ประชาชนเตรียมรับมือ ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม 31 มีนาคมนี้

สถานการณ์ยังคงผันผวนทั้งราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในตลาดโลก โดยล่าสุดรัฐบาลไม่ขายฝันปรับราคาก๊าซหุงต้มแน่ 31 มีนาคมนี้

ย้ำโดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าการปรับราคาดังกล่าว ก็เพื่อให้ช่องว่างระหว่างราคาในประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านน้อยลงป้องกันการลักลอบส่งออก โดยราคาก๊าซหุงต้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นนั้น จากราคาปัจจุบัน 318 บาท ต่อถัง 15 กิโลกรัมเพิ่มขึ้นถังละ 15 บาท เป็นถังละ 333 บาท โดยราคาดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่า ยังไม่ได้สะท้อนต้นทุนราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกทั้งหมด เพราะหากให้เป็นไปตามโครงสร้างแล้ว ราคาก๊าซที่ถังละ 318 บาท ราคา LPG ในตลาดโลก อยู่ที่ตันละ 400 เหรียญสหรัฐ แต่เวลานี้ราคา LPG ในตลาดโลกพุ่งสูงถึงกว่า 900 เหรียญสหรัฐ คำนวณแล้วราคาก๊าซหุงต้มจะต้องอยู่ที่ถังละ 463 บาท แต่คงไม่ไหวแน่ เพราะแค่ 15 บาท สำหรับบางคนก็ถือว่าหนักหน่วงแล้ว

ด้านผู้ประกอบการร้านอาหาร นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังรัฐบาลประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นไปจากราคา 318 บาทเป็น 333 บาท ขนาดถัง 15 กิโลกรัม มองว่า เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหาร ถึงแม้ว่าต้นทุนของก๊าซหุงต้มจะไม่ได้เป็นต้นทุนที่สูงเหมือนต้นทุนวัตถุดิบ แต่ในช่วงที่สถานการณ์การค้ายังคงไม่ฟื้นตัว ผู้ประกอบการควรมีทางเลือกที่มากขึ้น โดยส่วนตัวมองว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีอำนาจสั่งการให้ปตท.ซึ่งเป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด สามารถคงราคาก๊าซหุงต้มในประเทศได้ แต่เมื่อไม่ทำและอ้างผลกระทบจากราคาในตลาดโลก

สมาคมภัตตาคารไทย มีแนวคิดให้สมาชิกร้านอาหาร เปลี่ยนยี่ห้อก๊าซหุงต้มจากปตท.เป็นยี่ห้ออื่นซึ่งมีราคาที่ถูกกว่าเป็นทางเลือกในการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ในช่วงที่สถานการณ์ราคาวัตถุดิบยังมีราคาสูง โดยความแตกต่างระหว่างก๊าซหุงต้มของปตท.กับยี่ห้ออื่นนั้น มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณถังละ 30 บาท

โดยราคาก๊าซหุงต้มที่มีการซื้อขายเวลานี้ขนาดถัง 15 กิโลกรัม รวมค่าขนส่งแล้ว ปตท.เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณถังละ 360 บาท ในขณะที่ยี่ห้ออื่น เช่น PT อยู่ที่ราคา ถังละ 333 บาท และยังสามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปหักค่าใช้จ่ายได้ การเปลี่ยนยี่ห้อจึงถือเป็นทางเลือกในการลดต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งโดยส่วนตัวอยากให้ร้านอาหารที่เป็นสมาชิกเปิดใจไม่จำเป็นต้องใช้ก๊าซหุงต้มยี่ห้อหลักเพียงยี่ห้อเดียว

เมื่อไม่ช่วยก็ไม่ง้อ อย่าปิดตาคิดว่าประชาชน ร้านอาหารไม่มีทางเลือก เป็นรายใหญ่ไม่เห็นใจคนเดือดร้อน รายเล็กก็ควรมีตัวตนมากขึ้น