้าหน้าที่ เรือที่วิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยาจะต้องวิ่งเลนขวาของแม่น้ำ แต่เรือลำดังกล่าววิ่งทางเลนซ้ายของแม่น้ำมาตลอด ตั้งแต่ช่วงสะพานพระราม 7 สะพานซังฮี้ แต่เมื่อถึงอาคารรัฐสภา เรือกลับมาวิ่งเลนขวา และเมื่อผ่านรัฐสภาไป เรือก็กลับไปวิ่งเลนซ้ายเหมือนเดิม โดยใช้ความเร็วค่อนข้างช้า ประมาณ 4-5 น็อต ขับผ่านเวลา 21.47 น.
ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ถามผู้สื่อข่าวว่า “เห็นความผิดปกติไหม” เพราะส่วนตัวมองว่าเรือขับถูกกฎหมายโดยใช้เลนขวา เฉพาะช่วงที่ผ่านรัฐสภาเท่านั้น เพื่อให้กล้องเห็น มั่นใจว่าคนที่ขับเรืออยู่ขณะนั้นรู้กฎหมายการเดินเรือ แต่กล้องรัฐสภามีแสงสว่างจ้า สามารถจับภาพไว้ได้ โดยกล้องมีทั้งหมด 8 ตัว ส่วนคลิปจากกล้อง ของอาคารรัฐสภาจะแตกต่างกับที่อื่นเรือลำนี้มีพฤติกรรมแบบเดียวกับคลิปวงจรปิดที่อาคารรัฐสภาหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าแตกต่างหรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่าเรือลำนี้กลัวแสง และตอกย้ำข้อสันนิษฐานส่วนตัวว่า “แตงโม” น่าจะตกเรือแถวท่าน้ำเทเวศน์
ส่วนกรณีที่ ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ไม่ให้นายมงคลกิตติ์เข้าไปตรวจสอบกล้อง ว่าเป็นเพราะว่าการไฟฟ้าฯ ได้ให้กล้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว ยืนยันว่าการทำงานของตนเองไม่ได้ตั้งใจจับผิดการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่เกรงว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ สามารถลบภาพลบเงาและปรับแต่งได้ หากทางราชการทำงานฝ่ายเดียว หลักฐานอาจยังไม่แน่นพอ
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าจะมีการแทรกแซงกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่นั้นนายมงคลกิติ์ กล่าวว่า ใครที่โดนคดีก็คงอยากจะต้องโทษให้น้อยที่สุด เท่าที่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นสิทธิ์ของคนทำผิดอยู่แล้ว ส่วนตัวอยากทวงความยุติธรรมให้กับแตงโม
ส่วนเรื่องนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายของแม่แตงโมที่โดนคดีก่อนหน้านี้ มองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะตนเองก่อนมาดำรงตำแหน่ง ส.ส. ก็ถูกดำเนินคดีเช่นกันถึง 13 คดี มองว่าเป็นเรื่องปกติ และไม่กังวล เนื่องจากคิดว่าทนายกฤษณะ ตั้งใจว่าจะทำคดีนี้ให้สุดทาง แต่ขอเตือนว่าอย่าไปรับเงินคนที่ไม่ถูกต้อง