“โอ อนุชิต" เล่าหมดเปลือก 20 ปีในวงการ จากวันที่เหลิงคำชื่นชม สู่ #แบนโออนุชิต

“โอ อนุชิต" เล่าหมดเปลือก 20 ปีในวงการ จากวันที่เหลิงคำชื่นชม สู่ #แบนโออนุชิต

“โอ อนุชิต" เล่าหมดเปลือก 20 ปีในวงการ จากวันที่เหลิงคำชื่นชม สู่ #แบนโออนุชิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากจะพูดถึงนักแสดงที่มีฝีไม้ลายมือระดับเทพของวงการบันเทิงบ้านเรา คนหนึ่งที่หลายๆ คนยอมรับและนึกถึงนั่น คือ นักแสดงหนุ่ม โอ-อนุชิต สพันธุ์พงษ์ นักแสดงเจ้าบทบาทที่เดินบนเส้นทางบันเทิงมากว่า 20 ปี จากแดนซ์เซอร์หนุ่มที่เต้นให้ศิลปินชื่อดังมากมาย ขึ้นแท่นนักแสดงตัวพ่อที่ฝีมือหาตัวจับยาก และล่าสุดในตอนนี้ โอ อนุชิต ก็กำลังโชว์ฝีมือครั้งใหม่ ที่ท้าทายกว่าเดิม ในการรับบท "ระดม" หนุ่มที่มีอาการทางจิตเวช ในละคร "บ่วงใบบุญ" ออนแอร์ทางช่อง 8 ปะทะนักแสดงมากฝีมือคับจอ

งานนี้ sanook.com เมื่อมีโอกาสจึงพลาดไม่ได้ ขอคว้าตัว โอ อนุชิต มานั่งพูดคุยกันถึงผลงานชิ้นนี้ พร้อมทั้งเปิดอกแบบหมดเปลือกกับเส้นทาง 20 ปี ในวงการบันเทิงที่เจ้าตัวยอมรับเองแมนๆ ว่าเคยหลงไปกับเสียงชื่นชม และที่สำคัญเปิดหัวใจให้ค้นความรู้สึกกับกระแสดราม่าด้านลบต่างๆ ที่เคยขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ #แบนโออนุชิต มาแล้ว ซึ่งโอก็ตอบหมดไม่มีกั๊ก คุยกันแบบตรงๆ ไปเลย

 ผลงานล่าสุด "บ่วงใบบุญ" ท้าทายความสามารถมากๆ 

"เรื่องนี้รับบทเป็น "ระดม" เป็นลูกชายคนเล็กของคุณนายดอกรัก ซึ่งรับบทโดย พี่กวาง กมลชนก ในเวลาปกติเขาเป็นเด็กหนุ่มเรียบร้อย มองทุกอย่างสดใส สวยงาม เห็นอกเห็นใจคนอื่น สุภาพ แต่เมื่อถูกกระตุ้นให้อาการทางจิตกำเริบ เขาจะแตกต่างขอใช้คำว่าหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย เขาทำลายทุกสิ่งเหมือนเขาคอนโทรลตัวเองไม่ได้ ทำลายไปหมดเลย เขาไม่ได้ทำกับของนะเขาทำกับคนเป็นหลัก"

โอ อนุชิต จากละคร

"พอมาเจอกับนางเอก ผู้หญิงที่เขารักมากก็คือ พี่จอย ศิริลักษณ์ ตื่นมาด้วยสภาพห้องที่มันพัง ไม่อยากจะคิดเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบศรีบ้าง ในแง่ของการแสดงมันก็จะแบบ มีความสุข ถูกกระตุ้น เศร้า พังทลาย วนเวียนกันไปหลายๆ ฉาก ก็ค่อนข้างสนุกแต่ก็ล้าพอสมควร"

"จอย ศิริลักษณ์" นักแสดงในดวงใจ 

"พี่จอยคือหนึ่งในนักแสดงในฝัน ภาพจำของโอก็คือมาจาก "รักเดียวของเจนจิรา" เคยมีเหตุการณ์ที่บังเอิญเจอกัน ในร้านอาหาร แล้วโอก็ตื่นเต้นมาก โทรไปหาเพื่อน ที่เป็นรุ่นน้อง มศว. ของพี่จอย อยากถ่ายรูปด้วย พี่จอยดุไหม ก็บอกไม่ดุๆ เข้าไปเลยๆ เราก็ไม่กล้าเข้า นั่งรออยู่นอกร้าน จนเขาเดินออกมา สวัสดีครับขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม เขาก็จำโอได้ บอกว่า ได้ โอ้ยทำไมไม่เข้าไปถ่าย บอกพี่เขาว่าถ้ามีโอกาสวันนึงโออยากทำงานกับพี่จอย วันนั้นเราก็เห็นว่าเขาไม่ค่อยทำงานในวงการแล้ว

โอ-จอย

จนกระทั่งวันนึงมีพี่โทรมาบอกว่า พี่กวาง กมลชนก อยากได้โอเล่นเป็นลูกคนเล็ก ก็ดีใจมาก อีกคนนึงก็พี่จอย ก็ถามพี่จอยไหน พี่จอย ศิริลักษณ์ เขากลับมาเล่นละครเหรอ พี่จอยบอกว่าถ้าเล่นแล้วมีโอเล่นด้วยก็คงจะดี พี่จอยพูดชื่อโอว่าเป็นหนึ่งในคนที่เขาอยากทำงานด้วย โอ้โห มันดีใจมาก มันมีความสุขมากๆ เลย"

"การทำงานกับพี่จอยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ลืมทุกอย่างแล้วใช้ใจในการทำงาน"

ยากที่สุดสำหรับเรื่องนี้คืออะไร?

"ยากครับ อย่างแรกเลย เขาบอกว่าหนักหน่อยนะโอ แปลงร่างครั้งแรก หนักจริง ต่อมาก็จะมีขั้นกว่าไปเรื่อยๆ เริ่มแปลงร่างวันละรอบ สองรอบ สามรอบ สี่รอบ หกฉากติดกัน มันเหนื่อยมาก แล้วเรื่องของความรู้สึกแตกร้าว ที่เรารู้สึกว่า โอ้ย ทำร้ายคนอีกแล้ว หรือ ทำร้ายคนที่ไม่ควรทำร้าย เป็นอะไรที่ยากและเหนื่อย แล้วก็เจ็บปวดที่จะต้องเล่น"

ทำไมต้องห้ามพลาดละครเรื่องนี้?

"ถ้าสำหรับโอ การกลับมาเล่นละครในรอบ 9 ปี ของจอย ศิริลักษณ์ นี่คือจุดขายที่ ทำไมจะไม่ดูล่ะ การเล่นร้ายของพี่กวาง แค่ตัวอย่างก็แบบ จริงเหรอ พี่กวาง อังศุมาลิน เนี่ยนะ และนอกนั้คือการมีนักแสดงที่เก่งมากอย่างพี่เขตต์ และมีนักแสดงเด็กใหม่ไฟแรงอย่างโอ อนุชิต ทุกคนทำงานกันอย่างสนุกมาก สำหรับโอ โอไม่เคยเล่นละครแนวนี้มาก่อน เมโลดราม่าที่แบบตอบสนองอย่างฉับไว ไม่ใช่รับมาปุ๊บ คิดแล้วแสดงออก ซึ่งหลายเรื่องที่ผ่านมามันเป็นการแสดงสไตล์โอ ที่ภาษาทั่วไปเขาบอกเล่นลึกๆ ซึ่งผู้กำกับบอกว่าไม่ต้องเล่นลึกที่นี่ให้เล่นเลย คนดูไม่รอ  เปลี่ยนช่องแล้วถ้าคุณจะเล่นลึก โห! สำหรับโอมันใหม่มากนะ เราจะเล่นยังไง เล่นได้ไหม เป็นการทำงานอีกรูปแบบนึงของโอ ไม่เคยทำการแสดงลักษณะนี้มาก่อน"

20 ปี ในวงการบันเทิง จากแดนซ์เซอร์สู่นักแสดงตัวพ่อ

"การแสดงก็มีเจนเนอเรชั่นของมัน เหมือนเรารู้สึกการแสดงก็ คือ การแสดง แค่เราเชื่อในสิ่งที่เรากำลังจะแสดงและกระทำมันออกไปก็เป็นการแสดงแล้ว แต่จากที่เราได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่หรือรุ่นก่อนหน้านี้เราก็พบว่าการแสดงมันต่างกัน จนกระทั่งได้มาแสดงกับนักแสดงเด็กๆ มันก็ต่างกัน เราได้รู้ว่ามันมียุคของการแสดงจริงๆ"

โอ จาก ภาพยนตร์

"20 ปีในวงการ ยังอยากไปได้ไกลกว่านี้ครับ ยังดีใจ ยังมีความสุข ทุกวันและทุกครั้งเวลามีผู้จัดหรือคนส่งบทละครที่เขานึกถึงเรามาให้ มีความสุขมาก"

"จากแดนซ์เซอร์และได้เข้ามาเป็นนักแสดงเต็มตัว โอเชื่อว่าไม่มีอะไรบังเอิญ โอเชื่อเรื่องนี้มากเลยว่าทุกอย่างมันถูกกำหนด ถูกจัดสรรไว้แล้ว ไม่มีอะไรบังเอิญเลยจริงๆ เรื่อง 15 ค่ำฯ พี่จิ๊บ พยายามหานักแสดงอยู่หลายครั้ง หลายคนมาก เจอโออยู่สองครั้ง โอ ปฏิเสธที่จะไป ไม่ไปแคส จนกระทั่งไปในครั้งที่สามเพราะพี่ที่แกรมมี่บอกว่าผู้ใหญ่ชวนควรจะไป มันเสียมารยาท เราไปแล้วก็ได้เล่น ตอนเรื่องโหมโรง หลังจากเขารู้จักโอ เขาก็ใช้เวลาอีกหนึ่งปีในการไปควานหานักระนาดที่น่าจะมีความสามารถด้านการแสดง ปรากฏว่าไม่มี ก็ต้องกลับมาเอานักแสดงคนนึง ลองไปเทรนด์ระนาดซิว่าจะได้ไหมแล้วก็พบว่ามันใช่ วันนั้นโอก็เลยเชื่อว่ามันคือบทของโอ 15 ค่ำฯ ก็เหมือนกัน หลายๆ อย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว"

"เราเป็นแดนเซอร์มาก่อน เราเห็นว่าศิลปิน ดารา เป็นยังไง การอยู่หลังพี่มอส นาวินต้าร์ ซาซ่า พี่ก็อต เราไม่ได้อยากเป็นนักแสดง หรือ ดารา ตอนนั้นไม่รู้จักคำว่านักแสดงหรอก คนในทีวีก็คือดารานั่นแหละ ไม่เอา ไม่อยากเป็นดาราเป็นไม่ได้ ดูหน้าด้วย ด้วยอะไรก็ตามแต่ ทำไม่ได้ จนตอนที่ได้ก็ยังไม่เชื่อตัวเองอยู่พักใหญ่"

โอ อนุชิต

"เวลาไปงานที่รวบรวมดาราเยอะๆ จะไปยืนอยู่หลังเสา เขิน รู้สึกไม่ใช่ เราไม่ได้อยู่ในเลเวลเดียวกับเขา พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ เดินมา เราไม่ใช่เลเวลเดียวกันแน่นอน แต่ครูแอ๋ว ก็ให้ความคิดที่ว่า เราภูมิใจกับงานเราไหม ตอนนั้นเรื่องโหมโรง เราก็บอกภูมิใจมากครับ อายหรือเปล่าหนังเรื่องนี้ ไม่อายครับ ถ้าไม่อายก็เดินออกไปให้คนอื่นเห็นว่าเราคือพระเอกหนังเรื่องนี้ เราไม่ได้มีภาษีด้อยไปกว่า ติ๊ก เจษฎาภรณ์ เราก็ว้าว มันเปลี่ยนความคิดเราไปเลย หลังจากนั้นโอก็ภูมิใจในอาชีพนักแสดง ภูมิใจในความเป็นโอ อนุชิต ภูมิใจในตัวเองมาก"

"โอ แฮปปี้มาก คนชอบบอกว่าโอถ่อมตัว ซึ่งไม่ๆ การที่โอมีชื่อเสียงประมาณนี้โอว่ามันกำลังดี โอยังใช้ชีวิตปกติได้อยู่"

อาชีพนี้ทำให้เราฝืนตัวตนตัวเองบ้างไหม?

"ไม่มี ทุกอันเป็นประสบการณ์ที่ดีหมด โอจะไม่ปฏิเสธในการกระทำใดๆ เพียงเพราะโอเป็นดารา ถ้าโอจะทำโอก็จะทำ แต่จะไม่แบบ ดาราเขาไม่ทำกัน ไม่ ไม่ใช่เราละ"

มีช่วงเหลิงไปกับคำชื่นชมเหมือนกัน

"ช่วงแรกก่อนจะมีประเด็นทางการเมืองเข้ามา โอว่าโอก็เหลิงพอสมควรแหละ คนจะมองว่า โอ อนุชิต ไม่เคยโดนด่าเลย มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า ว้าว! เรามีแต่คนรักเนาะ เมื่อก่อนเสิร์ชชื่อก็มีแต่คนชื่นชอบ ชื่นชม ไปหมดเลย เวลาไปไหน แค่เปิดหน้าต่าง สวัสดีครับ ไม่มีที่จอดรถเลย เดี๋ยวพี่หาให้ จนกระทั่ง พอมันมีประเด็น การเปิดหน้าต่าง สวัสดีครับ อืม ครับ แค่อืมเราก็รู้ละ (หัวเราะ) ทุกอย่างเปลี่ยน แต่มันทำให้เรารู้ตัวเองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะมีแต่คนรักอยู่แล้ว โอว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ในการที่ทำให้เราไม่เหลิงจนเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบเราด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม แต่มันทำให้เราหยุด อย่าเพิ่งคิดว่าใครใครก็ชอบมึง แล้วก็เผลอใช้สิทธิพิเศษเหล่านั้นโดยที่ไม่ควร"

