ตร. สั่งตรวจสอบ "ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย" สถานที่บวช ปอ-โรเบิร์ต ปมรุกที่ดินราชพัสดุ

ตร. สั่งตรวจสอบ "ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย" สถานที่บวช ปอ-โรเบิร์ต ปมรุกที่ดินราชพัสดุ

ตร. สั่งตรวจสอบ "ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย" สถานที่บวช ปอ-โรเบิร์ต ปมรุกที่ดินราชพัสดุ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นจุดสนใจของสังคมทันที สำหรับ สำนักปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี หรือที่ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น "มูลนิธิชยันโต โพธิธรรมรังสี" สถานที่บวชของ "โยคีปอ” และ "โยคีโรเบิร์ต" 2 ผู้ต้องหาจากเหตุการณ์ “แตงโม นิดา” พลัดตกจากเรือจมแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต

ต่อมา (21 มี.ค. 65) นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางธนารักษ์จังหวัดราชบุรี ได้รายงานผลการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่ามีการบุกรุกเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ราชพัสดุจริง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว กรมธนารักษ์ได้อนุญาตให้กองทัพบกเข้าเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ และเป็นรูปแบบพื้นที่เขตหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ซึ่งตามหลักการหน่วยงานที่ได้รับสิทธิครอบครอง ต้องมีหน้าที่ดูแล และรักษาพื้นที่ไว้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนจากนี้ กรมธนารักษ์จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือพร้อมกัน 4 ฝ่าย ประกอบด้วย กรมธนารักษ์ กองทัพบก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตัวแทนมูลนิธิที่บุกรุก มาหารือ ส่วนจะขับไล่หรือลงโทษอย่างไร จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายประภาศ กล่าวต่อว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ตั้งอยู่บนที่ดินราชพัสดุแปลงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินฯ พ.ศ. 2481 อำเภอจอมบึง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ 500,000 ไร่ ขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ รบ.553 จ.ราชบุรี เพื่อใช้ในราชการทหาร (กองทัพบก) โดยก่อนหน้า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัยว่า มีความประสงค์จะขอใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อสร้างวัด และขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบพื้นที่เพื่อสร้างวัดว่ามีจำนวนเนื้อที่เท่าใดและขอรูปที่ดินที่ใช้ประโยชน์ เพื่อจะได้ดำเนินการขออนุญาตใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อสร้างวัดให้ถูกต้องตามระเบียบ

อย่างไรก็ตาม ต่อมาทางศูนย์ปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ได้ประสานสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีว่าไม่ประสงค์ที่จะขอใช้พื้นที่สร้างวัดแล้ว โดยจะเปลี่ยนเป็นขอเช่าที่ดินราชพัสดุทำเป็นมูลนิธิแทน ดังนั้น สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีจึงประสานแจ้งให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัย ไปดำเนินการขอยกเลิกการขอใช้พื้นที่เพื่อสร้างวัดต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี และมายื่นคำร้องขอเช่าที่ดินราชพัสดุต่อสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีการดำเนินยื่นคำร้องขอเช่าที่ดินราชพัสดุแต่อย่างใด

อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวว่า การพิจารณาอนุญาตให้ขอใช้หรือให้เช่าที่ดินราชพัสดุของศูนย์ปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย จะต้องได้รับการพิจารณาให้ความยินยอมจากกองทัพบก ในฐานะหน่วยงานผู้ใช้ประโยชน์ก่อน และต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ โดยการขอใช้ที่ราชพัสดุ ผู้ขอใช้ที่ราชพัสดุจะขอใช้ได้เฉพาะเพื่อประโยชน์ในทางราชการเท่านั้น โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณีคือ กรณีที่ราชพัสดุที่ขอใช้เป็นที่ว่างและไม่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานใด โดยยื่นคำขอใช้ต่อกรมธนารักษ์ หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ และกรณีเป็นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ ซึ่งผู้ขอใช้ที่ราชพัสดุจะต้องทำความตกลงกับส่วนราชการที่ครอบครองอยู่ก่อน เมื่อได้รับความยินยอมแล้วจึงจะยื่นคำขอใช้ต่อกรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่

(22 มี.ค.65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปทส.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีปรากฏทางสื่อต่างๆ ว่ามีสถานที่ตั้งของ สำนักปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย หรือ มูลนิธิ "ชยันโต โพธิธรรมรังสี" ของ "พระอุเทน สิริสาโร" เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ครอบครองที่ดินกว่า 70 ไร่ ที่ทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างและถาวรวัตถุในพื้นที่หมู่ 7 ต.สวนผึ้ง อ.เมือง จ.ราชบุรี ว่าได้มีการขออนุญาตใช้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส) เข้าไปตรวจสอบว่ามีการกระทำกฏหมายหรือไม่ พร้อมทั้งให้รายงานให้ทราบโดยเร็ว

พล.ต.ต.มานะ เปิดเผยว่า ภายหลังที่ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ถึงกรณีดังกล่าว ในวันนี้ได้สั่งการให้กองกำกับการ 5 บก.ปทส.ลงไปตรวจสอบโดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.5 จะเข้าประสานขอข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบ ในประเด็นต่างๆ เช่น มีการให้เช่าถูกต้องหรือไม่ มีการบุกรุกพื้นที่ป่า ทำลายป่า หรือทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหายหรือไม่ ทำให้รัฐเสียหายหรือไม่ ซึ่งคาดว่าคงจะได้รับรายงานในเร็วๆ นี้ การตรวจสอบหากพบว่าส่วนไหนที่เข้าข่ายการกระทำความผิด ทาง บก.ปทส.จะต้องสืบสวนสอบสวนเอาผิดตามกรอบของกฏหมาย และรายงานเสนอให้ ผอ.ศปทส.ตร ได้พิจารณาสั่งดำเนินการตามกฏหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส ชี้แจงต่อสังคมได้ ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook