แม่วัย 83 หัวใจสลาย ลูกแท้ๆ ฟ้องดำเนินคดีปมแบ่งที่ดิน ป่วยมะเร็งยังไม่เหลียวแล
แม่วัย 83 กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ลูกแท้ๆ ฟ้องดำเนินคดีปมแบ่งที่ดิน แม่ป่วยมะเร็งต้องตัดเต้านมยังไม่มาเหลียวแล
(15 มี.ค.65) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางเสาวนิจ อายุ 83 ปี คุณยายชาวสวนอาศัยอยู่ย่านบางกรวย ที่ถูกลูกแท้ๆ ยื่นฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาและแพ่งในข้อหา ยักยอกทรัพย์, แจ้งความเท็จ แต่คดีอาญาศาลยกฟ้องเนื่องจากตามกฎหมายลูกที่สืบสันดานไม่สามารถฟ้องบุพการีแท้ๆได้ แต่ลูกชายยายเสาวนิจก็ยังไม่ยอมเลิกราฟ้องคุณแม่ในคดีแพ่ง ซึ่งจะต้องขึ้นศาลแขวงนนทบุรี ในวันที่ 5 เมษายน 65 นี้ ทำให้คุณยายเสาวนิจถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ไม่คิดว่าลูกที่เลี้ยงมากับมือจนโตและส่งเสียให้ได้เล่าเรียนจนสูงๆ กับตอบแทนบุญคุณผู้เป็นแม่ได้ขนาดนี้
ยายนิจ เล่าให้ฟังว่า ตนอยู่กินแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับสามีคือ นายสมนึก มานานกว่า 50 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นหญิงสามคน ชายหนึ่งคน คนโตชื่อนางสาวชวัลรัตน์ อายุ 63 ปี คนที่สองชื่อนายมนัส อายุ 61 ปี คนที่สามชื่อ นางสาวรัตนา อายุ 58 ปี และคนที่สี่ชื่อนางสาวอรสา อายุ 57 ปี (เสียชีวิตแล้ว) ช่วงที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวตนทำสวนเก็บเงินเก็บทองจนซื้อที่ดินเก็บไว้หลายแห่งทั้งจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม และที่ๆ ตนอยู่ในปัจจุบันย่านบางกรวย ส่วนสามีก็เอาแต่กินเหล้าไม่ได้ช่วยทำมาหากินสักเท่าไหร่
ต่อมานายสมนึก สามีตนได้แบ่งที่ดินย่านบางกรวยให้ลูกๆ 3 คน คนละ 161 ตารางวา มูลค่าหลายสิบล้านบาท มีเพียงลูกสาวคนโตที่ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนเองไม่รู้เรื่อง จึงไปสอบถามที่กรมที่ดินเพราะการแบ่งสมบัติให้ลูกตนต้องรับรู้ ปรากฎพบว่ามีคนเซ็นชื่อแทนตน ตอนนั้นถ้าตนคิดจะดำเนินคดีสามีกับลูกก็ต้องติดคุกติดตารางเลยปล่อยเลยตามเลยเพราะเป็นสามีเป็นลูกของตน หลังสามีเสียชีวิตตนซึ่งเป็นภรรยาและจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายได้ทำเรื่องและยกที่ดิน 161 ตารางวา ที่เป็นชื่อสามีให้กับนางสาวธวัลรัตน์บุตรสาวคนโต เพื่อความยุติธรรมเท่าๆ กันทุกคน แต่แล้วกับถูกลูกชายคนรองคือนายมนัส ยื่นศาลฟ้องตนผู้เป็นแม่แท้ๆ ในคดี ยักยอกทรัพย์ , แจ้งความเท็จ ที่นำที่ดินไปยกให้ลูกสาวคนโต โดยไม่บอกกล่าว แต่ศาลยกฟ้องในคดีอาญาเนื่องจากตามกฎหมายลูกที่สืบสันดานไม่สามารถฟ้องแม่บังเกิดเกล้าในคดีอาญาได้
จนกระทั่งต่อมานางสาวอรสา บุตรสาวคนเล็กเสียชีวิตลง คุณยายเสาวนิจผู้เป็นแม่จะต้องได้ที่ดิน 161 ตารางวาจากลูกสาวคืน ทำให้นายมนัสลูกชายซึ่งรับราชการกรมอู่และรู้กฎหมายดี รีบเอาโฉนดของนางสาวอรสาไปแจ้งกรมที่ดินว่าถ้ามีใครมาขอคัดสำเนาโฉนดห้ามอย่างเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ชี้แจงว่าที่ดินแปลงนี้ต้องเป็นของคุณยายเสาวนิจผู้เป็นแม่ตามกฎหมาย โดยคุณยายเองได้แจ้งเรื่องและทำตามขั้นตอนทุกอย่าง จนเวลาผ่านมากว่า 10 ปี จู่ๆ คุณยายเสาวนิจ กับถูกหมายศาลเรียกให้ไปขึ้นศาลในวันที่ 5 เมษายน 65 ในฐานะผู้ต้องหาคดี ยักยอกทรัพย์, แจ้งความเท็จ โดยผู้ฟ้องไม่ใช่ใครกับเป็นลูกชายแท้ๆ คือนายมนัส ที่คุณยายเสาวนิจเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด
เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ ยายนิจถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจไม่คิดว่าตนเองอายุปูนนี้แล้วจะต้องมาขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะถูกลูกชายตนเองฟ้อง
"ยายเสียใจมากๆ ส่งเสียเลี้ยงดูจนเขาเติบใหญ่ได้งานได้การดีๆ ตอนยายป่วยเป็นมะเร็งเต้านมต้องตัดทิ้งข้างหนึ่ง เขารับราชการยังไม่ยอมมาเซ็นเบิกให้ตนเลย ตนต้องหมดเงินไปเป็นล้านๆ เพื่อรักษา โชคยังดีที่ยังมีลูกสาวคนโตและหลานมาช่วยเหลือดูแลมาเยี่ยมทุกวัน ส่วนลูกที่เหลือไม่เคยมาสนใจยายเลยยายหวังว่าสักวันหนึ่งลูกที่เหลืออีกสองคนจะมากราบเท้าขอโทษตนที่เป็นแม่ 9 ปีกว่าแล้วที่ยายรอคอย แต่ไม่มีเลยกลับเป็นหมายศาลมาแทน"