เปิดใจภรรยาน้องเปรม เหยื่อรับน้องโหด "เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกแล้ว"

จากกรณี นายพัดยศ ชลภักดี หรือน้องเปรม อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายในกิจกรรมรับน้องใหม่ที่แอบจัดนอกสถานที่ เมื่อกลางดึกของวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจได้สอบปากคำกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ และได้แจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มรุ่นพี่ 7 คน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยทั้ง 7 คนได้ให้รับทราบข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวไป เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี

ล่าสุด วันนี้ (21 มีนาคม 2565) ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดสีคิ้วคณาราม หรือวัดน้อย ต.สีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งญาติได้นำศพน้องเปรมมาบำเพ็ญกุศลศพที่วัดแห่งนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน คณาจารย์ มทร.อีสาน และนักศึกษา ปวส.ปี 1 เพื่อนๆ ของน้องเปรม มาร่วมไว้อาลัยในงานศพเป็นจำนวนมาก ซึ่งเวลา 16.00 น.วันนี้ จะมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพน้องเปรม ที่เมรุชั่วคราววัดสีคิ้วคณาราม ภายหลังจากที่ญาติได้นำศพมาบำเพ็ญกุศลครบ 3 วัน

ด้าน น.ส.พิมพรรณ เพ็ชรยิ้ม อายุ 19 ปี แฟนของน้องเปรม กล่าวว่า  ภายหลังจากที่แฟนเสียชีวิตไปแล้วตนก็นอนไม่ค่อยหลับ ยังคิดถึงพี่เปรมตลอดเวลา อีกอย่างตอนนี้ตนตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนแล้ว เป็นห่วงลูกที่อยู่ในท้อง กลัวว่าเกิดมาจะมีปมด้อย กำพร้าพ่อ ซึ่งพี่เปรมเคยพูดไว้ว่า อยากจะได้ลูกสาว  ส่วนตนอยากจะได้ลูกชาย และเคยพูดเล่นกันว่า ถ้าอย่างนั้นได้ลูกแฝดก็คงจะดี แต่ตอนนี้พี่เปรมคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกแล้ว ก็อยากฝากบอกพี่เปรม ว่า หลังจากนี้ก็ขอให้ไปสู่สุคติ อย่าได้เป็นห่วงตนเองและลูกเลย ตนจะพยายามดูแลลูกให้ดีที่สุด

แล้วฝากถึงรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมรับน้องจนเป็นเหตุให้พี่เปรมเสียชีวิต ว่า อย่าได้มีการจัดกิจกรรมลักษณะเช่นนี้อีก เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย ขอให้ครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ส่วนหลังจากนี้ ตนก็จะตั้งใจศึกษา ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 คณะบริหารธุรกิจสาขา การจัดการทั่วไป ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้ประสานมาว่า จะช่วยเรื่องทุนการศึกษาให้ตนเรียนฟรี จนจบระดับชั้นปริญญาตรี

ด้านพันตำรวจเอก คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผู้กำกับการ สภ.มะเริง เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.มะเริง สอบปากคำพยาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมรับน้องที่เกิดขึ้นไปแล้ว รวมกว่า 60 ปาก พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มรุ่นพี่ 7 คน ในฐานความผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และฐานความผิดร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น และกลุ่มรุ่นพี่ทั้งหมด 25 คน ถูกแจ้งข้อหาฐานความผิดร่วมกันทำให้ผู้อื่นขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล  และความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดสรุปสำนวนคดีภายใน 30 วัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป