สธ.เผย โควิดในไทย 4 รายเข้าข่าย BA.2.2 สายพันธุ์เดียวกับระบาดที่ฮ่องกง
กระทรวงสาธารณสุข เผย โควิดในประเทศไทยเป็น “โอมิครอน” 99.7% สัดส่วน BA.2 เพิ่มขึ้นจาก 52% เป็น 68% และพบ 4 ราย ที่มีการกลายพันธุ์ S:I1221T เข้าข่าย BA.2.2 แต่ต้องรอการวิเคราะห์รายละเอียดและการกำหนดชื่อสายพันธุ์อย่างเป็นทางการจาก GISAID
วันนี้ (14 มีนาคม 2565) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์และการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด
ทั้งนี้ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด ในช่วงวันที่ 5-11 มีนาคม 2565 พบสายพันธุ์เดลตาเพียง 6 ราย คิดเป็น 0.3% ที่เหลือ 1,961 ราย เป็นสายพันธุ์โอมิครอน คิดเป็น 99.7% และเมื่อจำแนกสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนพบเป็น BA.1 จำนวน 610 ราย คิดเป็น 32% และ BA.2 จำนวน 1,272 ราย คิดเป็น 68% เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่พบ 52% และมีการกระจายทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ
นอกจากนี้ นพ.ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ BA.2 ยังมีการแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยอีก 3 สายพันธุ์ คือ BA.2.1 , BA.2.2 และ BA.2.3 ซึ่งเป็นการแบ่งของกลุ่มนักวิเคราะห์ข้อมูลที่เตรียมส่งเข้ามายังฐานข้อมูลโลก GISAID แต่ยังไม่ได้กำหนดชื่อสายพันธุ์อย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ก่อน คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็ววันนี้
สำหรับ BA.2.2 มีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามตำแหน่ง I1221T (S:I1221T) ที่มีรายงานพบมากที่ฮ่องกง และพบได้บ้างที่อังกฤษ ตามที่มีการเสนอข่าวในช่วง 2-3 วันมานี้นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นในฮ่องกง เนื่องจากการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นต้องมีการติดเชื้อมาก่อนอย่างน้อย 7-8 วัน และหากมีการติดเชื้อจำนวนมากจนเกินกว่าระบบการแพทย์รองรับได้ก็อาจทำให้การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังไม่พบหลักฐานว่าทำให้เกิดพยาธิสภาพที่ปอดมากขึ้นหรือทำลายอวัยวะมากขึ้น และในอังกฤษก็ไม่ได้พบการติดเชื้อหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่างจากเดิม
สำหรับประเทศไทยมีการตรวจโดยการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสทั้งตัวประมาณ 500-600 รายต่อสัปดาห์ ขณะนี้พบ 4 ราย ที่มีโอกาสเป็นสายพันธุ์ BA.2.2 โดยเป็นต่างชาติ 1 ราย และคนไทย 3 ราย แต่รายละเอียดต่างๆ ยังอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามความสามารถในการแพร่เชื้อ ความรุนแรง หรือความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อหรือวัคซีน ยังไม่พบสัญญาณที่น่ากังวล
ด้าน นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ฮ่องกงมีประชากร 7.6 ล้านคน ช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีการติดเชื้อโควิดสูงขึ้นจากเดิม 5 หมื่นราย เป็น 2.5 แสนราย และเสียชีวิต 1,900 ราย ซึ่งผิดปกติจากทุกประเทศที่เผชิญการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนที่ไม่ได้มีการติดเชื้อหรือเสียชีวิตเพิ่ม จึงต้องติดตามข้อมูลโดยละเอียดต่อไป โดยเฉพาะการเสียชีวิตในผู้สูงอายุหรือข้อมูลการฉีดวัคซีน