ดราม่าหนัก #แบนโออนุชิต

"แฮปปี้มาก ไม่ได้แฮปปี้ไปแบบนั้นนะ  ตอนแรกที่มีคนโทรบอกว่าขึ้นเทรนด์ ผมบอกเพื่อนว่าแคปไว้ๆ เพื่อนก็จะบอกว่าไม่ใช่เรื่องน่าดีนะมึง มึงอย่าเข้าไปเลย โอไม่ได้เข้าไป แต่จะมีใครสักกี่คนที่ครั้งหนึ่งในชีวิตขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่ง คิดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้โกหกเลย ดีใจมาก แคปๆ อย่างน้อยวันนึงเราเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังได้ เรารู้ว่าเราทำอะไร และเราโดนอะไร มันไม่ได้เซอร์ไพรส์หรอก แต่ก็คงเซอร์ไพรส์ที่ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งเลยเหรอ สำหรับโอมันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก"

"อย่างล่าสุดที่เป็นประเด็นที่โอขอบคุณ โอ ขำจริงๆ นะ แต่คนก็หาว่าโอไปยั่วยุอีก โอ้มายก็อด โอ ได้รางวัลดาราสลิ่มแห่งปี โอก็บอกขอบคุณจริงๆ แต่โออาจจะไปเขียนอะไรที่ดูยั่วยุ แต่จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่จะยั่วยุเลย แต่ก็นั่นแหละครับ บางคนไม่ขำ ความผิดของโอเองที่โอสื่อสารไม่ดี แต่ก็นั่นแหละไม่ได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัว ครั้งแรกน่ากลัวสุด"


โอ อนุชิต

"ถ้าเราไม่อ่านเราจะไม่เห็น เหมือนคนตะโกนแล้วเราไม่ได้ยิน ในช่วงนั้นโอไม่อ่านเลย ไม่มีผลอะไรแม้แต่นิดเดียว แต่เพิ่งจะมีผลตอนที่เรา อ่ะ ขอกลับไปอ่านหน่อย เพราะจริงๆ ก็จะมีที่ส่งข้อความอินบ๊อกซ์มาเยอะๆ พอโอเข้าไปอ่านก็พบว่า โอ้มายก็อด บางอันที่ด่าถึงพ่อถึงแม่มันจะโหดไป แต่ทั้งหมดมันเกิดจากการกระทำของเราเองช่วยไม่ได้ คุณอยากแสดงความคิดเห็นมันก็ไม่ผิดที่เขาจะทำฟีดแบ็คเหล่านั้น แต่โอชอบ ฟีดแบ็คเหล่านั้นมันทำให้เกิดมีน้องบางคนที่กล้าเดินเข้ามาพูดกับโอตรงๆ แล้วโอก็นั่งคุยกับเขา ประมาณสี่ห้าคนที่เจอกัน โอคุยได้นะ โอไม่อึดอัดด้วย โอก็อยากคุย แล้วโอก็พบว่าเราคุยกันได้ มันคุยกันได้จริงๆ"

"ถ้าไม่อยากให้เกิดอย่าทำ แต่ถ้าทำแล้วมันเป็นเรื่องปกติที่มันคงจะต้องเกิด เราบังคับคนอื่นไม่ได้ แต่เราบังคับตัวเราได้"

อยากฝากอะไรถึงผู้ชมและแฟนๆ บ้าง

"โออยู่ในวงการนี้มาสักพักแล้วอย่าเพิ่งเบื่อนะ ก็จะพยายามทำงานให้ดีที่สุด โอรักการแสดงมาก โอรักการพูดคุย โอชอบที่จะรู้จักสิ่งใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ อาจจะมีบ้างที่เราไม่เข้าใจกัน แต่ถ้ามีโอกาสได้เรียนรู้กัน โอเชื่อว่าเราจะเข้าใจกันฝากไว้ด้วยครับ"

เรียกว่าวันนี้ โอ อนุชิต ก็ได้เปิดหมดใจกันทั้งความคิดและความรู้สึกต่อชีวิตในเส้นทางนี้ สำหรับแฟนๆ ของโอ อย่าลืมติดตามชม "บ่วงใบบุญ" กันแบบห้ามละสายตา บอกเลยว่าหนุ่มคนนี้ปล่อยของไว้แบบจัดหนัก จัดเต็ม แน่นอน

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ ของ “โอ อนุชิต" เล่าหมดเปลือก 20 ปีในวงการ จากวันที่เหลิงคำชื่นชม สู่ #แบนโออนุชิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook