ปางช้างแม่สา ช้างล้มต่อเนื่อง 2 ปี 22 เชือก ขาดเงินดูแล ปมฟ้องร้องมรดกพันล้าน

ช้างในปางช้างแม่สาล้มต่อเนื่อง 2 ปี 22 เชือก ผู้บริหารเผยเหตุฟ้องร้องมรดกพันล้าน ขาดเงินบริหารงาน ควาญช้างดูแลไม่ทั่วถึง

พระสงฆ์ทำพิธีอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ ช้างเพศผู้ สีดอกรุงรัตนะ อายุ 50 กว่าปีที่ล้มลงอย่างน่าสงสารที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีอาการป่วยเรื้อรังและกินอาหารได้น้อยมานานกว่าสองปี แม้ที่ผ่านมาทีมสัตวแพทย์ของปางช้างได้รักษาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

โดยวันที่ 18 มี.ค. สัตวแพทย์วางแผนนำช้างสีดอกรุงรัตนะนำขึ้นรถบรรทุก ส่งตัวไปรักษาที่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง แต่มาสิ้นใจเสียก่อน ท่ามกลางความโศกเศร้าของบรรดาผู้บริหารและควาญช้างเป็นอย่างมาก เพราะดูแลช้างเชือกนี้มาอย่างยาวนาน 

โดยพ่อหมอปราชญ์ชาวบ้านมาทำพิธีจุดธูปขอขมา มีการนำอ้อยที่ตัดเป็นท่อนๆ วางไว้บริเวณใกล้กับปากช้าง ก่อนที่จะมีพิธีปัดรังควาน ก่อนจะฝังซากในสุสานช้าง

นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ปางช้างมีช้างทั่งหมด 78 เชือก แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมามีช้างล้มต่อเนื่องรวมกว่า 22 เชือก ส่วนใหญ่เป็นช้างชราที่มีปัญหาสุขภาพ หากปล่อยเหตุการณ์เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ช้างในปางช้างแม่สาจะลดจำนวนลงไปย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ยอมรับว่าปางช้างต้องประสบปัญหา เนื่องจากการดูแลและพยุงชีวิตช้างต้องใช้เงินในการดูแลช้างทุกเชือก นอกจากนี้ยังต้องดูแลพนักงานอีก 110 คน จากเดิมที่มีอยู่กว่า 330 คน ในจำนวนนี้เหลือควาญช้างเพียง 50 คน ซึ่งบางคนต้องดูแลช้างถึง 2 เชือก

สาเหตุที่ดูแลได้ไม่ทั่วถึงเพราะขาดเงินในการบริหารงาน เนื่องจากมีปัญหาการจัดการทรัพย์มรดกของบิดา คือนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 62 และกำลังมีเรื่องฟ้องร้องทางศาลกรณีการจัดการทรัพย์มกรดกกว่า 1,000 ล้านบาท กับภรรยาใหม่ของบิดาและลูกสาวภรรยาใหม่ ที่มีชื่อร่วมเป็นทายาทในการจัดการเรื่องมรดกและเรื่องอยู่ในศาลชั้นฎีกา ที่จะมีการตัดสินเร็ววันนี้ โดยมรดกก้อนนี้ ปัจจุบันก็ไม่สามารถนำมาบริหารจัดการในปางช้างได้ ทำให้ตนต้องขายที่ดินและบ้านพัก ได้เงินมา 20 กว่าล้านบาท มาบริหารงาน ซึ่งก็ร่อยหรอลงไปทุกวัน เนื่องจากแต่ละวันมีค่าใช้จ่ายทั้งอาหารช้างกว่า 10 ตันต่อวัน ค่าพนักงาน และควาญช้าง ขณะที่ปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุด ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวจึงไม่มีรายได้